30 ต.ค. 2020 เวลา 10:46 • นิยาย เรื่องสั้น
Chapter 6 แรกเรียนรู้
A Life Experiences Logbook of Seaman
บันทึกประสบการณ์ชีวิตของคนเรือ
คิมเปิดประตูห้อง และเดินตามคนที่ส่งเสียงเรียกเขาออกไป ในระหว่างทางเดินทั้งสองแนะนำตัวเองเพื่อทำความรู้จักกัน คนที่มาเรียกคิมที่ห้อง ชื่อพี่ต้อม เป็นผู้ช่วยกุ๊ก(Messman) ของเรือลำนี้ และจะเป็นพี่เลี้ยง สอนงานให้กับคิม พี่ต้อมพาคิมเดินมาจนถึงห้องครัว (Galley room) ห้องครัวของเรือลำนี้มีขนาดพื้นที่โหญ่กว่าเรือฝึกนักเรียนที่เขาทำงานอยู่ เมื่อคิมได้เห็นก็รู้สึกประหลาดใจ
ในห้องครัว
พี่ต้อมได้แนะนำคิมให้รู้จักกับพี่กุ๊ก พี่กุ๊กคนนี้เป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวสองสี ไว้หนวด ลักษณะเหมือนเฮียหมูบางรักซอย 9 เขาแนะนำให้เรียกเขาว่ากุ๊กเดี่ยว ฉายาเดี่ยว 5 นาที คิมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นเดี่ยว 5 นาที เมื่อสอบถามจึงได้ความว่า ถ้าวันไหนกุ๊กเดี่ยวตื่นสาย จะใช้เวลาในการทำอาหารเช้าให้ลูกเรือแค่ 5 นาที เพราะจะทำแค่ไข่ดาวและไข่เจียวให้ลูกเรือกิน ทั้งสามคนต่างหัวเราะ คิมเองก็คิดว่านี่คงเป็นแค่มุขตลก
หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ พี่ต้อมพาคิมเดินสำรวจและแนะนำสถานที่ภายในเรือ
เริ่มที่ห้อง crew mess room เป็นห้องรับประทานอาหารของลูกเรือ ซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว ในห้องรับประทานอาหารของลูกเรือ มีที่วางจาน, ชาม, ช้อนส้อม, แก้วน้ำ, แก้วกาแฟ, ไมโครเวฟ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ พี่ต้อมพาคิมเข้ามาภายในครัวอีกครั้ง และเดินลงไปตามบันไดด้านล่างห้องครัว ซึ่งจะพบกับห้องอีก 3 ห้อง คือ ห้องแช่แข็ง (Fresher room) ไว้ใช่แช่เนื้อสัตว์ ถัดมาเป็นห้องเย็น (Chiller room) สำหรับแช่ผัก ผลไม้ และห้องสุดท้ายเป็นห้องสำหรับเก็บอาหารแห้ง (Dry store room) เช่น เครื่องปรุงต่างๆ และข้าวสาร จากนั้นพี่ต้อมก็พาคิมเดินขึ้นชั้นบน และเริ่มแนะนำห้องพักประจำตำแหน่งของแต่ละคน เมื่อมาถึงห้องรับประทานอาหารของนายยาม (Officer mess room) ซึ่งจะอยู่สูงขึ้นมา 3 ชั้น จากห้องครัว เห็นได้ชัดว่า ภายในห้องมีความโอ่อ่ามากกว่าของลูกเรือ มีการจัดโต๊ะอาหารเหมือนกับในร้านอาหาร ต่างจากในส่วนของลูกเรือที่ไม่มีการจัดโต๊ะ เป็นเพียงการตั้งโต๊ะเพื่อให้คนกินหยิบตักอาหารกัน ตามสไตล์อยู่ง่ายกินง่าย
เมื่อเดินมาจนถึงชั้นบนสุดในส่วนของห้องพัก ชั้นบนนี้จะมี 4 ห้อง เป็นห้องพักของกัปตัน (Captain), ต้นกล (Cheif engineer), ต้นเรือ(Cheif officer หรือ Cheif Mate), และรองต้นกล (Second engineer) ผู้ที่ปฏิบัติงาน 4 ตำแหน่งนี้ จะถูกเรียกว่ากลุ่ม Senior Officer
กลุ่มต่อมาจะมีตำแหน่ง ต้นหน (Second Officer) ผู้ช่วยต้นเรือ หรือ3/O (Third Officer), 3E (Third Engineer), 4E (Fourth Engineer), และช่างไฟ (Electrician) ผู้ที่ปฏิบัติงาน 5 ตำแหน่งนี้จะอยู่ในกลุ่ม Junior Officer
ถัดไปเป็นชั้นสะพานเดินเรือ (Bridge control room) ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย สะพานเดินเรือเป็นห้องสำหรับควบคุมระบบการเดินเรือทั้งหมด ในห้องนี้จะมีลูกยามและนายยามสลับกันเข้าเวร ขณะเรือวิ่งไปตามสถานที่ต่างๆ ในห้องนี้พี่ต้อมพาคิมมายังด้านหน้าของสะพานเดินเรือ เป็นจุดที่มองออกไป จะเห็นวิวด้านนอกตัวเรือ เริ่มจากส่วนของเก๋งเรือ (accommodation) จนถึงหัวเรือ ในตำแหน่งนี้จะมีจุดวางพระสำหรับสักการะบนเรือ พี่ต้อมบอกกับคิมว่า ทุกเช้าเราจะต้องนำข้าวมาถวายพระบนสะพานเดินเรือทุกวัน ไม่ว่าจะไปอยู่เรือลำไหนก็ต้องทำ คิมรับคำ
 
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับลงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น ระหว่างการทำอาหารทุกคนให้ความเป็นกันเอง ทำให้คิมไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด โชคดีที่คิมก็มีฝีมือการทำอาหารอยู่บ้าง ทำให้พี่กุ๊กไม่ต้องสอนอะไรมาก เมื่ออาหารมื้อเย็นเสร็จ คิมก็ช่วยพี่ต้อมยกอาหารบางส่วนขึ้นไปที่ห้องรับประทานอาหารของนายยาม (Officer mess room) ที่อยู่ชั้นบน ระหว่างพากันยกอาหารขึ้นไป คิมถามพี่ต้อมว่า ถ้าตอนเรือวิ่ง พี่ต้องทำยังไง ถ้าเรือมีคลื่นมันอันตรายนะเนี่ย อาหารจำพวกต้ม ร้อนๆ จะลวกใส่เราแน่ๆพี่ต้อมยิ้มแหะๆ แล้วตอบว่า ก็ค่อยๆ เดินดูจังหวะเอาน่ะ มีลิฟท์ที่ใช้ลำเลียงอาหารขึ้นไปยังชั้นบน แต่มันเสียนานแล้ว ใช้การไม่ได้ เรือลำนี้มีอายุ 20 กว่าปีแล้ว คิมได้แต่รับฟัง ยังไงก็ต้องคิดหาทางรับมือกับเรื่องนี้ เมื่อคิมและพี่ต้อมเตรียมอาหารในห้อง Officer mess room เรียบร้อย หน้าที่ถัดไปคือต้องรอเสริฟอาหาร เมื่อนายยาม (Junior Officer) มาถึง พี่ต้อมกับคิมก็จะคอยตักข้าวและกับข้าวใส่จานแยกเสริฟด้วยการยกถาดไปวางให้ พร้อมรินน้ำใส่แก้ว ให้กับนายยามทุกคน โดยนายยามแต่ละคนก็มีอัธยาศัยดี ยิ้มแย้ม คุยหยอกล้อ กับพวกเขาทั้งคู่ เมื่อถึงเวลาที่ Senior Officer เดินเข้ามาในห้องอาหาร นายยาม (Junior Officer) ก็จะนั่งกินข้าวและคุยกันเงียบๆ ด้วยความเกรงใจ กินเสร็จก็จะรีบออกมา
คิมและพี่ต้อมเสริฟอาหารให้ระดับ Senior Officer เสร็จแล้ว คิมสังเกตเห็นบรรยากาศในช่วงการกินอาหารของทั้ง 4 คน เป็นไปด้วยความเงียบ อึมครึม จนรู้สึกได้ถึงความกดดัน พี่ต้อมนั่งอยู่ที่เก้าอี้เฝ้ามอง Senior ทั้ง 4 คน กินอาหารอย่างเงียบๆ ถ้าน้ำพร่องเลยครึ่งแก้ว ต้องรีบเดินไปเติม ในใจคิม คิดว่าต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรอ
จนเวลาผ่านไป
คิมและพี่ต้อมเก็บของทุกอย่างเพื่อทำความสะอาด คิมมีคำถามมากมายตั้งแต่วันแรกที่ได้สัมผัสกับงาน คิมถามพี่ต้อมว่า พี่ครับตอน Senior ทานข้าวกัน บรรยากาศมันต่างกับตอน Junior มาทานเลยนะครับ พอ Senior เข้ามา ความสนุก ความเป็นกันเองมันหายไปอย่างรวดเร็ว พี่ต้อมให้คำตอบว่า เป็นเรื่องของการวางตัว Senior เป็นกลุ่มที่คอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างภายในเรือ ถ้าเขายังวางตัวแบบ Junior เวลาสั่งการอะไร การเชื่อฟังหรือเกรงใจกันมันจะน้อยลง เดี๋ยวคิมได้ลงเรือสักลำจริงๆ จะรู้เอง ของแบบนี้มันต้องศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเองนะ พูดไปก็ยังไม่เห็นภาพชัดหรอก
เมื่อจากทำงานเสร็จ
คิมเดินเข้ามาที่ห้องพัก มองไปที่นาฬิกา เป็นเวลา 1 ทุ่ม แล้ว เขาล้มตัวเอน นอนพัก ถอนหายใจ หมดไปแล้วนะสำหรับวันแรก ยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะจริงๆ ผ่อนคลายได้สักพัก ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระร่างกาย จะได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า
ก่อนนอน คิมไม่ลืมที่จะโทรกลับบ้านเล่าเรื่องในวันนี้ให้พ่อแม่ได้ฟัง พ่อและแม่ของเขานั่งรอรับโทรศัพท์จากลูกชายอยู่เช่นกัน ทั้งคู่เมื่อเห็นว่าคิมโทรมาล้วนดีใจ สอบถามเรื่องราวว่าวันนี้เป็นอย่างไร ติดขัดอะไรไหม คิมได้เล่าเหตุการณ์ที่เจอทั้งหมดให้ฟัง เขาคิดว่าพรุ่งนี้ทำงานเต็มวันน่าจะเจอเรื่องราวอะไรมากกว่านี้ หลังจากวางสายพ่อและแม่ คิมได้โทรหาฟาง คนรักของเขา บอกเล่าเรื่องราวเช่นกัน แต่ประเด็นสำคัญ ที่คิมบอกกับฟาง คือ เขาลงเรือครั้งแรกนี้จะต้องเป็น Messman ทำหน้าที่เป็นบ๋อยคอยบริการอาหารให้กับคนบนเรือ ฟางจะรับได้ไหม ปลายสายตอบกลับมาว่า เข้าใจ และคิดว่าคิมคงไม่อยู่เรือไปในตำแหน่งนี้ตลอดหรอก เราแค่มาหาเงินแต่งงานกัน เมื่อเงินครบ คิมก็จะต้องมาหางานบนบกทำ และอยู่ด้วยกันกับฟางอยู่แล้วจริงไหม คิมได้ฟังคำนี้ของฟาง ทำให้หัวใจของเขาพองโต คิดแค่ว่า ทำไปตามหน้าที่แล้วกัน เมื่อเป้าหมายสำเร็จค่อยเอาตัวเองออกมาจากวงการ หลังคุยกับฟางเสร็จ คิมจึงได้หลับตาพักกายเสียที
โฆษณา