26 พ.ย. 2020 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 3 - Brooklyn Nets
ประวัติทีม Brooklyn Nets
ฝั่งที่สังกัด – ฝั่งตะวันออก Atlantic Division
ปีที่ก่อตั้ง – 1967
ชื่อเดิม –
New Jersey Americans (1967-1968)
New York Nets (1968-1977)
New Jersey Nets (1977-2012)
Brooklyn Nets (2012-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง – เมือง Brooklyn รัฐ New York
ชื่อสนามเหย้า – Barclays Center
เจ้าของทีม – Joseph Tsai
CEO – John Abbamondi
GM (General Manager) – Sean Marks
HC (Head Coach) – Steve Nash
ทีมสังกัดใน G-League – Long Island Nets
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก – 2 (1974, 1976)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 5 (1972, 1974, 1976, 2002, 2003)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division – 5(1974, 2002-2004, 2006)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired – 6 (3, 5, 23, 25, 32, 52)
2
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 โดยเป็นทีมในสังกัดของ ABA (American Basketball Association) โดยใช้ชื่อว่า New Jersey Americans
New Jersey Americans
ผลงานของทีมในฤดูกาลแรกถือว่าไม่เลวร้าย สามารถเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จ แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อไม่สามารถใช้สนามเหย้าของตัวเองในการแข่งขันได้ ทีมจึงต้องรีบหาสนามเหย้าใหม่ที่ใช้แข่งขันอย่างเร่งด่วน
ถึงแม้ทีมจะหาสนามใหม่ในเมือง New York ได้ทันเวลา แต่สภาพสนามกลับไม่อยู่ในสภาพที่ทำการแข่งขันได้
เนื่องจากคืนก่อนหน้านั้น สนามนี้เพิ่งถูกใช้ในการแข่งกีฬา Hockey และทีมงานไม่สามารถจัดการซ่อมแซมสภาพสนามให้สมบูรณ์ได้ทันเวลา ส่งผลให้ทีมโดนปรับแพ้และตกรอบไปในเวลาต่อมานั่นเอง
หลังจากนั้น ทีมตัดสินใจที่จะใช้สยามเหย้าเดิมเป็นปีที่สอง จึงต้องทำการวางโปรแกรมให้ชัดเจนมากขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมเป็น New York Nets เพื่อให้สอดคล้องกับทีมกีฬาร่วมเมืองอย่าง Mets (เบสบอล) และ Jets (อเมริกันฟุตบอล) ให้มากที่สุด
New York Nets
หลังจากที่ฤดูกาลถัดมามีผลงานที่ไม่ดี เจ้าของทีมจึงมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Roy Boe ผู้ที่มีแผนการที่จะพัฒนาทีมให้ไปอยู่ในระดับลุ้นแชมป์ให้จงได้
ในที่สุดความพยายามของเขาก็สัมฤทธิ์ผล ในฤดูกาล 1971/72 ทีมสามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกเลยทีเดียว แต่ก็ต้องพลาดท่าให้กับ Pacers ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่หลังจากที่ทีมเซ็นสัญญา Julius Erving เข้าสู่ทีม ทีมก็กลับมาบินสูงได้อีกครั้ง ในฤดูกาล 1973/74 ทีมทำสถิติชนะถึง 55 เกม และคว้าแชมป์แรกให้กับทีมได้ในท้ายที่สุด
Julius Erving
ทีมยังคงรักษาความแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสามารถคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1975/76 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ ABA ก่อนที่จะถูกรวมลีกกลายเป็น NBA ต่อไป
การย้ายลีกสู่ NBA และการกลับสู่เมือง New Jersey
หลังจากที่มีการผนวกรวมเข้าสู่ NBA ทำให้มี 4 ทีมที่ตามเข้ามาในลีกด้วย ซึ่ง Nets เองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ก็เจอกับปัญหาขึ้นทันทีเช่นกัน เมื่อทางลีก NBA ได้ตัดสินให้ Nets จ่ายเงินจำนวน 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับทีมร่วมเมืองอย่าง Knicks ในฐานะที่มาขอใช้สิทธิ์ทีมในเมืองเดียวกัน
เมื่อรวมกับค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในการเข้าร่วมลีก NBA ที่มีอีก 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เจ้าของทีมอย่าง Boe ประสบปัญหาด้านการเงินทันที ทำให้สุดท้ายทีมจึงจำใจต้องปล่อย Erving ออกจากทีมเพื่อให้ยังสามารถรักษาสภาพคล่องได้
จากเหตุการณ์ข้างต้น ทำให้ฤดูกาล 1976/77 ทีมจบด้วยสถิติ 22-60 ย่ำแย่ที่สุดในลีกทันทีตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้าร่วม
และหลังจากการที่ทีมเห็นว่าสนามเหย้าที่ Long Island มีปัญหา รวมไปถึงการที่มีทีมร่วมเมืองอย่าง Knicks ที่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันอีก ทำให้ทีมตัดสินใจย้ายกลับสู่ New Jersey พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น New Jersey Nets ก่อนที่ฤดูกาล 1977/78 จะเริ่มขึ้น
New Jersey Nets 1978 Logo
ในฤดูกาล 1978/79 ทีมสามารถทะลุเข้ารอบ Playoffs เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าร่วม NBA ได้สำเร็จ ถึงจะแพ้ต่อ Sixers จนตกรอบแรกก็ตาม
เริ่มเป็นขาประจำใน Playoffs
ในปี 1981 ทีมได้ทำการย้ายสนามเหย้าอีกครั้ง (แต่ยังอยู่ในเมืองเดิม) และดูเหมือนสนามเหย้าใหม่ที่ Meadowlands เหมือนจะถูกโฉลกกับทีมแบบสุดๆ เพราะทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยมตลอด 4 ปีหลังจากนั้นเลยทีเดียว
ในฤดูกาล 1982/83 ทีมได้ยอดโค้ชอย่าง Larry Brown ทำให้ผลงานของทีมดูดีเอามากๆ แต่เจ้าตัวกลับตกลงรับงานที่ทีมมหาวิทยาลัย Kensas ตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาล ทำให้ช่วง Playoffs ผลงานกลับย่ำแย่จนพ่ายแพ้ให้กับ Knicks ในรอบแรกเท่านั้น
แต่ในฤดูกาล 1983/84 ทีมสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว นำโดยผู้เล่นระดับ All-star อย่าง Micheal Ray Richardson และสามารถผ่านเข้า Playoffs รอบสองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Bucks ตกรอบสองไปในที่สุด
Micheal Ray Richardson
ในฤดูกาลถัดมาทีมสามารถเข้ารอบ Playoffs ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องจอดป้ายที่รอบแรกอย่างเคย
การบาดเจ็บต่อเนื่องของผู้เล่นที่ส่งผลให้ผลงานทีมแย่ลงโดยปริยาย
ในฤดูกาล 1985/86 ทีมมีผลงานในช่วงต้นฤดูกาลที่ค่อนข้างดี แต่ก็กลับเกิดปัญหาขึ้นจนได้ เมื่อ Richardson ถูกตรวจจับเรื่องการใช้สารกระตุ้นเป็นหนที่สาม ทำให้ถูกแบนออกจากลีกไปตลอดชีวิต รวมไปถึงผู้เล่นที่ทำคะแนนได้ดีอีกคนอย่าง Darryl Dawkins ที่เกิดอาการบาดเจ็บที่หลังอีกด้วย
Darryl Dawkins
ถึงแม้ทีมจะพยายามทำผลงานจนสามารถเข้ารอบ Playoffs ได้ด้วยสถิติ 39-43 แต่ก็จอดป้ายแค่รอบแรกเช่นเดิม แถมฤดูกาลถัดมา Dawkins เกิดอุบัติเหตุทำให้บาดเจ็บซ่ำที่หลังอย่างรุนแรงไปอีกคน
