2 พ.ย. 2020 เวลา 04:33 • ประวัติศาสตร์
“เส้นทางสายไหม (Silk Road)”
“เส้นทางสายไหม (Silk Road)” เป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์สายหนึ่งที่มีความสำคัญมาก
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อของเส้นทางแห่งนี้มาบ้าง แต่ประวัติความเป็นมาจะเป็นอย่างไร ไปหาคำตอบกันครับ
“เส้นทางสายไหม (Silk Road)” คือชื่อของเส้นทางการค้าที่เชื่อมต่อระหว่างยุโรปและเมดิเตอเรเนียนกับทวีปเอเชีย โดยเส้นทางนี้ มีความยาวมากกว่า 6,500 กิโลเมตรและได้ชื่อมาจากการที่พ่อค้าชาวจีน ใช้เส้นทางนี้ในการค้าขายผ้าไหมตลอดเส้นทาง
ถึงแม้ว่าผ้าไหม จะเป็นสินค้าสำคัญที่ค้าขายกันในเวลานั้น หากแต่ก็ยังมีสินค้าอย่างอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยา น้ำหอม เครื่องเทศ สัตว์ต่างๆ
1
สำหรับผ้าไหมซึ่งเป็นสินค้าสำคัญนั้น ได้กำเนิดขึ้นในจีนเป็นเวลานานนับพันปี โดยมีเพียงองค์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ รวมทั้งขุนนางชั้นสูงเท่านั้น จึงจะสามารถใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมได้ และจีนก็เก็บงำวิธีการทำผ้าไหม ไม่แพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้
อาณาจักรโรมันโบราณ เป็นชาติแรกในยุโรปที่ให้ความสนใจกับผ้าไหม และเริ่มทำการค้าขายผ้าไหมกับจีน
การทำผ้าไหมในสมัยจีนโบราณ
แต่การเดินทางตามเส้นทางเพื่อค้าขายผ้าไหมนั้นก็อันตรายมาก คาราวานสินค้าต้องเดินทางผ่านทะเลทรายที่ร้อนระอุ เต็มไปด้วยพายุทราย
เมื่อการเดินทางบนเส้นทางสายไหมเริ่มจะคึกคัก จึงได้เกิดเมืองต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
นอกจากสินค้าแล้ว เส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางที่ใช้เผยแพร่ศาสนา รวมทั้งยังเป็นเส้นทางที่โรคระบาดได้ระบาดอีกด้วย
ศาสนาพุทธที่กำเนิดในอินเดีย ก็ได้แผ่ขยายไปยังจีนตามเส้นทางนี้ ส่วนโรคระบาดนั้น คาดว่าพ่อค้าชาวยุโรปได้ติดโรคจากเอเชียและนำมาระบาดในยุโรปตลอดเส้นทาง
ในช่วงยุคกลาง เส้นทางสายไหมเริ่มจะลดความสำคัญลงเนื่องจากความเสื่อมโทรมของอาณาจักรโรมัน และกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 13-14 เมื่อพวกมองโกลยึดครองเอเชียกลาง
หากแต่ก็เป็นธรรมดา เส้นทางสายไหมก็มาถึงจุดจบในยุคแห่งการสำรวจ เมื่อมีการพบเส้นทางเดินเรือไปยังเอเชีย ทำให้เส้นทางสายไหมหมดความสำคัญ
หากแต่ถึงอย่างนั้น เส้นทางสายไหม ก็คือประวัติศาสตร์บทหนึ่งที่ต้องจารึกไว้
โฆษณา