27 พ.ย. 2020 เวลา 01:49 • นิยาย เรื่องสั้น
EP 9: เมื่อเจ้าโควิท19 คงยังจะอยู่กับพวกเราไปอีกพักใหญ่ ๆ เจ้าโรคระบาดที่อัตราการตายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ปีก่อน ๆ อย่าง SARS แต่ความสามารถในการแพร่พันธ์ุอยู่ในขั้นเทพ สภาวะ ‘New Normal’ ที่ตอนแรกเหมือนจะเป็นเรื่องแปลก ๆ อย่างการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา คุยกันห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ หรือการติดต่อผ่านทางออนไลน์มากกว่าเจอตัวเป็น ๆ ก็เริ่มกลายเป็นเรื่องปรกติ และสุดท้ายก็กลายเป็น Normal หรือเรื่องธรรมดาในชีวิตเรา
ว่าไปแล้วก็คิดถึงสมัยผมมานิวยอร์กใหม่ ๆ ทุกอย่างมันก็คือ New Normal ไปหมด เฮ้ย! เมืองอะไรวะ คนเดินเร็วเรือหาย พูดภาษาอะไรกัน ก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง หรือจะเป็นข้ามถนนตรงทางม้าลายแบบไม่กลัวโดนรถชน ถ้าอยู่เมืองไทยน่ะเร๊อะ ไม่โดนรถชนเหมือนกันนะ แต่โดนกระทืบจากคนขับรถแทน 555 หลายฤดูหนาวผ่านไป พวกสัตว์สังคมอย่างผม ที่แถมมี gene เดียวกับกิ่งก่าที่เปลี่ยนสีได้สารพัด แถมทนได้ทุกสภาวะอย่างผม ไอ้เจ้า New Normal ก็ค่อย ๆ กลายเป็น Normal เดี๋ยวนี้น่ะเร๊อะ เดินเร็วอย่างกับวิ่งผลัด ข้ามถนนก็ไม่กลัวรถชนนะ ตราบใดที่เป็นไฟเขียวของคนข้าม ลองชนมาซิ Sue City นะเว๊ย ส่วนพวกน้อง ๆ พี่ ๆ ที่ทนไม่ไหว ปรับตัวกับ Normal ของที่นี่ไม่ได้ ต้องระเห็จจากไปก็มากอยู่
นิวยอร์กตอนนี้ (5/6/2020) ร้านอาหารทั้งหลายก็เปลี่ยนไปมากมาย เพราะเจ้าโควิท ไม่ว่าจะเป็นการห้ามนั่งกินในร้าน และต้องขาย Togo หรือ Delivery เท่านั้น หน้ากาก ถุงมือก็ใส่กันเต็มไปหมด บางที่ถึงขนาดมีแผ่นใสกั้นหน้าระหว่างลูกค้ากับพนักงานอีก เฮ้อ...ตั้งแต่เจอวิกฤตโควิทมา ยอดขายแต่ละร้านได้ยินมาว่าหดหายกว่าครึ่ง อัตราการจ้างงานก็น้อยลงตามไปด้วย ตอนนี้มนุษย์ห้องครัวทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน คนไหนวิชาไม่กล้าแกร่ง เส้นสายไม่มี หรือว่าปรับตัวช้า เปลี่ยนเพดานบินไม่ทัน ก็ต้องทนนั่งตบยุง ช้อนลูกน้ำกินเล่นกันเป็นแถว ตกงานกันยาวปาย...ยาวปาย...
แต่อย่างไรก็ตาม มีคนเสียมันก็ต้องมีคนได้ซิ ไม่ใช่นักการเมืองไทยนะ ที่เอาแต่ได้ไม่ยอมเสีย! แถมวันนึงคนก็ต้องกินข้าวสามมื้อ แล้วฝรั่งมันทำข้าวกินเองกันเป็นซะที่ไหนล่ะ ไม่ให้นั่งในร้าน ก็ต้องสั่งมาส่งที่บ้านแทน ยอดขายพวก Togo, Delivery มันก็เพิ่มขึ้น มันก็เลยทำให้มีตำแหน่งที่มีคนรับเพิ่มขึ้นมา สองตำแหน่งคือ O.P. และ Packer
หนึ่งก็คือ 'O.P.' หรือ โอพี ย่อมาจาก Operator ลองจินตนาการถึงเสียงหวาน ๆ เวลาโทรไปหาพวก Call Center เอาไว้นะครับ หน้าที่คือต้องคอยรับหน้าเสื่อ คุยกับคุณลูกค้าโรคจิตทั้งหลาย แม้เสียงจะหวานไส้ขาด แต่ดีกรีความเขี้ยวนั้นก็หาได้เป็นสองรองใคร ก็คุณลูกค้าที่นี่มันร้อยพ่อพันแม่ แถมโรคจิตเรื่องมากทั้งนั้น พวกอยากได้ของฟรีก็มาก พวกแพ้ของแสลงก็สารพัด กินไอ้นี่ไม่ได้ ขอเปลี่ยนเป็นอันนี้แทนได้ไหม แต่ของที่ของเปลี่ยนแพงกว่านะ เฮ้ย...อย่างนี้ก็ได้เหรอ? บางทีได้อาหารไปแล้ว แต่บอกไม่ได้อาหาร ขอเครดิตกินฟรีกันหน้าด้าน ๆ ก็มี! เฮ้ย นี่มันชาวบ้านหรือนักการเมืองไทยวะ หนาขนาด! 555 โอพีก็จะมีหน้าที่ที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของร้าน คุยกับลูกค้าแบบไม่ให้ช้ำ ร้านไม่ให้ขาดทุน ตัวอย่างเช่น…
(โปรดกรุณาดัดเสียงหวานๆเลียนแบบ Call Center)
“สวัสดีคะ นี่โทรจากร้านหมู่บ้านไทยนะคะ สำหรับข้าวผัดไทยไก่ที่ไม่อยากได้หัวหอม ทางเราเอาออกให้ได้” โอพีเสียงสดใสเหมือนฤดูใบไม้ผลิคนนึงคุยกับลูกค้า หลังเห็นตั๋วออนไลน์
“แต่เราไม่สามารถใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์แทนให้ได้นะคะ” โอพีบอก แต่ท่าทางลูกค้าจะไม่ค่อยถูกใจ ใส่กลับมาเป็นพรูด ๆ อ้าว ก็เขาคิดว่าเขาจะเสียผลประโยชน์ที่อุตส่าห์ไม่เอาหัวหอม ก็ต้องได้อย่างอื่นแทนซิ
“คะ...คะ... ฉันเข้าใจนะคะ หากวัตถุดิบตัวไหนไม่อยากรับประทาน ทางเรายินดีทำตามความประสงค์ เอาออกให้นะคะ แต่ถ้าจะเพิ่มอะไรพิเศษนั้น ทางร้านต้องขอคิดค่าใช้จ่ายนะคะ หรือจะสั่งเป็นข้าวผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปเลยไหมคะ เพิ่มอีก $3 เท่านั้นคะ”
“คะ…คะ…ไม่เอาแล้ว แต่จะขอเปลี่ยนจากไก่เป็นเนื้อวัวแทน ได้คะ เพิ่ม $2 นะคะ”
“คะ...คะ...ไม่เพิ่มแล้วหรือคะ หัวหอมก็ยังเอาอยู่นะคะ กินได้แล้วนะคะ ได้คะ โอเคคะ ขอบคุณที่สั่งอาหารร้านเราคะ” เสียงโอพียิ้มแย้ม แต่หลังจากวางหูเท่านั้นแหละ
“E สลัด! ขอเพิ่มเม็ดมะม่วงแทนหัวหอม อยากแดกเนื้อ แต่จะจ่ายราคาไก่ มึงเอาส้นเท้าที่ไหนคิด ดีออก!” โอพีระดับตำนานท่านนึงเคยกล่าวไว้
แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงโอพี ผมอยากจะพูดถึงตำแหน่งที่สอง ซึ่งเป็นตำแหน่งคู่หูของโอพี คู่บุญคู่บารมีกัน ตำแหน่งนี้ไม่ต้องใช้ภาษาเยอะเท่าไร ขอแค่สายตาดีและมือไวก็พอได้อยู่ แถมมีสิทธิพิเศษ คือมี Station ส่วนตัว เหมาะกับคนชอบสันโดษ ปลีกวิเวก ไม่ต้องใกล้ชิดคนอื่นมากนัก ตำแหน่งนี้เรียกว่า ‘แพ็คเกอร์' หรือ Packer
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแพ็คเกอร์ วัน ๆ จะทำอะไรล่ะ ก็แพ็คอาหารลงถุงไงล่ะท่าน อาหารผัดเสร็จ ก็ปิดฝา ใส่ลงถุงกระดาษ ช้อนส้อม ใส่ถุงพลาสติกเสร็จแระ แค่นี้เอง ง่ายม่ะ? แหม่ ฟังดูง่าย แต่เอาจริงไม่ง่ายเล๊ยยยย...(เสียงสูงปรี๊ด) ไม่ง่ายแล้วมันยากตรงไหนล่ะ?
อย่างร้านที่ผมเคยทำมายอดขาย Togo เฉลี่ย ๆ คืนนึงอย่างต่ำก็หมื่นกว่าล่ะ ตีตัวเลขแบบง่าย ๆ ที่ $13,000 ก็แล้วกัน (นี่ไม่เยอะนะ บางร้านล่อไปสองสามหมื่นกว่าเหรียญ! ขายกันคืนละเกือบล้าน โอ้ว...ขายหรือแจกฟรีวะเนี่ย) อาหารก็คิดง่าย ๆ ว่ากล่องละ $13 เหรียญแล้วกัน คืนนึงก็เท่ากับว่า 1,000 กล่อง ทำคืนนึงห้าถึงหกชั่วโมง ตกชั่วโมงละเกือบสองร้อยกล่อง เฉลี่ยแล้วในหนึ่งนาที ต้องแพ็คอาหารสี่กล่อง กล่องละยี่สิบวินาที เรียกว่า แทบจะหายใจกันทางผิวหนังกันเลยทีเดียว ฉะนั้นพวกมือระดับตำนานก็มักจะมีความถึกทนเหนือมนุษย์มนา รับได้ทุกอย่างไม่ว่าสถานการณ์ไหน ๆ ว่าแล้วผมก็นึกถึงเรื่องของแพ็คเกอร์มือเทพ อย่างน้องอ๋อมกับพี่เก้ง
น้องอ๋อมเป็นแพ็คเกอร์สาวฝีมือเหรียญทองโอลิมปิค เก่งมาก แม้จะเป็นเรียกนางว่าน้องแต่แกเป็นพี่ใหญ่ในร้าน ก็เพราะความสามารถรวมกับประสบการณ์การทำงานที่มากพรรษากว่าชาวบ้านเขา โดยก่อนเริ่มงานน้องอ๋อมก็จะมาเช็ค Station ของแก ถ้วยซอสต่าง ๆ ช้อนส้อม ตะเกียบ ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ ของทุกอย่างเติมเต็มหรือยัง ของทุกอย่างจะต้องอยู่ในที่ของมัน แม้แต่ขวดซอสต้องเรียงแบบว่าซอสนี้อยู่ขวาสุด ไล่มาเป็นอะไร ต่อมาเป็นอะไร ประมาณว่าหลับตาก็รู้ว่าของอยู่ตรงไหน หยิบได้ทันที เป็นความถนัดผสานกับความเคยชินของนาง ครั้งนึงผมเคยหยิบขวดซอสนางมาใช้
“นี่คือพื้นที่บวงสรวงของหนู ห้ามใครล่วงละเมิด!” น้องอ๋อมเล่าให้ฟังแบบติดตลก ใครจะไปย้ายของนางไม่ได้นะครับ แต่เวลาทำงานนางไม่ตลกนะครับ ยอดขายคืนละหมื่นกว่าเหรียญ นางแพ็คของนางคนเดียว! ใครขวางทาง มาจุ้นจ้านตอนยุ่ง ๆ นางแดกหัวหมดครับ! ยกเว้นพี่ ๆ เจ้าของร้าน น้องอ๋อมจะยกเว้นให้เป็นพิเศษ เอิ๊ก ๆ น้องอ๋อมนั้นมีความสามารถรอบตัว คือเป็นได้ทั้งแพ็คเกอร์และก็โอพี จริงๆน้องเขาอยากจะเป็นโอพี แต่ว่าดันแพ็คเร็วด้วยไง ก็เลยไม่ได้เป็นโอพียาว ๆ สักที เป็นโอพีแป๊ป ๆ เดี๋ยวคนขาดก็ต้องกลับมาเป็นแพ็คเกอร์อีกล่ะ
ส่วนพี่เก้ง ตัวละครเอกของตอนนี้นั้น แกเป็นชายหนุ่มร่างกำยำบึกบึน แถมพี่แกกล้ามใหญ่กว่าผมอีก แต่แกกลับเป็นคนอ่อนหวาน เพราะจิตใจแกเป็นหญิง เป็นเก้งเป็นกวาง ซึ่งก็เรียกได้ว่าเหมาะกับชื่อ ‘เก้ง’ ของแกอยู่ทีเดียว อายุน่าจะมากกว่าน้องอ๋อมหน่อย ๆ เพราะน้องอ๋อมเรียกแกว่าพี่เก้ง
“อ๋อมจ๊ะ นี่พี่เก้งมาเทรนเป็นแพ็คเกอร์ ฝากเทรนพี่เขาด้วยนะ” ผู้จัดการร้านเข้ามาฝากฝังพี่เก้ง ก่อนจะอธิบายต่อ
“พี่เก้งเขาเคยแพ็คมาก่อน เทรนแป๊ปเดียวน่าจะได้ ไม่มีอะไรยาก” เจ้าของร้านฝากฝังไว้ก่อนเดินจากไป โดยหารู้ไม่ว่ามันฝากฝังจริง ๆ ครับ แถมฝังทั้งเป็นเลยแหละ เมื่อมาฝากฝังเด็กใหม่ไว้กับแพ็คเกอร์โรคจิต สายโหด กินหัวมาแล้วทุกสถาบัน
“พี่เก้งดูอ๋อมแพ็คก่อนก็ได้นะ จะได้รู้ว่าที่นี่เขาทำกันยังไงน่ะคะ อาจจะต่างกันนิดหน่อย ถ้าสงสัยอะไรถามเลยนะคะ” น้องอ๋อมเผลอพูดเสียงหวานอย่าง Call Center ให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะลงมือแพ็ค โดยมีพี่เก้งยืนดูอยู่ข้าง ๆ ช่วงนั้นร้านยังไม่ยุ่งเท่าไหร่ อาหารก็มาแบบเรื่อย ๆ น้องอ๋อมก็แพ็คไป อธิบายไปว่าอาหารจานไหนไปกับน้ำจิ้มอะไร
“หมูแดดเดียวไปกับศรีราชาไทยนะคะ หมูย่างไปกับน้ำจิ้มแจ่ว หมูทอดก็ไปกับน้ำจิ้มไก่” น้องอ๋อมอธิบายคร่าว ๆ ร้านอาหารไทยส่วนใหญ่น้ำจิ้มหลากหลายมาก มีน้ำจิ้มบ๊วย, ซอสศรีราชาเขมร, สไปซี่เมโย พริกน้ำปลาและอีกสารพัดซอส ผมเองก็อยู่มาหลายปี ยังจำได้ไม่หมดเล๊ย! ฮ่าฮ่าฮ่า
น้องอ๋อมก็ทำงานแบบชิว ๆ ของนางไปเรื่อยเปื่อย อาหารเริ่มไหลมา นางก็ปุ๊ปปั๊ปปิดลงแบบไม่เคอะเขิน ก็อย่างที่เกริ่นไว้ นี่มันพื้นที่บวงสรวงนาง จะหยิบอะไรตรงไหน ร่างกายนางจำได้หมดแล้ว ส่วนพี่เก้งมีอะไรสงสัยก็ถาม บางทีก็ช่วยหยิบนู่นหยิบนี่ให้บ้าง การเทรนเหมือนจะผ่านไปด้วยดี
“อ่ะ พี่เก้งลองมั่งนะคะ” น้องอ๋อมบอกพี่เก้งหลังจากทำไปได้ประมาณชั่วโมงนึง คงกลัวแกเบื่อ
“ได้ค่ะ” พี่เก้งรับคำ ขยับเข้ามาใน Station แทนน้องอ๋อม เดาได้ว่า แกคงอยากจะโชว์ความแมน เอ๊ย ไม่ใช่​โชว์ฝีมือเต็มแก่แล้ว พออาหารกล่องแรกมาปุ๊ป หมับ! แกรีบคว้ามา ปิดฝากล่องลงทันทีที่มุมนึง แป๊ก! ก่อนจะไล่นิ้วมาอีกมุมนึง แต่ยังไม่ทันจะได้กดแป๊ก พี่เก้งก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงน้องอ๋อมดังขึ้นมา
“ไม่ได้นะคะพี่เก้ง ปิดแบบนี้ไม่ได้นะ” น้องอ๋อมบอก ก่อนจะอธิบายต่อ
“เส้นมันล้นออกมาข้างนอกแบบนี้ ปิดไปมันก็ทับเส้น อาหารก็เลอะติดข้างนอกกล่องหมดซิคะ” พี่เก้งพอได้ยินก็รีบแก้งาน เปิดฝาเอานิ้วเขี่ยเส้นที่มันล้นออกมาเข้าไปข้างในก่อนจะปิดฝาตามเดิม แป๊ก! เสียงน้องอ๋อมก็ดังมาอีกรอบ
“พี่เก้งงงง...ปิดแบบนี้ได้ไงคะ ขอบกล่องมันยังเลอะอยู่เลย เราต้องเช็ดด้วยซิคะ เนี่ยเห็นไหมคะ ฝั่งผัดตอนยกกะทะ เขาชอบแปะขอบกะทะมาที่ขอบกล่องด้วย มันเลยดำ ๆ อย่างนี้ ลูกค้าเห็นเขาก็ไม่ชอบซิคะ” น้องอ๋อมอธิบายยาวอย่างกับมีมาตราฐาน ISO
“จำไว้นะคะ เปิดถุงมามันต้องปัง!” น้องอ๋อมสรุปนิยามให้ ก่อนที่พี่เก้งจะหันหน้ามาทางผม ทำตาหลุกหลิก ปากก็ขมุบขมิบไปมา พออ่านจับใจความได้ว่า
“คุณน้องคะ อีนี่เยอะอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ?” พี่เก้งถามแบบไร้เสียง พยายามจะหาแนวร่วมจากผม แต่ผมทำเหมือนไม่ได้ยิน แหม่ พี่เก้งคร้าบ อย่ามาลากกรูไปตายด้วยเลย...
และหลังจากนั้นเรื่องราวมันก็เริ่มเดาได้ครับ เก้งน้อยโดนพญาราชสีห์ใจทมิฬข่มเหง แบบค่อย ๆ สะกิดเบา ๆ ไม่ให้ตายทันที
“ซอสสปริงโรล ตัวบ๊วยคะ ไม่ใช่น้ำจิ้มไก่!” เสียงน้องอ๋อมลอยมา
“ฝาถ้วยซุป ไม่เจาะรูได้ไงคะ ความร้อนมันดันฝาปูดหมดแล้ว” เสียงน้องอ๋อมอีกแล้ว
“ถุงต้องเรียบนะ พับให้มันสวย ๆ ค่ะ ไม่ใช่ขยุ้ม ๆ แล้วเวลาแม็ค ได้โปรด...กรุณาเอาตั๋วไว้ข้างนอกนะคะ พี่โก้เขาจะได้อ่านง่าย ๆ ใส่ไว้ข้างในใครเขาจะเห็นคะ” น้องอ๋อมใส่มาเรื่อย ๆ แต่ว่าทุกคำนี่ติด Cri ทุกดอก! ป๊าก! ป๊าก! ป๊าก! เรียกว่าพี่เก้งติด​ Bleeding เลือดแดงปั๊มแทบไม่ทันเลยทีเดียว 555 แล้วยิ่งร้านเข้าสู่ชั่วโมงทองขายดีแบบ Non-stop แล้วด้วย ข้างใน Line ผัด ก็สาดอาหารมาแบบไม่หยุด แล้วเด็กเทรนวันแรกอย่างพี่เก้งจะเหลือเหรอครับ มันจะไปแพ็คทันได้อย่างไร จนอาหารเริ่มกองซ้อนกล่องกันแล้ว เพราะว่าพี่เก้งแพ็คลงถุงไม่ทัน น้องอ๋อมเองก็คงเห็นว่าไม่ไหวแล้ว กระโจนลงมาจัดการด้วยตัวเอง ส่วนพี่เก้งไปยืนหอบ ดมยาดมอยู่ข้างๆแทน
พอช่วงกำลังทำไซด์จ็อบก่อนเลิกงาน น้องอ๋อมก็สอนพี่เก้งว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็ไม่วายจิกตลอดอย่างตอนเติมซอสลงถ้วย
“ซอสต้องประมาณ 75% ของคอนเทนเนอร์นะคะ ใส่น้อยอย่างนี้ จิ้มสองทีก็หมดคะ อ้าวแล้วนั่นก็ให้มากไปนะคะ 75 คะ 75” น้องอ๋อมบอก
“พริกป่น พี่เก้งให้นิดเดียวแค่นี้ ลูกค้าเขาจะกินอะไรคะ” น้องอ๋อมบอกก่อนจะหยิบถ้วยพริกป่นขึ้นมาให้ผมดู
“เนี่ยพี่โต้ดูซิ ให้แค่นี้?” น้องอ๋อมพูดกับผม
“บางที...ฝรั่งอาจจะไม่กินเผ็ดก็ได้นะคะ” ผมตอบขำ ๆ พี่เก้งยิ้ม แต่น้องอ๋อมไม่ยิ้มด้วย กลับทำตาดุใส่ เล่นเอาผมหันไปทำไซด์จ็อบแทบไม่ทัน หลังจากนั้นพี่เก้งก็โดนทารุณกรรมไปอีกพอหอมปากหอมคอ น้องอ๋อมคงเริ่มเห็นแล้วคงคิดว่าสอนแบบอินไซด์ไปหน่อย (หรือไซด์ก้อยก็ไม่รู้นะ) แกก็เลยปลีกตัวไป ปล่อยพี่เก้งที่หน้าเศร้าเป็นหมาเหงาทำไซด์จ็อบของแกไปคนเดียว
"พี่เก้ง...ไหวไหม?" ผมถามพี่เก้ง แกหยุดทำงานก่อนจะหันหน้ามา พลางทำตาปริบ ๆ ทำตัวเหมือนนางเอกละครหลังข่าวช่องสามที่โดนรังแกจากพระเอกที่รวย ก่อนจะเอ่ยปาก
“เจ็บแค้นเคืองโกรธ...โทษฉันใย ฉันทำ...อะไรให้เธอเคืองขุ่น” อุ๊ต๊ะ! จู่ๆพี่เก้งก็ร้องเพลงจำเลยรัก เล่นเอาผมขำก๊าก เผลอถีบแกไปทีนึง โทษฐานที่เล่นมุขไม่ดูหนังหน้าตัวเอง 555
และแม้หลังจากนั้นพี่เก้งจะโดนโขกสับมาเรื่อย ๆ แต่ใจแกก็สู้เหลือเกิน หนักแค่ไหนก็ไม่ย่อ ท้อแค่ไหนก็ไม่บ่น บางทีเห็นแกโดน Slam ช่วง Busy จะตายมิตายแหล่อยู่แล้ว แต่แกอดทนก็ผ่านมาได้คืนแล้วคืนเล่า จนแกเรียนรู้เทคนิควิธีทำงานมาทั้งจากน้องอ๋อมและกับแพ็คคนอื่น ๆ New Normal ก็กลายเป็นเรื่อง Normal สำหรับแก สุดท้ายพี่เก้งก็กลายเป็นหนึ่งในแพ็คเกอร์เทพประทาน ร้านยุ่งแค่ไหน แกคนเดียว...เอาอยู่ แถมยังพ่วงตำแหน่งขวัญใจรันเนอร์ไปเป็นที่เรียบร้อย (เพราะเราชอบฝากแกทำไซด์จ็อบ แกก็ทำให้ ไม่เคยปริปากบ่น 555)
ผ่านมาหลายเดือน เจ้าของร้านก็มาแนะนำเด็กเทรนฝั่งแพ็คให้
“เก้ง เดี๋ยวแม่ฝากเทรนงานน้องเขาหน่อยนะ” เจ้าของร้านมาแนะนำ ฝากผังสาวน้อยวัยละอ่อน หน้าตาน่ารักแถมน่าเคี้ยว เพิ่งมานิวยอร์กใหม่ ๆ ไม่เคยมีประสบการณ์ร้านอาหารมาก่อนอีกต่างหาก เล่นเอาพวกผมกระดี๊กระด๊ากันใหญ่ บ้างก็เสนอตัวพร้อมให้คำแนะนำ แข่งกันแจกขนมจีบกันใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้เสนอซาลาเปา พี่เก้งมาสกัดดาวรุ่งเสียก่อน
“อย่าไปยุ่งกับไอ้พวกนี้มากนะคะน้อง ปากหมา หน้าหม้อ ลูกเมียก็มีแล้วด้วย” พี่เก้งพูดกันท่า เหมือนหมาหวงก้างปลาแซลม่อน ปากหมาแบบนี้ ถ้าไม่เห็นว่าแกกล้ามใหญ่ล่ะก็โดดเตะปากแกไปแล้ว ก่อนที่แกจะกลับไปหาน้องใหม่ต่อ
“เดี๋ยวน้องดูพี่ก่อนนะคะ สงสัยอะไรถามนะ” พี่เก้งบอกเสียงเล็ก ๆ พี่เก้งก็แพ็คไป สอนน้องไปเรื่อย ๆ เด็กเทรนถามอะไร แกก็อธิบายให้แบบชัดถ้อยชัดคำ เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินพี่เก้งเสียงเริ่มดังขึ้นนี่แหละ
“น้องคะ ขอบกล่องเช็ดด้วยซิคะ ปิดไปแบบนี้ได้เหรอคะ อาหารยังติดขอบกล่องอยู่เลย” เสียงพี่เก้งดุขึ้นเมื่อเทียบกับตอนแรก ผ่านไปอีกครู่เดียว แกก็จี้อีก
“ผัดซีอิ๊วต้องโรยพริกไทยด้วยนะคะ” พี่เก้งเริ่มขึ้น น้องใหม่หยิบพริกไทยโรยผัดซีอิ๊ว ก่อนจะโรยอีกกล่อง แต่พี่เก้งก็จี้อีก
“เดี๋ยวคะ คุณน้อง! นั่นมันคั่วไก่ ไม่ต้องใส่พริกไทยคะ ดูเส้นคะดูเส้น! สีขาวกว่าตั้งเยอะ ดูไม่ออกเหรอ?” พี่เก้งเสียงเริ่มเปลี่ยนโหมด
“คั่วไก่ไปกับศรีราชาด้วยละ” พี่เก้งจิก น้องใหม่ก็มือไม้สั่น คงเริ่มตื่นเต้น อย่างว่าล่ะ คงไม่เคยเจอกะเทยควาย มาก่อนในชีวิต
“ศรีราชาไทยคะ! ไม่ใช่ตราไก่!” พี่เก้งจิกหลังจากน้องใหม่หยิบผิดซอสผิดอัน
“แล้วเรียงอาหารลงถุงให้ดีด้วย กล่องฟอยด์มันบาง เอาไว้ข้างบน ช้อนส้อมใส่หลังสุดซิคะ โอ๊ย!" เสียงพี่เก้งชัดถ้อยชัดคำทุกตัวอักษร
"จำไว้นะคะน้อง เปิดมามันต้องปัง!” พี่เก้งสรุป ให้ตายเถอะได้ยินประโยคนี้เท่านั้นแหละ ภาพจำมันก็ผุดขึ้นมาในสมองผม ฟุ่บ!
(ภาพอดีตขาวดำ Slow Motion เสียงสนทนาก้องกังวาน)
วันที่พี่เก้งโดนน้องอ๋อมจิกกัด กระชากลากไส้ออกมากองกับพื้นพร้อมทั้งกระทืบซ้ำ นำ้ตานองหน้าในวันนั้น ฟุ่บ!!
(ตัดกลับมาที่เวลาปัจจุบัน ภาพเป็นสี)
ภาพตัดกลับมาพี่เก้งในวันนี้ แม่ง! โหดกว่านั้นสองเท่า! 555 กูรู้มึงเก็บกด แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ม๊ะ? นี่หลอกพวกผมมานาน ทำตัวประมาณว่าเป็นนางเอกช่องสามมาเกิด จริง ๆ มึงนี่นางร้ายชัด ๆ ว่าแล้วก็อยากตบด้วยทุเรียนนัก อีนี่!
จากนั้นก็ไม่ต้องสืบครับ น้องใหม่มาเทรนวันเดียวก็ไม่มาอีก ขอลาก่อน มาเมืองนอกทั้งที มาโดนกะเทยกินหัวซะแบบนี้ มันรับไม่ได้กับ New Normal ที่ร้านนี้ ไปหาร้านอื่นใหม่เรียบร้อย พวกผมก็ได้แต่บ่นเสียใจ อดทำงานข้างสาวน่ารัก ๆ หันไปก็เจอแต่อีพี่เก้ง อีกะเทยล่ำ ก็เลยพร้อมใจกันให้ฉายาใหม่กับพี่เก้งไปว่า 'อีเก้ง อี Abnormal' โทษฐานที่ ‘Ab ว่า Normal’ ได้นานและเนียนขนาดนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา