9 พ.ย. 2020 เวลา 00:39 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ทำไม Social Media ถึงทำให้เรามีความ Bias แล้วเราจะแก้ไขมันได้อย่างไร
2
ทุกครั้งที่เข้าสู่โลกของเครือข่าย Social Media โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ของสังคมอยู่ในภาวะที่มีความแตกแยกสูงอย่างที่เราได้เห็นตัวอย่างในเรื่องของการเมืองไทยในปัจจุบัน มันได้กลายเป็นสนามรบท่ามกลางการแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่มันเกี่ยวอะไรกับ Social Media ที่ทำให้ผู้คนแตกขั้ว สร้างความขัดแย้งได้ถึงเพียงนี้?
2
ทำไม Social Media ถึงทำให้เรามีความ Bias แล้วเราจะแก้ไขมันได้อย่างไร
เพื่อหาคำตอบนักวิจัยอย่าง Dr. Damon Centola ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania ผู้อำนวนการของศูนย์ Network Dynamics Group ได้ทำการทดลองทาง Social Media ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มคนที่มีการสนับสนุนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แยกกัน โดยที่มีสมาชิกเป็นแฟน ๆ ของพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวในกลุ่มนั้น
1
และได้ทำการเลือกประเด็นที่แบ่งขั้วมากที่สุดที่ทางทีมงานนักจัยคิดได้ ได้แก่ หัวข้อในเรื่องของการอพยพ การควบคุมอาวุธปืน และการว่างงาน และทำการถามผู้เข้าร่วมแต่ละคนว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับปัญหาเหล่านั้น
จากนั้นให้คนอื่น ๆ จากแต่ละกลุ่มได้พูดคุยกัน และทบทวนความคิดเห็นของพวกเขา หลังจากการอภิปราย ถกเถียง และการแก้ไขหลายรอบ ทางทีมนักวิจัยได้ประเมินมุมมองของแต่ละกลุ่มอีกครั้ง
2
สิ่งที่น่าแปลกใจ คือการสนทนาดังกล่าว ไม่ได้ทำให้คนแบ่งขั้วมากขึ้น แต่กลับน้อยลง หลังจากโต้ตอบใน Social Network กับเพื่อนร่วมงานที่คิดเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตก็ได้รับความคิดเห็นที่ปานกลาง ไม่ได้สุดโต่งแต่อย่างใด แม้จะเป็นกลุ่มคนที่มีความคิดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ตามที
1
ทุกกลุ่มมีการถกเถียงกันอย่างอิสระ ซึ่งนำไปสู่ความคิดเห็นที่ ใกล้เคียงกับความคิดเห็นในด้าน “ตรงกันข้าม” ของกลุ่มการเมืองอีกฝั่งมากที่สุด
ทีมนักวิจัยรู้สึกประหลาดใจกับผลการทดลองของมัน เทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ของผู้คนได้มากขึ้น โดยหักล้างข้อสันนิษฐานหลายประการเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์
แม้แต่ทีมงานของ Dr. Damon Centola ที่ Network Dynamics Group ก็ยังแปลกใจกับผลที่เกิดขึ้น : เหตุใดการทดลองทาง Social Media ครั้งนี้จึงพบสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่เขาได้เห็นในโลก Social Media
คำตอบอยู่ในสิ่งที่ Social Media ได้สร้างคนกลุ่มใหม่ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือ กลุ่ม Influencers (ผู้มีอิทธิพลทางความคิด)
ต้องบอกว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจมากพอสมควรแล้วว่า Influencer คืออะไร ซึ่ง คำ ๆ นี้ สร้างความร่ำรวยให้กับคนหนุ่มสาวที่มีไลฟ์สไตล์ และได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ ผ่านทางเครือข่าย Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Instagram, TikTok หรือ YouTube
2
แต่คำนี้มีความหมายทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะเครือข่ายทางสังคมที่เฉพาะเจาะจงมาก โดยเฉพาะใน Social Media คนกลุ่มนี้มักจะมีรูปแบบความสัมพันธ์กับแฟน ๆ ของเขาแบบรวมศูนย์
คนจำนวนน้อยหรืออาจเป็นเพียงคนเดียวที่กลายเป็น “ศูนย์กลาง” ของเครือข่ายเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ มากมายในที่อยู่รอบนอก
เครือข่ายสังคมออนไลน์จำนวนมากที่อยู่รอบนอกมีการเชื่อมต่อกันเพียงเล็กน้อย ในขณะที่มีเพียงไม่กี่คนที่ถูกเรียกว่า Influencers (ผู้มีอิทธิพลทางความคิด) ที่กลายเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับเกือบทุกคน
13
ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้คนเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งที่ทรงพลังในการสามารถใช้ “อิทธิพล” เหนือกลุ่มคนอื่น ๆ ในระดับที่มีอิทธิพลสูงกว่าคนอื่น ๆ ในเครือข่ายเป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้ามเครือข่ายที่ Dr. Centola ใช้ในการศึกษาของนั้นมีลักษณะแบบเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับการรวมศูนย์
โดยในเครือข่ายที่เท่าเทียมกันทุกคนมี Connection เท่า ๆ กัน ดังนั้นความคิดเห็นของแต่ละคนจึงมีอิทธิพลทั่วไปทั้งเครือข่าย ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดของพวกเขามากจนเกินไปนั่นเอง
1
คุณลักษณะสำคัญของเครือข่ายที่เท่าเทียมกันคือความคิดและความคิดเห็นใหม่ ๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากทุกที่ในชุมชนและกระจายไปยังทุก ๆ คน
2
แต่ในเครือข่ายแบบรวมศูนย์ เช่น เว็บไซต์ Social Media หลายแห่งแนวคิดจะถูกกรองผ่านหรือบางครั้งก็ถูกปิดกั้นโดยผู้มีอิทธิพลทางสังคมที่ทรงพลังกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่าพลังในการเชื่อต่อถึงกันดังกล่าวนั้น มีผลทำให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดทางการเมือง ข่าวปลอม หรือ เรื่องลวงโลกต่าง ๆ ซึ่งต้องบอกว่า Social Media แบบรวมศูนย์ และ Social Media แบบเท่าเทียม มีผลกระทบที่แตกต่างกันมากในเรื่องของอคติและการยอมรับความคิดใหม่
กลุ่มคนในเครือข่าย Social Media มีแนวโน้มที่จะเชื่อข่าวปลอมจาก Influencers มากกว่าคนทั่วไป
ใน Social Media แบบรวมศูนย์หากผู้มีอิทธิพลที่อยู่ตรงกลางแสดงอคติของพรรคพวกเพียงเล็กน้อยก็สามารถขยายแนวความคิดไปได้ทั่วทั้งกลุ่ม
1
แต่ในเครือข่ายที่มีความเสมอภาคความคิดต่างๆจะกระจายไปตามคุณภาพของพวกเขา ไม่ใช่บุคคลที่โน้มน้าวพวกเขา เกิดการสะท้อนภูมิปัญญามากมายในเครือข่ายรอบข้างในกลุ่มคนเหล่านี้
2
เมื่อ Social Network ช่วยให้คนเหล่านั้นสามารถพูดคุยกันได้ความคิดใหม่ ๆ ที่ท้าทายอคติของกลุ่มก็สามารถถูกระงับและถูกปิดกั้นไม่ให้แพร่กระจายไปยังวงกว้างได้ เพราะผ่านการถกเถียงกันในกลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
เพื่อดูว่าเครือข่ายที่เท่าเทียมกันอาจส่งผลกระทบต่อปัญหาที่ถกเถียงประเภทอื่น ๆ อย่างไรทาง Dr. Centola ได้ทำการทดลองอีกครั้งกับผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่โดยพูดถึงความเสี่ยงของการสูบบุหรี่
1
ซึ่งผลการทดลองน่าสนใจมาก เพราะมันส่งผลกระทบ เช่นเดียวกับการศึกษาในเรื่องของการแบ่งขั้วทางการเมือง ทั้งสองกลุ่มมีแนวโน้มที่จะถกเถียงไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่
2
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์หลังการศึกษาพวกเขารายงานว่ามีความคิดเห็นที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นจากอีกฝ่าย ทั้งผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่ต่างมองว่าอีกกลุ่มมีความสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือมากกว่าเกี่ยวกับความเสี่ยงของการสูบบุหรี่ แต่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการขจัดอคติ จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อมีการสร้างเครือข่ายที่มีความเท่าเทียมกัน
ปัญหาของความลำเอียงของพรรคพวกกำลังทวีความรุนแรงขึ้นบน Social Media เนื่องจากเครือข่ายออนไลน์มักถูกจัดระเบียบโดยผู้มีอิทธิพลหลักไม่กี่คน
1
คุณลักษณะของโซเชียลมีเดียนี้นี่เอง ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ข้อมูลผิด ๆ และข่าวปลอมแพร่หลาย ในเครือข่ายแบบรวมศูนย์ดั่งที่เราได้เห็นกันในยุคปัจจุบัน
ผู้มีอิทธิพลที่มีความคิดเอนเอียงมีผลกระทบอย่างมากต่อชุมชนของพวกเขา ทำให้ข่าวลือเล็ก ๆ ข่าวปลอม หรือ แนวคิดอคติทางการเมือง ถูกขยายไปสู่ความเข้าใจผิดและความเชื่อผิด ๆ อย่างกว้างขวางนั่นเอง
งานวิจัยชิ้นนี้ ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และเป็นการให้แนวคิดที่น่าสนใจ ที่เกี่ยวกับเรื่อง Influencers ที่กำลังมีอิทธิพลเกินกว่าที่เราคิด ในโลกออนไลน์ในยุคปัจจุบัน
สิ่งที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ตามงานวิจัยชิ้นนี้ ก็คือ การพยายามเข้าหากลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook Group หรือ บอร์ดต่าง ๆ ที่ดูมีความเท่าเทียมทางความคิด โดยพยายามที่จะรับข้อมูลจากเหล่า Influencers หรือ ผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ต่าง ๆ ให้น้อยลงไป
2
จะทำให้ให้ความแตกแยกต่าง ๆ ที่ถกเถียงกันนั้น เดินหน้าสู่ความเป็นกลางมากยิ่งขึ้น เมื่อได้รับข้อมูล และ ถกเถียงกับบุคคลที่มี power ไม่แตกต่างกันกับเรานั่นเอง
ต้องบอกว่าตอนนี้ทั่วโลกต้องต่อสู้กับเรื่องอคติและการแบ่งขั้วมานานแล้ว แต่ปัญหาตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เพราะมันถือเป็นเรื่องของประชาธิปไตยในการได้รับข้อมูลที่ไม่เท่าเทียมกัน เพราะกำลังส่งผลต่อเรื่องใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลกร้อน เรื่องการแบ่งขั้วทางการเมือง การเกิดแนวความคิดแบบสุดโต่ง และกำลังสร้างปัญหาให้กับโลกเรามากมายอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับผม
2
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
=========================
ติดตาม ด.ดล Blog ผ่าน Line OA เพียงคลิก :
=========================
ฟัง PodCast เรื่องเกี่ยวเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ที่ Geek Forever’s Podcast
——————————————–
ฟังผ่าน Podbean :
——————————————–
ฟังผ่าน Apple Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Google Podcast :
——————————————–
ฟังผ่าน Spotify :
——————————————–
ฟังผ่าน Youtube :
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา