แต่ถ้า เอาเงินไปซื้อหุ้น..
ซึ่งตอนนั้น #ราคาถูกมาก !!
จ่ายปันผลเป็น 10%
= แกจะได้ปันผลเดือนละ 80,000 กว่าบาท !!
โดยนั่งกระดิกนิ้วเท้า รอรับเงินอยู่บ้าน
#ไม่ต้องทำงาน
(สบายขึ้นเยอะ)
จากวันนั้น จนถึงวันนี้..
จากเงิน 10 ล้าน
ตอนนี้.. พอร์ตหุ้นแก มีมูลค่า “หลายพันล้าน” บาท
(ถ้ารวมพอร์ตหุ้นที่แกถือ ในชื่อภรรยา และลูกสาว
+พอร์ตหุ้น ที่แกไปลงทุนในเวียดนาม อาจแตะ “หมื่นล้าน”)
จากเงินปันผล ที่ได้รับเดือนละ 80,000 กว่าบาท
ตอนนี้.. แกได้ปันผล #วันละล้าน
คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มด้วย #เงิน และ #ความรู้ เท่า ดร.นิเวศน์
เพราะปลายทางของคุณ ไม่ต้องถึง #วันละล้าน
ที่จริง..
ถ้าคุณไม่ฟุ่มเฟือย หรือมีภาระไม่มาก
ปลายทางของคุณ ไม่ต้องถึง #ต้นทาง ของดร.นิเวศน์ ด้วยซ้ำ
เพราะไม่ต้องถึง 10 ล้าน ก็มี #อิสระทางการเงิน ได้แล้ว
ขอแค่คุณ..
1) เลือกหุ้นแบบ #ลงทุนทำธุรกิจ (ถ้าเลือกไม่เป็น ก็ซื้อกองทุนดัชนี)
2) ขยันหารายได้
3) อดออม
4) เอา #เงินเย็น ไปลงทุนหุ้น
5) ลงทุนหุ้นต่อเนื่อง 10 ปีขึ้นไป
6) ไม่สนใจการขาดทุนหุ้นระยะสั้น แต่มองภาพกำไรระยะยาว 10 ปีขึ้นไป
7) ยิ่งหุ้นตก ยิ่งอยากซื้อ ไม่ใช่อยากขาย
ที่สำคัญ..
คุณไม่ต้องรอ ให้ถึงจุดต่ำสุด แล้วค่อยซื้อ
เพราะ #ไม่มีใครรู้ ว่าจุดต่ำสุด คือตอนไหน?
(กลับไปดูข้อ 6)
แม้วิกฤตครั้งนี้ อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทน เท่าวิกฤตครั้งก่อนๆ
เพราะบริษัทไทย โตจนมีขนาดใหญ่มากแล้ว
และเด็กเกิดใหม่น้อยลง เริ่มกลายเป็น #สังคมคนแก่
แต่โอกาสที่หุ้นตก 30-50% แบบนี้ #10ปีมีครั้ง
ดังนั้น ถ้าไม่อยากพลาด โอกาสทองแบบนี้
คุณควรรีบ #เตรียมความพร้อม และเริ่มลงทุนตั้งแต่ #ตอนนี้
ผมก็ไม่รู้ว่า #วิกฤตรอบหน้า จะเกิดขึ้นอีกทีเมื่อไหร่ ?
และ #วิกฤตรอบนี้ จะจบลงตอนไหน ?
แต่ถ้า “รอบต่อไป” เกิดขึ้นในอีก 11-12 ปีข้างหน้า
เหมือนสถิติ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
นั่นแปลว่า..
ถ้าคุณพลาด “รอบนี้” โอกาสครั้งต่อไป คุณต้องรออีกเป็น 10 ปีเลยทีเดียว..