Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
no name
•
ติดตาม
4 พ.ย. 2020 เวลา 03:00 • กีฬา
" แชมป์เดียวของเลบันเต้ "
สโมสรฟุตบอลเลบันเต้ อีกหนึ่งทีมจากเมืองบาเลนเซีย ถูกเรียกว่า "ค้างคาวน้อย" เพราะในตราสโมสรก็มีค้างคาวตัวโตเป็นกรอบครอบอยู่
หากถ้าเรามองหาข้อมูลจริงๆ จะพบว่า ฉายาของพวกเขากลับเป็น "กราโตนาส" หรือ "The Frogs" เป็นกบ ไม่ใช่ค้างคาว เพราะอะไร?
ในปี 1937 ระหว่างช่วงเวลาของสงครามกลางเมืองสเปน เกิดความปั่นป่วน โกลาหลไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่เกมฟุตบอล ซึ่งก็แน่นอนว่าหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
มีการบอกว่า เราสามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์ของสเปนในศตวรรษที่ 20 ได้ผ่านทางฟุตบอล โดยดูที่ "ชื่อ" ของฟุตบอลถ้วยแห่งชาติ
โกปา เด ลา โกโรนาซิโอน (โคโรเนชั่น คัพ) ในปี 1902 ใช้ชื่อนี้เพราะเป็นวาระสวมมงกุฏขึ้นครองราช์ของกษัตริย์ อัลฟอนโซ่ ที่8 เป็นพระองค์นี่เองที่มอบชื่อ "เรอัล" หรือ "รอยั่ล" ให้กับหลายสโมสรทั่วสเปน
ในปี 1903 มันถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น โกปา เดล เรย์ (คิงส์ คัพ) หรือถ้วยของพระราชา
พอในปี 1931 สเปน ประกาศเป็นสาธารณรัฐ กษัตริย์สเปนต้องหนีออกนอกประเทศ โทรฟี่รายการนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นชื่อ โกปา เดล เปรซิเดนเต้ เด ลา เรปูบลีก้า (เพรซิเด้นท์ ออฟ เดอะ รีพับลิก คัพ) ถ้วยแห่งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐ
1
ในช่วงปี 1936-1939 สงครามกลางเมืองสเปนเขม็งเกลียวสุดขีด และเป็นการขึ้นสู่อำนาจของนายพล ฟรันซิสโก้ ฟรังโก หลังจากได้รับชัยชนะ นายพลฟรังโก้ ก็เปลี่ยนชื่อรายการนี้เป็น ลา โกปา เดล เคเนราลิซิโม่ (เดอะ ซูพรีม เจนเนอรัลส์ คัพ) ถ้วยของจอมพล
1
เมื่อ ฟรันซิสโก้ ฟรังโก้ เสียชีวิตในปี 1975 กษัตริย์พระองค์ใหม่ ฆวน การ์โลส ที่ 2 ก็เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นประมุขของประเทศอีกครั้ง ถ้วยเลยเปลี่ยนกลับมาเป็น โกปา เดล เรย์ อีกรอบอย่างที่เราเห็นจนถึงปัจจุบัน
ฟุตบอลลีกของสเปน ในฤดูกาล 1936/37 ต้องถูกยกเลิกเพราะสงครามถึงขั้นรุนแรงในเดือนกรกฏาคม 1936 โดยเมืองหลวงมาดริด ถูกนายพลฟรังโก้ ผู้นำฝ่ายชาตินิยมยึดเป็นฐานที่มั่น ทำให้รัฐบาลฝ่ายสาธารณรัฐโยกไปตั้งที่บาเลนเซีย
1
ฟุตบอลกลับมาเตะกันใหม่ แต่หนนี้ การแข่งขันต้องแข่งกันเองเป็นภูมิภาค หรือแคว้น
กัมเปโอนาโต้ เด กาตาลุนย่า หรือการแข่งขันของแคว้นกาตาลันก็มีขึ้น
กัมเปโอนาโต้ ซูเปร์เรคิโอนาล เป็นการแข่งขันของเลบันเต้ ลีกนี้ รวมเอาทีมจากแคว้นบาเลนเซียและแถบมูร์เซีย มาแข่งกัน
พอปีรุ่งขึ้น 1937 ฝ่ายสาธารณรัฐ ก็ตั้งลีกขึ้นมาชื่อว่า ลีกา เมดิเตร์ราเนีย เด ฟุตบอล (เมดิเตอร์เรเนี่ยน ฟุตบอล ลีก) โดยมี 4 ทีมใหญ่จากกาตาลัน ประกอบด้วย บาร์เซโลน่า, จีโรน่า, เอสปอร์ต กลุ๊บ กราโนเยอร์ส และ เอสปันญ่อล รวมกับอีก 4 ทีมจากเลบันเต้ ประกอบด้วย บาเลนเซีย, เลบันเต้, คิมนาสติโก้ และ แอธเลติก เด กาสเตย่อน
2
ลีกนี้เริ่มตั้งแต่มกราคมถึงพฤษภาคม 1937 ขณะนั้น มาดริด เอฟซี (เรอัล มาดริด ในปัจจุบัน) และ แอธเลติก กลุ๊บ เด มาดริด (แอตเลติโก้ มาดริด ในปัจจุบัน) ขอลงทะเบียนแข่งด้วย แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ โดยพวกตัวแทนจากกาตาลันคัดค้าน
กุนซือชาวไอริช แพทริค โอคอนเนลล์ คุมทีมบาร์เซโลน่า ในตอนนั้น เขานำทีมคว้าแชมป์ลีกที่ว่านี้ได้ และตอบรับคำเชิญของนักธุรกิจชาวกาตาลันที่อพยพไปเม็กซิโก ให้ไปเตะโชว์ตัวในอเมริกาเหนือ
เดิมที ทีมที่จบท็อป 4 ของลีกแห่งเมดิเตอร์เรเนี่ยน ที่ว่านี้ จะได้ลงทำการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ที่จะตามมาทันที ชื่อว่า ลา โกปา เอสปันญ่า ลิเบร - โตรโฟเอ เปรซิเดนเต้ เด ลา เรปูบลิก้า (ฟรี สเปน คัพ - โทรฟี่ ออฟ เดอะ เพรซิเด้นท์ ออฟ เดอะ รีพับลิก) แปลง่ายๆ คือ ถ้วยแชมป์แห่งชาติสเปนเสรี มอบโดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ
2
ก็ด้วยการที่ บาร์เซโลน่าของ โอคอนเนลล์ ซึ่งเป็นทีมแชมป์เดินทางไปทัวร์อเมริกาเสียแล้ว ทำให้ทีมอันดับ 5 ของลีกอย่าง เลบันเต้ เอฟซี ได้เลื่อนเข้ามาแข่งแทน
ราวเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 1937 รายการนี้ก็ถูกจัดขึ้นแบบมินิลีก โดยแต่ละทีมจะเจอกันแบบพบกันหมด 2 หน จากนั้น 2 ทีมอันดับดีสุดจะได้เข้าไปชิงชนะเลิศกัน
เลบันเต้ จบด้วยการเป็นอันดับ 1 เหนืออริร่วมเมืองอย่าง บาเลนเซีย และได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกันที่ เอสตาดิโอ เด ซาร์เรีย ของเอสปันญ่อล ในบาร์เซโลน่า
เกมนัดชิงชนะเลิศมีขึ้นวันที่ 18 กรกฎาคม 1937 ประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้มาจากฝีเท้าของ นีเอโต้ กองหน้าของเลบันเต้ ทำใหพวกเขาคว้าแชมป์ไปครอง ทั้งที่พวกเขาได้เลื่อนขึ้นมาเล่นเพราะบาร์ซ่า ไปทัวร์อเมริกาแท้ๆ
โกปา เอสปันญ่า ลิเบร หรือชิงแชมป์ถ้วยสเปนเสรี นี้เป็นแชมป์เดียวในประวัติศาสตร์สโมสรเลบันเต้ ด้วยจนถึงปัจจุบัน หลังจากเคยเข้าชิง โกปา เดล เรย์ ในปี 1935 แต่แพ้ให้เซบีย่า
ท่ามกลางไฟสงครามกลางเมือง พอเข้าปี 1939 ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง สนามเหย้าของเลบันเต้ โดนทำลาย แต่บุคลากรรวมถึงนักเตะยังอยู่กันครบ ในทางตรงข้าม สโมสรร่วมเมืองอย่าง คิมนาสติโก้ ซึ่งเข้าร่วมแข่งฟุตบอลลีกแห่งเมดิเตอร์เรเนี่ยนด้วยกัน ยังมีสนาม แต่ต้องสูญเสียผู้เล่นส่วนใหญ่ของทีมไป
ด้วยเหตุนี้เอง เลบันเต้ เอฟซี กับ คิมนาสติโก้ เอฟซี เลยยุบรวมสโมสรกัน ในชื่อ เลบันเต้ อูนิโอ เดปอร์ติบา หรือ เลบันเต้ อูเด (Levante UD) อย่างที่เรารู้จักกันจนมาถึงปัจจุบัน