รวมไปถึงผู้เล่นคนสำคัญอย่าง Otis Birdsong ยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก ทำให้ผลงานของทีมตกลงฮวบฮาบจนจบด้วยสถิติ 24-58 ไปอย่างน่าใจหาย
Otis Birdsong
ทีมพยายามแก้ปัญหาด้วยการ Trade Dawkins ออกจากทีม แลกกับผู้เล่นอื่นที่มีสภาพร่างกายที่ดีกว่าเข้ามาทดแทน
แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บก็ยังตามหลอกหลอนทีมต่อไป ในฤดูกาล 1987/88 ทีมเปิดฤดูกาลด้วยการบาดเจ็บของผู้เล่นถึง 3 คน และผู้นำในด้านการทำแต้มในขณะนั้นอย่าง Orlando Woolridge ยังทำผิดกฎระเบียบของลีกจนโดนแบนไม่ให้ลงเล่นอีก ทำให้ทีมจบด้วยสถิติ 19-63 ย่ำแย่แบบสุดๆ
สภาพการณ์นี้ยังส่งผลไปถึงฤดูกาล 1989/90 ที่ทีมมีสถิติเพียง 17-65 ซึ่งถือว่าย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งทีมมาเลยทีเดียว
เริ่มพลิกฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง
ในฤดูกาล 1990/91 ทีมตัดสินใจโละผู้เล่นชุดใหญ่ และเน้นไปที่การใช้ผู้เล่นอายุน้อยที่มีอนาคตไกลแทนผู้เล่นชุดเดิม
ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Derrick Coleman และ Kenny Anderson เข้าสู่ทีม จากนั้นยังได้ Trade เพื่อนำดาวรุ่งที่จะติดทำเนียบ Hall of Fame ในภายหลังอย่าง Drazen Petrovic มาจาก Blazers อีกต่างหาก
Drazen Petrovic
แกนหลักใหม่ทั้ง 3 คนต่างก็โชว์ฟอร์มได้ดี จนกระทั่งทีมกลับมาเข้า Playoffs ได้อีกครั้งหลังจบฤดูกาลปกติ ถือว่าทีมมาได้ถูกทางหลังจากที่ฤดูกาลก่อนยังรั้งบ๊วยของลีกอยู่เลย
แต่ในฤดูกาล 1992/93 อาการบาดเจ็บที่เหมือนเป็นของแสลงของทีมก็ได้ตามกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้ง แกนหลักทั้ง 3 ต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ถึงแม้ว่าทีมจะเข็นผลงานจนจบด้วยสถิติ 43-39 แต่ก็ต้องตกรอบแรกใน Playoffs ไปอีกครั้ง
ในฤดูกาลถัดมา ทีมกลับต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ หลังจากที่ Petrovic ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนเสียชีวิตลง ยังดีที่แกนหลักที่เหลืออีก 2 คน ยังโชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดจนติด All-star ได้ทั้งคู่ และยังทำอันดับเข้ารอบ Playoffs ได้ในที่สุด แต่ก็ต้องพบกับหนังม้วนเดิมด้วยการกระเด็นตกรอบไปแค่รอบแรกเช่นเคย
เพียงแต่ผลงานทั้งสองฤดูกาลถัดจากนั้น ทีมกลับทำสถิติได้แค่ 30-52 จนทีมตัดสินใจที่จะเข้าสู่การสร้างทีมใหม่อีกครั้ง
เข้าสู่การสร้างทีมและ Rebrand ใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่ทีมตัดสินใจสร้างทีมใหม่ด้วยการ Trade แกนหลักเดิมอย่าง Coleman และ Anderson ออกจากทีม ทีมได้ผู้เล่นอย่าง Sam Cassell และ Jayson Williams มาเป็นแกนหลักใหม่ให้กับทีมในขณะนั้น
Jayson Williams
นอกจากนั้นในฤดูกาล 1997/98 ทีมได้ทำการปรับ Logo ของทีมให้ดูทันสมัยมากขึ้น และทีมก็ใช้ Logo อันนี้เป็นหลักมานับแต่นั้น
New Jersey Nets 1997 Logo
Williams โชว์ฟอร์มได้ดีจนมีรายชื่อติดทีมสำรองของ All-star ในปีนี้ และทีมจบด้วยการเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องตกรอบไปแค่รอบแรกเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่เคราะห์ร้ายของทีมก็ยังไม่จบสิ้น ในฤดูกาล 1998/99 Williams กลับต้องได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงมาก จนต้องพักรักษาตัวถึง 2 ปี และไม่สามารถกลับมาลงเล่นในลีก NBA ได้อีกเลยนับจากนั้น และส่งผลให้ผลงานรวมของทีมแย่ลงจนหลุดอันดับเข้ารอบ Playoffs ไปอีกด้วย
เข้าสู่ยุครุ่งเรืองของทีม
ในปี 2000 ทีมได้ประธานสโมสรคนใหม่คือ Rod Thorn ที่มีผลงานอย่างมากในช่วงที่ทำงานเป็น GM ให้กับ Bulls โดยเฉพาะช่วงที่ได้ Draft ตำนานอย่าง Michael Jordan เข้าสู่ทีม
Rod Thorn
Thorn เริ่มลงมือทำงานอย่างหนักทันที โดยมีเป้าหมายให้ทีมสามารถกลับมาผงาดได้อีกครั้ง เหมือนในครั้งที่ยังอยู่กับ ABA ในช่วงก่อตั้งทีมนั่นเอง
ถึงผู้เล่นตัวหลักในขณะนั้นอย่าง Stephon Marbury และ Keith Van Horn จะมีผลงานที่ดี จนกระทั่งติด All-star ในปี 2001 ก็ตาม แต่เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้เคมีของทีมขาดความต่อเนื่อง จนไม่สามารถผ่านเข้ารอบ Playoffs ไปได้อยู่ดี
ในฤดูกาล 2001/02 ทีมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงผู้เล่นชุดใหญ่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะลดอายุเฉลี่ยรวมของผู้เล่นที่มีอายุมากเกินไป และเติมผู้เล่นอายุน้อยที่มีแววดีเข้าไปทดแทน
เริ่มจากการที่ทีมตัดสินใจ Trade สิทธิ์ในการ Draft รอบแรกไปให้กับ Rockets แลกกับการที่ได้ผู้เล่นอย่าง Richard Jefferson, Jason Collins และ Brandon Armstrong มาเป็นขุมกำลังให้ทีม
ตามด้วยการ Trade ผู้เล่นหลักของทีมอย่าง Marbury และตัวสำรองอย่าง Johnny Newman ให้กับ Suns แลกกับผู้เล่นที่กลายเป็นตำนานของทีมในภายหลังอย่าง Jason Kidd เข้าสู่ทีม
Jason Kidd
นอกจากนั้นยังได้เซ็นสัญญา Todd MacCulloch ที่หมดสัญญากับ Sixers เพื่อมาเสริมทีมอีกด้วย
การปรับทีมในครั้งนี้ส่งผลให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทีมจบด้วยสถิติ 52-30 พร้อมกับคว้าแชมป์ Division อย่างสวยงาม
ผลงานในรอบ Playoffs ทีมยังสามารถทะลุไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้อีกด้วย ถึงจะไปพลาดท่าให้กับ Lakers จนพลาดแชมป์ แต่ก็ถือว่าทีมมาได้ไกลมากเลยทีเดียว
ในฤดูกาลถัดมา ทีมเสริมความแกร่งด้านวงในเข้าไปอีก ด้วยการ Trade ผู้เล่นอย่าง Van Horn และ MacCulloch ให้กับ Sixers เพื่อแลกกับ Dikembe Mutombo ผู้เล่นที่มีชื่อในด้านเกมรับใต้แป้นเอามากๆ น่าเสียดายที่ Mutombo มีอาการบาดเจ็บจนแทบไม่ได้ลงเล่นในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ดี ทีมยังสามารถจบฤดูกาลด้วยสถิติ 49-33 และทะลุไปถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องพลาดท่าให้กับ Spurs ไปในเกมที่ 6
ในฤดูกาล 2003/04 ทีมเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก จนส่งผลให้ HC อย่าง Byron Scott ถูกไล่ออก และแต่งตั้งผู้ช่วยอย่าง Lawrence Frank ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ทีมกลับสร้างผลงานที่ดีมาก ทำสถิติชนะต่อเนื่อง 13 เกมรวด ส่งผลให้คว้าแชมป์ Division ได้ติดต่อกันเป็นหนที่สาม ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Pistons ใน Playoffs รอบสอง โดยที่ Kidd ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขนาดหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดหลังจบฤดูกาลอีกด้วย
คู่หู Kidd และ Carter
ในปี 2004 ทีมมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมอีกครั้ง โดยตอนนี้ได้มาอยู่ในมือของ Bruce Ratner แทน และเขาก็ได้ทำการปล่อยผู้เล่นบางส่วนที่มักจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เสมอออกจากทีม นำโดย Kerry Kittles ที่ไปอยู่กับ Clippers และ Kenyon Martin ที่ส่งไปให้ Nuggets
ทางด้าน Kidd เองก็ยังอยู่ในระหว่างพักฟื้นร่างกายหลังผ่าตัด ทำให้ในฤดูกาล 2004/05 ภาระหนักในช่วงแรกจึงตกเป็นของ Jefferson และนั่นทำให้ทีมเริ่มต้นไม่ดีนัก มีสถิติย่ำแย่เพียงแค่ 2-11 เท่านั้น
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งก็มาถึง เมื่อทีมได้ตัดสินใจ Trade ผู้เล่นอย่าง Alonzo Mourning, Eric Williams, Aaron Williams และสิทธิ์การ Draft ไปให้ Raptors เพื่อแลกกับผู้เล่นอันดับ 1 ของทีมอย่าง Vince Carter เข้ามาแทนที่
Vince Carter
จาก Deal นี้ ทำให้ทีมมี Big 3 ได้แก่ Kidd, Carter และ Jefferson นั่นเอง แต่น่าเสียดายที่เล่นร่วมกันได้ไม่นาน Jefferson กลับต้องบาดเจ็บจนต้องเข้านับการผ่าตัด ปิดฤดูกาลไปแบบเจ็บปวด
อย่างไรก็ดี คู่หู Kidd-Carter ก็สามารถพาทีมคว้าอันดับ 8 เข้ารอบได้สำเร็จ แต่ก็โดน Heat กวาดตกรอบแรกไปในที่สุด
ในฤดูกาล 2005/06 จึงถือเป็นฤดูกาลแรกที่ Big 3 ของทีมได้ลงเล่นพร้อมกันถ้วนหน้า และจบด้วยสถิติ 49-33 แถมยังมีการทำสถิติชนะต่อเนื่อง 14 นัดรวดอีกด้วย
ทีมคว้าแชมป์ Division เป็นหนที่ 4 ในรอบ 5 ปี และผ่าน Playoffs รอบแรกไปได้ ก่อนที่จะโดน Heat ตบร่วงรอบสองซ้ำรอยปีก่อนไปอย่างเจ็บช้ำ
ในฤดูกาล 2006/07 Jefferson ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าจนต้องหายไปกว่าสองเดือน แต่ก็กลับมาช่วยทีมได้ในช่วงท้ายฤดูกาลปกติ ทำให้ทีมจบด้วยสถิติ 41-41 แต่ใน Playoffs ก็ไปได้แค่รอบสองเช่นเคย
ซ้ำร้ายในฤดูกาล 2007/08 ทีมเกิดปัญหาภายในขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ดรอปลง อาการบาดเจ็บของผู้เล่น และการบริหารทีมที่ตัดสินใจ Trade ผู้เล่นชุดใหญ่รวมถึง Kidd ไปให้กับ Mavs แลกกับผู้เล่นหลายคน เงินสด และสิทธิ์การ Draft ในอนาคตกลับมา
ทำให้สิ้นสุดยุคของ Duo คู่นี้ไปโดยปริยาย และจบลงด้วยทีมไม่สามารถผ่านเข้า Playoffs ไปได้ ถึงแม้ว่า Carter จะยังโชว์ฟอร์มได้ดีก็ตาม
ช่วงเวลาสุดท้ายใน New Jersey
ทีมเริ่มผ่องถ่ายผู้เล่นที่เป็นแกนหลักของทีมออกไปเรื่อยๆ ในปี 2008 ทีมได้ Traded Jefferson ไปให้กับ Bucks และพยายามใช้ผู้เล่นอายุน้อยเป็นแกนหลักแทน เข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่อย่างเต็มตัว
และในปี 2009 ทีมก็ได้ Trade Carter และ Ryan Anderson ไปให้กับ Magic ทำให้ในทีมไม่เหลือ Big 3 อีกต่อไป
นั่นทำให้ฤดูกาล 2009/10 ถือเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายมากสำหรับทีม นอกจากทำสถิติออก Start ช่วงต้นฤดูกาลได้สุดบู่ที่ 0-18 แล้ว ยังจบแค่สถิติ 12-70 เข้าทำเนียบ Bottom 5 ที่แพ้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกเลยทีเดียว
ในปี 2010 ทีมได้ตัดสินใจที่จะย้ายไปที่เมือง Brooklyn แทน แต่ในระหว่างที่รอให้สนามสร้างแล้วเสร็จ ทีมจึงอาศัยสนามในเมือง Newark เป็นสนามเหย้าไปก่อน
ส่วนการ Draft ในปีนั้น ถึงแม้ว่า Nets จะมีโอกาสจับฉลากได้อันดับ 1 และเป็นตัวเต็งในการคว้าดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง John Wall ไปครอง แต่ทีมกลับโชคร้ายได้แค่อันดับ 3 เท่านั้น
ทีมจึงต้องตามหาผู้เล่นที่สามารถสร้างผลงานให้ทีมได้ในทันที ในฤดูกาลนี้ทีมได้ตามจีบทั้ง LeBron James, Dwayne Wade และ Chris Bosh เพราะค่าเหนื่อยสามารถจ้างได้อย่างน้อยหนึ่งคนได้สบาย แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสามคนไปรวมตัวกันที่ Heat แทน กำเนิด Super Team ในตอนนั้นขึ้นมา
จากผลงานที่น่าผิดหวัง ทำให้ Thorn ที่เป็น GM ขอบทีมมาอย่างยาวนานมากๆ ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อ Off-season ที่ล้มเหลวของทีมในที่สุด
อย่างไรก็ดี ในช่วงหลัง All-star ปี 2011 ทีมก็ได้ผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Deron Williams มาจาก Jazz แลกกับผู้เล่นอย่าง Derrick Favors และ Devin Harris รวมไปถึงสิทธิ์ Draft ในอนาคตและเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ทีมยังพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง
Deron Williams
ทีมมีผลงานที่ดีในช่วงแรก แต่สุดท้าย Williams ก็ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ และแทบจะไม่ได้ลงในเกมที่เหลือ ทำให้ทีมจบสถิติที่ 24-58 เท่านั้น
ฤดูกาลต่อมา อาการบาดเจ็บก็ตามมาหลอกหลอนทีมไม่จบไม่สิ้นเสียที รอบนี้เป็น Brook Lopez ที่ได้รับบาดเจ็บหนักตั้งแต่ช่วง Pre-season จนทำให้ได้เล่นเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้นในฤดูกาล 2011/12 และจบลงด้วยการที่ไม่ได้ไปต่อใน Playoffs เช่นเคย
แต่ท่ามกลางข่าวร้าย ก็ยังคงมีข่าวดีอยู่บ้าง ทีมได้ตัวผู้เล่นที่เด่นในด้านเกมรับอย่าง Gerald Wallace มาจาก Blazers และสนามเหย้าใหม่ที่ Brooklyn ได้ทำการสร้างจนเสร็จสิ้นในปี 2012 ทำให้ทีมได้ตัดสินใจย้ายในฤดูกาลถัดมาทันที พร้อมกับเปลี่ยนชื่อทีมเป็น Brooklyn Nets มานับตั้งแต่นั้น
สู่บ้านใหม่ใน Brooklyn
ในปี 2012 ทีมได้ Trade เอา Joe Johnson เข้าสู่ทีม แลกกับการส่งผู้เล่นหลายคนให้กับ Hawks นอกจากนั้นทั้ง Williams, Lopez และ Wallace ต่างก็เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมกันทุกคน ทำให้ขุมกำลังของทีมในตอนนี้ดูดีมากเลยทีเดียว
นอกจากนั้นฤดูกาลแรกหลังจากย้ายเมืองใหม่ ถือเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง นอกจาก Lopez จะมีรายชื่อติดทีม All-star แล้ว ทีมยังผ่านเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จ พร้อมกับสร้างสถิติการเป็นทีมเยือนที่มีสถิติชนะมากกว่าแพ้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร
เพียงแต่ทีมกลับไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้ ตกรอบด้วยการแพ้ Bulls ในเกมที่ 7 ไปอย่างน่าเสียดาย
ในปีถัดมา ทีมตัดสินใจจ้าง HC ใหม่เป็นอดีตผู้เล่นในตำนานของทีมอย่าง Kidd ที่เพิ่งประกาศเลิกเล่นไปไม่กี่วันก่อนหน้านั้น
Kidd กับบทบาท Head Coach ของทีม
พร้อมทั้งตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ ด้วยการแลกตัวผู้เล่นหลายคน และสิทธิ์ Draft ล่วงหน้าหลายปีไปให้ Celtics เพื่อแลกกับผู้เล่นระดับ All-star อย่าง Kevin Garnett และ Paul Pierce เข้าสู่ทีม ทำให้ทีมมีชุดตัวจริงที่แข็งแกร่งมากๆ ในปีนี้
ถึงแม้จะต้องแลกมาด้วยการจ่ายภาษีเพดานค่าเหนื่อยเป็นปริมาณมหาศาลก็ตาม (เพดานค่าเหนื่อยในขณะนั้นอยู่ที่ 86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ Nets จัดไปซะ 102 ล้านเลยทีเดียว)
สุดยอด Starter ในฝันที่กลายเป็นจริง
ในฤดูกาล 2013/14 ในช่วงแรกเหมือนจะไปได้ไม่สวยเท่าไหร่ เนื่องจากความเป็นมือใหม่ ทำให้ Kidd ยังไม่สามารถปรับจูนทีมได้ ทำให้ช่วงแรกทีมมีสถิติค่อนข้างย่ำแย่อยู่ที่ 10-21 เท่านั้น
ก่อนที่จุดเปลี่ยนจะมาถึง เมื่อ Lopez บาดเจ็บที่เท้าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำให้ Kidd ไม่มีทางเลือก ต้องปรับตำแหน่งผู้เล่นอย่างเร่งด่วน
ผลปรากฏว่าทีมมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งสามารถทำสถิติกลับมาเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องจอดป้ายแค่รอบ 2 เมื่อต้องเจอกับ Heat ในยุค Big 3 อย่าง James, Wade และ Bosh ขวางเอาไว้
แถมเมื่อจบฤดูกาล Kidd ยังถูก Bucks ดึงตัวให้ไปคุมทีมอีกต่างหาก โดยแลกกับสิทธิ์ Draft ในอนาคตสองครั้ง (รอบสองทั้งคู่)
ถึงแม้ในฤดูกาลถัดมาทีมจะยังเข้ารอบ Playoffs ได้ แต่หนนี้กลับต้องจอดป้ายแค่รอบแรกเท่านั้น เห็นชัดเลยว่าทีมชุดนี้ผลงานถือว่าล้มเหลว ถ้าเทียบกับศักยภาพของผู้เล่นที่มี
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ในปี 2016 ทีมได้ตัดสินใจเข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรหลายตำแหน่ง รวมไปถึง HC และ GM ที่กลายมาเป็น Sean Marks จนกระทั่งปัจจุบัน
Sean Marks
ทีมได้ตัดสินใจ Waived Johnson และ Williams ออกจากทีมกลางฤดูกาล 2015/16 ตามมาด้วยการปล่อย Lopez ออกจากทีมด้วยการส่งไปให้ Lakers พร้อมสิทธิ์ Draft ในปี 2017 แลกกับผู้เล่นอย่าง D'Angelo Russell และ Timofey Mozgov นั่นเอง
ทีมต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเสียสิทธิ์ Draft ล่วงหน้าไปหลายปีมากๆ ทำให้ทีมยังไม่สามารถเริ่มหาแกนหลักในการสร้างทีมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทำได้แต่ประคองทีมไปเรื่อยๆ เท่านั้น
จนกระทั่งในฤดูกาล 2018/19 ที่ Russell โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดจนติด All-star และสามารถพาทีมเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้งในรอบหลายฤดูกาลด้วยสถิติ 42-40 ถึงแม้ว่าจะตกรอบแรกก็ตาม
D'Angelo Russell
ในฤดูกาลล่าสุด ทีมประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาผู้เล่นแถวหน้าของลีกอย่าง Kevin Durant และ Kyrie Irving เข้าสู่ทีม
ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะรบกวนไม่ให้ทั้งสองคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่ก็น่าจับตามองมากสำหรับฤดูกาลใหม่ที่ใกล้จะมาถึง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในมือของ HC คนใหม่อย่าง Steve Nash อีกด้วย
Steve Nash กับบทบาท HC คนล่าสุดของทีม
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา