6 พ.ย. 2020 เวลา 11:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Stop Loss คือ อะไรและสำคัญยังไง?
ลงทุนไปเท่าไหร่ก็มีแต่ “ขาดทุน” ทำไมถึงทำผลตอบแทนตามที่คาดหวังไม่ได้?
มารู้จักการ Stop Loss เพื่อเพิ่มกำไรให้พอร์ตการลงทุนกันครับ
Stop Loss คือเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้พอร์ตของเรามีการขาดทุนที่น้อยลง หรือ ทำให้ทรัพย์ที่ถืออยู่ไม่ขาดทุนไปมากกว่าเดิม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุนก็คือ “ความเสี่ยง” ของการที่ไม่รู้ว่าเราจะขาดทุนที่เท่าไหร่ หรือ กำไรที่เท่าไหร่กันแน่ โดยStop Loss มีไว้เพื่อลดความเสี่ยงตรงนั้น เนื่องจากเราไม่มีทางที่จะทำกำไรได้แม่นยำ 100% ว่าราคามันจะขึ้นหรือลงกันแน่ เพราะอนาคตนั้นคาดการณ์ไม่ได้
วิธีที่นิยมตั้ง Stop Loss สำหรับมือใหม่นั้นถูกแบ่งออกมาเป็น 4 วิธี คือ
1. Percentage Stop Loss
2. Price Pattern Stop Loss
3. Volatility Stop Loss
4. Time Stop Loss
Percentage Stop Loss
วิธีตั้ง Percentage Stop Loss คือ การตั้งว่าเรายอมขาดทุนที่เท่าไหร่ โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 5-8% จากราคาต้นทุน ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นมาราคาตัวละ 10 บาท เราตั้งไว้ว่าขาดทุนไม่เกิน 7% โดยคำนวณที่ 10×7% = 0.7 บาท หมายความว่าเราจะต้องตั้ง Stop Loss ที่ราคา 9.3 บาท
ข้อดีคือ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และ ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ดูว่าเรารับความเสี่ยงได้ที่เท่าไหร่แล้วก็ตั้งราคาได้เลย จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ครับ
Price Pattern Stop Loss
การตั้ง Price Pattern Stop คือ การดูกราฟของทรัพย์นั้นๆ จำเป็นต้องมีความรู้เรื่อง Technical พอสมควร เช่น เส้น Moving average หรือ แนวรับแนวต้าน จากแนวโน้มของกราฟ เพื่อที่จะได้รู้ตำแหน่งราคาที่ควรจะตั้งขาย
หุ้น STA / Chart from Tradingview
หุ้น STA / Chart from Tradingview
จากตัวอย่างตามรูป หุ้น STA มีการทำ Sideway โดยมี แนวต้าน 29.75 และ แนวรับที่ 25.5 บาท เราจะทำการตั้ง Stop Loss ที่ 25.5 บาทครับ
วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ศึกษาการดูกราฟพื้นฐานมาแล้วบ้าง
ข้อดีคือ ทำให้เราสามารถเลื่อนจุด Stop Loss ขึ้นได้ตามกราฟอย่างเป็นระบบครับ
Volatility Stop Loss
วิธีนี้คือการนำความผันผวนของราคามาช่วยในการตั้งราคาตัดขาดทุน ซึ่งจะนิยมใช้เครื่องมือ ชื่อ Average True Range (ATR) โดยที่จะคำนวณ Stop Loss จากความผันผวนของราคาทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนด
ข้อดีคือ ราคา Stop Loss จะถูกขยับขึ้นไปตามราคาหุ้นทำให้นักลงทุนสามารถรักษากำไรไว้ได้ แต่ในทางกลับกัน อาจจะพลาดโอกาศที่จะถือตามเทรนขาขึ้นระยะยาวได้ จึงอาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวซักเท่าไหร่
Time Stop Loss
วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนระยะสั้นอย่าง Forex Day-trade Run-trend หรือ DW(Derivative warrant) ซึ้งนักลงทุนบางท่านอาจจะไม่อยากมานั่งเสี่ยงกับควาผันผวนตอนเช้า ก็อาจจะตั้งขายไว้ตอนก่อนเวลาปิดตลาด หรือ กลัวว่ามีข่าวไม่ดีในวันหยุดก็อาจจะตั้งขายก่อนเพื่อความสบายใจครับ
ข้อดีคือ เราสามารถระบุเวลาการถือหรือขายไปตามเวลาที่กำหนด ทำให้จิตใจไม่ค่อยห่วงเวลาหยุดพักผ่อนเท่าไหร่ครับ
หวังว่าทั้ง4วิธีนี้ จะช่วยนักลงทุนได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ โดยที่เราไม่ต้องถามคนอื่นแล้วว่า “ลงมาเท่านี้ คัทดีไหม?” เพราะเรามีระบบที่ชัดเจนในการตัดขาดทุนแล้ว
ทั้งนี้แล้ว บางท่านอาจจะทนไม่ได้ที่จะต้องยอมขาดทุนลงไป แต่ไม่มีใครที่สามารถชนะตลาดได้ทุกครั้งแน่นอนครับ สิ่งที่เราควบคุมมันได้ก็คือ “การลดความสูญเสีย” โดยการเรียนรู้เพิ่มเติม และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้กำไรกลับมาที่มหาศาล ก็จะทำให้นักลงทุนทุกท่านมั่งคั่งกับมันได้ครับ
สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดกับการลงทุนนั้นไม่ใช่เพียงแค่มีเทคนิคที่ดี แต่จำเป็นที่ต้องมีวินัยการลงทุนด้วย เพื่อที่จะได้วางแผน และทำตามแผนการลงทุนได้อย่างที่คาดการณ์ไว้ครับ
ขอให้ทุกท่าน “ชนะ” ตลาดครับ
สามารถรับข่าวสาร และ บทความดีๆได้ที่
Reference
– หนังสือ 5 Steps เทรดหุ้น จากเริ่มต้น จนเทรดเป็น ผู้เขียน: ธนพร เจียรนัยกุลวานิช
โฆษณา