ชุดแข่งในเลบันเต้ ปัจจุบันเป็นสี น้ำเงิน-เลือดหมู ก็มาจากสีชุดแข่งของ คิมนาสนิโก้ ส่วนชุดเยือนสีขาว-ดำ ก็นำมาจากสีชุดแข่งของ เลบันเต้ เอฟซี เดิม และไม่เพียงแค่สีชุดแข่งเท่านั้น พวกเขายังนำฉายา "กราโนตาส" หรือ The Frogs มาใช้ด้วย เพราะนี่คือฉายาของ คิมนาสติโก้ นั่นเอง
เลบันเต้ ได้พยายามนำเสนอไปยังสหพันธ์ฟุตบอลสเปน เพื่อขอการรับรองว่าแชมป์ "โกปา เอสปันญ่า ลิเบร" นี้เป็นแชมป์รายการที่เป็นทางการ เพราะเอาเข้าจริง มันก็คือ โกปา เดล เรย์ ของช่วงเวลานั้น แต่ทางสหพันธ์ ก็ไม่ได้รับรอง
1
บาร์เซโลน่า เองก็ทำคล้ายๆ กันคือพวกเขาก็ยื่นขอรับรองแชมป์ ฟุตบอลลีกเมดิเตอร์เรเนี่ยน ในปีเดียวกันนั้นด้วย แล้วก็แน่นอน โดนปฏิเสธไป
สำหรับบาร์ซ่า อาจยังไม่เท่าไหร่ เนืองจากในประวัติศาสตร์สโมสร พวกเขาได้แชมป์มานับไม่ถ้วนแล้วแต่สำหรับเลบันเต้ มันก็น่าเสียดาย เพราะอย่างที่บอก โกปา เอสปันญ่า ลิเบร คือแชมป์เดียวของพวกเขา
ในฤดูกาลที่แล้ว 2019/20 เลบันเต้ เปลี่ยนชุดเยือน จากปกติสีขาว-ดำ มาเป็นสีขาว-น้ำเงิน เพราะมันเป็นชุดที่พวกเขาใช้ในครั้งที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการประวัติศาสตร์เมื่อปี 1937 นั่นเอง
*********************************
อ่านบทความย้อนหลัง
" ความกดดันในโลกฟุตบอล " : ปัญหาสภาพจิตใจของนักเตะคือหนึ่งในปัจจัยต้นๆที่ส่งผลระทบต่อฟอร์มการเล่น ซึ่งซํ้าร้ายอาจจะส่งผลถึงชีวิตได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีผู้เล่นที่ผ่านพ้นลมร้อนหนาวมาตลอดจนสุดท้ายเขาก็พบทางออกให้กับสิ่งที่ตัวเองรัก
www.cheerball.com/news/knowledge/81583
3
" แฮททริกใบแดง " : การโดนใบแดงเกิดขึ้นได้กับนักเตะทุกคน แต่ 1 เกมคุณมีสิทธิ์ได้รับมันเป็นของขวัญก่อนเดินออกจากสนามแค่ใบเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังมีนักเตะที่เคยทำแฮททริก รับ 3 ใบแดงในเกมเดียวมาแล้ว
www.cheerball.com/news/knowledge/81507
" ทีมเติร์กในมิวนิค " : สโมสรฟุตบอลพลัดถิ่น เมื่อคนจากประเทศหนึ่งอพยพย้ายไปทำมาหากินยังต่างแดนและก่อตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้น แถมไม่ใช่แค่สโมสรสมัครเล่น แต่เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัว
www.cheerball.com/news/knowledge/81306
" ตำนานเบลเยี่ยมยุค80s " : ทุกวันนี้ ทีมชาติเบลเยี่ยมเต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีที่พูดได้ว่าระดับโลกหลายราย แต่ในยุค 80s เป็นช่วงที่วงการฟุตบอลเบลเยี่ยมแข็งแกร่งเช่นกัน หนึ่งในนั้นมีมิดฟิลด์ฝีเท้าดีที่เคยสร้างชื่อในฟุตบอลโลกถึง 4 สมัย
www.cheerball.com/news/knowledge/81238
4 บันทึก
14
4
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย