6 พ.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ราชันของราชัน ]
ถ้า ลิโอเนล เมสซี่ คือสัญลักษณ์ของบาร์เซโลน่า เซร์คิโอ รามอส ก็อยู่ในสถานะที่คล้ายกันกับเรอัล มาดริด
แม้จะไม่ใช่ลูกหม้อเติบโตมาจากอะคาเดมี่ แต่เขาย้ายมาจากเซบีย่าตั้งแต่ปี 2005 ตอนนั้นเพิ่งจะอายุเพียงแค่ 19 ปี
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ทีมชุดใหญ่กับเซบีย่านั้นไม่ธรรมดา เพราะถูกโปรโมตตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะได้สัมผัสเกมลาลีกา ซึ่งเป็นการประเดิมในต้นปี 2004 ในวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น
ฝีเท้าของ รามอส พัฒนาพรวดพราดเกินวัยอย่างแท้จริง พอขยับเข้าสู่ฤดูกาล 2004/05 ก็ยึดแกนหลักในแนวรับ ด้วยคุณสมบัติแทบจะครบถ้วนของเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีคนหนึ่ง
เขามีทั้งความเร็วคล่องตัว การเล่นลูกกลางอากาศ อ่านเกมได้เด็ดขาด ชิงจังหวะเล่นได้ดีและไม่เกรงการปะทะทุกรูปแบบ
ดังนั้นจึงได้รับความไว้วางใจ ฆัวกิน กาปารอส กุนซือของทีมให้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีส่วนร่วมผลักดันเซบีย่าจบอันดับ 6 บนตารางลาลีกา ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า คัพรอบคัดเลือกด้วย
นอกจากนี้ รามอส ยังมีโมเมนต์ที่น่าจดจำมากๆคือในเกมลีกท้ายซีซั่น เซบีย่ารับการมาเยือนของมาดริด รามอส ออกสตาร์ตพร้อมทำประตูขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 19 ก่อนเกมจะพลิกไปมาลงเอยด้วยการเสมอ 2-2
ว่ากันว่าฟอร์มของ รามอส เกมนี้แหล่ะ ช่วยกระตุ้นให้ทางราชันชุดขาวสนใจ กระทั่งมีการเจรจาเกิดขึ้น ก่อนดีลจะได้บทสรุปที่ราคา 27 ล้านยูโร ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ขึ้นทำเนียบเป็นกองหลังสเปนแพงสุดในเวลาดังกล่าว
1
ขณะเดียวกันยังเป็นนักเตะสแปนิชเพียงคนเดียวที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรซื้อมาด้วย ในช่วงที่นั่งเก้าอี้ใหญ่เวลานั้นด้วย
สำหรับแข้งอายุเพียง 19 ที่ผ่านประสบการณ์เพียงแค่น้อยนิด ถือว่าแพงมากๆและคงไม่มีใครคิดหรอกว่า รามอส จะผงาดกลายเป็น "ราชันแห่งราชัน" ในวันนี้
สำหรับนักเตะที่มาจากอันดาลูเซีย ไม่ได้เติบโตในเมืองหลวง ไม่ใช่คนท้องถิ่นโดยตรง ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้มาดริดิสต้าทั้งหลายยอมรับง่ายๆ
1
แน่นอนว่าต้องผ่านการพิสูจน์มามากพอ ทั้งในแง่ฝีเท้าอันยอดเยี่ยม ความซื่อสัตย์ภักดี พร้อมต่อสู้เพื่อตราสโมสรอันศักดิ์สิทธิ์ ปกป้องและเป็นตัวแทนของทุกคน
ตอนแรกคาดว่า รามอส จะเข้ามาเรียนรู้ไปก่อน เต็มที่เป็นเพียงแค่อะไหล่ ไม่ใช่ตัวหลักอยู่แล้ว
ผิดคาดเขาได้สวมเสื้อเบอร์ 4 สืบทอดจาก เฟร์นานโด เอียร์โร่ ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอทั้งในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก นอกจากนี้บางเกมที่ต้องการความสมดุล ยังถูกดันมายืนกองกลางตัวรับอีกต่างหาก
1
ไม่ใช่แค่นั้นในฤดูกาล 2007/08 มาดริดคว้าตัว เปเป้ และ คริสคอฟ เม็ตเซลเดอร์ สองปราการหลังมาร่วมทีม รามอส ก็ต้องถูกโยกไปประจำการแบ็กขวา ซึ่งทำผลงานได้อย่างไม่มีขัดเขินเลย
นั่นหมายความว่าเขาลงเล่นได้ครอบคลุมในแนวรับ จะให้ยืนตรงไหนได้หมดไม่มีปัญหา นี่คืออีกจุดแข็งของ รามอส ไม่ว่าจะร่วมงานกับกุนซือคนไหน ก็ได้รับความไว้วางใจทั้งสิ้น
จากนั้นก่อนเริ่มต้นซีซั่น 2009/10 ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 4 กัปตันทีมของเรอัล มาดริดด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องวนกลับไปยืนเซ็นเตอร์แบ็กอีกครั้ง เนื่องจาก เปเป้ บาดเจ็บอีก
แต่ไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าจะบทบาทไหนโยนมาให้เลย รามอส รับได้หมด แล้วทุกวินาทีที่สวมเสื้อราชันชุดขาวในสนามจะมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เสมอ
ตั้งแต่ฤดูกาล 2005/06 จนถึงซีซั่นก่อน รวมทั้งหมด 15 ฤดูกาล รามอส ล้วนเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญมาตลอดและลงสนามอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ 14 จาก 15 ฤดูกาล รามอส ยังลงโม่แข้งทุกรายการทะลุ 40 นัด ถ้าไม่ติดตรงอาการบาดเจ็บหรือโดนโทษแบนเล่นงาน ยังไงก็ต้องมีชื่ออยู่ในทีม
มีเพียงแค่ฤดูกาล 2015/16 เท่านั้นที่ได้เล่น 33 นัด สาเหตุมาจากช่วงต้นเกิดบาดเจ็บที่หัวไหล่ จนต้องพักรักษาตัวหลายสัปดาห์
ตลอด 15 ฤดูกาลที่ผ่านมา รามอส กวาดแชมป์กับมาดริด 22 รายการ ได้รับเกียรตินำเพื่อนขึ้นรับโทรฟี่จนเป็นเรื่องปกติ รวมถึงเพิ่งทำสถิติยิงครบ 100 ประตูให้กับทีม จากการลงเล่น 659 นัด
1
รามอส ยังได้รับการบันทึกชื่อว่าเป็นกองหลังยิงประตูได้มากสุดในลาลีกา ไม่ใช่เฉียบขาดแค่การยิงจุดโทษหรือสังหารฟรีคิกเท่านั้น แต่การทำประตูแบบโอเพ่นเพลย์ก็มีให้เห็นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิงด้วยขวา ซ้ายหรือโขกจมตาข่าย
เช่นเดียวกับการรับใช้ทีมชาติสเปนมากเป็นสถิติ 175 นัดเข้าไปแล้ว ยากนักที่จะมีใครมาโค่นล้มง่ายๆ ทั้งที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตู
ตัวเลขมากมายเหล่านี้ถือเป็นความมหัศจรรย์ จะมีนักเตะในโลกนี้สักกี่คนที่เล่นในเลเวลสูงสุดอย่างสม่ำเสมอแทบไม่เคยขาด ทั้งในระดับชาติและสโมสรต่อเนื่องมากกว่า 15 ปี
ถึงบอกไว้ว่า ต่อให้ไม่ต้องเป็นมาดริดิสต้าหรือชาวเมืองหลวงโดยกำเนิด แต่เขาก็เอาชนะใจแฟนบอลราชันชุดขาวได้อย่างปราศจากข้อกังขา ไม่ต้องมีคำถามหรือพิสูจน์อะไรกันอีกแล้ว
แทบไม่มีใครแคร์ภาพลักษณ์ด้านลบของ รามอส แฟนบอลทีมอื่นคิดอย่างไรไม่รู้ แต่กองเชียร์มาดริดยังรักและนับถือตลอด
อย่างที่้เรารู้กันสัญญาฉบับปัจจุบันของ รามอส จะหมดลงในซัมเมอร์หน้าหรือมิถุนายน 2021
นั่นหมายความว่าหากปฏิทินเปลี่ยนปี แล้วยังไม่มีการยืดออกไป เขาจะสามารถเจรจากับสโมสรไหนก็ได้ในโลกนี้
1
มีนาคม 2021 รามอส จะครบ 35 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าตัวเลขของวัยไม่อาจฉุดรั้งความยอดเยี่ยมได้เลย มาตรฐานยังคงเดิมแทบไม่เปลี่ยน
1
แน่นอนมาดริดรวมถึง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ พร้อมจะยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้สะบัดลายเซ็นลงเป็นลายลักษณ์อักษร แต่การเจรจาอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
เงื่อนปมอยู่ที่ระยะเวลา ทางมาดริดคงมองว่าอายุเริ่มมากแล้ว รวมทั้งนโยบายที่เคยวางเอาไว้คือ แข้งคนไหนที่อายุทะลุ 30 ปีแล้ว สัญญาใหม่จะมาแบบปีต่อปี ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
เคสของ รามอส อยู่ในข่ายพิเศษ นี่คือผู้เล่นทรงคุณค่ายังไงก็ต้องมีข้อยกเว้น มาดริดพร้อมยื่นให้ถึงปี 2023 หรืออีก 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว ซึ่งก็สมควรอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนว่าทางฝั่ง รามอส จะต้องการบวกอีก 1 ปีถึง 2024 นั่นหมายความว่าจะค้าแข้งยาวจนอายุ 38
1
ดังนั้นการถกเพื่อหาบทสรุปที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่าย จึงน่าจะเริ่มขึ้นในเร็ววันนี้ ซึ่งคาดว่าคงไม่มีอุปสรรคอะไรนัก
แฟนบอลมาดริดแทบนึกภาพ รามอส สวมชุดทีมอื่นไม่ออกเลยจริงๆ เช่นเดียวตัวนักเตะซึ่งเคยสวมยูนิฟอร์มเซบีย่าช่วงสั้นๆ
อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งมั่นใจไปร้อยเปอร์เซนต์ ในโลกฟุตบอลมักจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ชนิดคาดคิดไม่ถึง
อีกทั้ง รามอส เคยเปิดเผยไว้เมื่อ 4 ปีก่อนว่า เคยมีความคิดจะย้ายไปแมนฯยูไนเต็ด หลังจากได้รับข้อเสนอและช่วงเวลาเดียวกันมาดริดอยากได้ ดาบิด เด เคอา มาเฝ้าเสาประตูด้วย อาจมีการสลับดีล
แม้จะเป็นเพียงความคิดชั่ววูบ แต่มันก็เกิดอาการลังเลง หากการเจรจาไม่ราบรื่นและไม่มีใครยอมใคร
โลกฟุตบอลในปัจจุบันความภักดีอาจมีคุณค่าน้อยลงไปจากเดิม ผลประโยชน์เป็นฝ่ายเดินนำหน้า ซึ่งเราต่างก็เห็นกันอยู่แล้ว
รามอส อาจเป็นสัญลักษณ์ เครื่องหมายการค้าหรือตำนานของเรอัล มาดริด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรีไทร์ที่นี่ไม่ใช่หรือ?
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #หล่อเลือกได้แม้ไร้แชมป์ ] : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คือกุนซือที่ร้อนแรงคนหนึ่งในยุคนี้ แม้จะอยู่ในสถานะตกงานก็ตามเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่หลายสโมสรใหญ่ในยุโรป มีแนวโน้มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ ชื่อของ พอช จึงฟุ้งกระจายมากขึ้นตามลำดับแต่เขาจะเสี่ยวพวงมาลัยกับทีมไหน นั่นคือสิ่งที่เราต่างรอคอยด้วยความอยากรู้
[ #10ปีแห่งความมหัศจรรย์ ] : หากจะหานักเตะสักคนที่มีชีวิตดุจเทพนิยาย มีต้นตอเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร คงต้องยกให้ เจมี่ วาร์ดี้ นี่แหล่ะ10 ปีก่อนยังเป็นนักเตะนอกลีกสุดกู่ต๋อกต๋อย ไม่มีใครสักคนรู้จัก กว่าจะได้ย้ายมาเลสเตอร์ก็ปาเข้าไป 25 ปีแล้ว ไม่น่าจะประสบความสำเร็จอะไรแต่ฤดูกาลที่แล้ว วาร์ดี้ เพิ่งครองดาวซัลโวสูงสุดพรีเมียร์ลีกและซีซั่นปัจจุบันก็กดไปแล้ว 7 ประตู ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความร้อนแรงง่ายๆเลยนี่แหล่ะความอัศจรรย์ของชีวิตอย่างแท้จริง
[ #เพราะความจนมันน่ากลัว ] : ชัดเจนแล้วว่าการมาของ โธมัส ปาร์เตย์ ช่วยยกระดับเกมของอาร์เซน่อลให้ดีขึ้นอย่างทันตาเห็น แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ปาร์เตย์ ต้องอดทนต่อสู้อย่างหนักเพื่อผ่านการพิสูจน์อย่างที่ตัวเองต้องการ ความยากจน ความลำบากคือแรงผลักดันอย่างดี ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือแพสชั่นที่มีอยู่ในสายเลือด อยากจะบอกว่า อาร์เซน่อลได้เพชรเม็ดงามไปเรียบร้อยแล้ว
[ #ชายผู้เป็นนายคำพูด ] : จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังคงรักษาความพีกเอาไว้ได้บนวัย 40 ปีจะมีนักเตะสักกี่คนที่ยืนหยัดได้อย่างสง่างามเช่นนี้ ท่ามกลางเกมฟุตบอลที่เปลี่ยนไป พละกำลังและความแข็งแกร่งร่างกาายคือปัจจัยสำคัญคำพูดต่างๆที่ดูเหมือนโม้โอ้อวด จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยสักนิดแล้ว เพราะพูดอะไรออกไป เขามักทำได้เสมอ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา