[ MARKET UPDATE !!! ] Dow Jones Futures พุ่งแรงกว่า 300 จุด ต้อนรับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ คัดค้านผลการเลือกตั้ง และขู่ฟ้องร้องให้มีการนับคะแนนใหม่อย่างเร็วที่สุด !!!
[ MARKET UPDATE !!! ] Dow Jones Futures พุ่งแรงกว่า 300 จุด ต้อนรับ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ คัดค้านผลการเลือกตั้ง และขู่ฟ้องร้องให้มีการนับคะแนนใหม่อย่างเร็วที่สุด !!!
ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ (6 พ.ย.) ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 66.78 จุด หรือ -0.24% ปิดที่ 28,323.40 จุด ส่วนดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลง 1.01 จุดหรือ -0.03% ปิดที่ 3,509.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้น 4.30 จุด หรือ +0.04% ปิดที่ 11,895.23 จุด หลังนักลงทุนจับตาความชัดเจนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ล่าสุด ดัชนี Dow Jones Futures ปรับตัวพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด หรือบวกไปกว่า 1% และดัชนี US Tech 100 พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด หรือบวกไปกว่า 2% หลัง โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) 290 เสียง ซึ่งเกินกว่าคะแนนกึ่งหนึ่งที่ 270 มีคะแนนนำ ปธน.ทรัมป์ ทิ้งห่างอยู่ที่ 214 คะแนน ทำให้ไบเดนได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 แล้ว
โดยเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เพื่อประกาศชัยชนะในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีประจำปี 2020 พร้อมแถลงการณ์กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและต้องได้รับการเยียวยา อีกทั้งยังได้ให้คำมั่นว่าจะเป็นประธานาธิบดีที่ไม่สร้างความแตกแยก แต่จะสร้างความสมานฉันท์ และจะมองว่าทุกรัฐคือสหรัฐฯ
นอกจากนี้ โจ ไบเดน ได้ส่งสัญญาณว่า เขามีแผนที่จะจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว เพื่อมุ่งเน้นเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมทั้งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบใหม่อีกด้วย โดยไบเดนได้แต่งตั้ง เดวิด เคสเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ให้เข้าร่วมในคณะทำงานด้านการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อบุคลากรคนอื่นๆในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ
ไบเดน ยังได้พูดคุยกับสมาชิกของพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบใหม่ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และยังได้เรียกร้องให้ ปธน.ทรัมป์ สนับสนุนมาตรการดังกล่าว ก่อนที่ไบเดนจะขึ้นสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า
ขณะที่ บรรดาผู้นำจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ นายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ, นายกฯ จัสติน ทรูโด ของแคนาดา และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ต่างก็ได้แถลงแสดงความยินดีต่อ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ทางด้าน เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ได้กล่าวชื่นชมไบเดนว่าเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของชาติพันธมิตร และหวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมมือกัน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งอเมริกาเหนือและยุโรป
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯประจำปี 2020 ยังอีกยาวไกลกว่าจะจบ พร้อมทั้งได้ขู่ว่าจะให้ทีมหาเสียงของเขาใช้วิธีทางกฎหมายเพื่อคัดค้านผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างเร็วที่สุด และยื่นคำร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ในรัฐสมรภูมิ (battleground state) อีกทั้งยังได้กล่าวว่า ไบเดน ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ชนะในรัฐใดๆ ทั้งสิ้น เขาจะไม่หยุดพักจนกว่าชาวอเมริกันจะได้รับการนับคะแนนเลือกตั้งที่ซื่อสัตย์และโปร่งใส เพื่อประชาธิปไตย
ทางด้าน มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และผู้ก่อตั้งบริษัท Mobius Capital Partners LLP เปิดเผยว่า หาก โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ก็จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมีนโยบายที่จะเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทั้งจากบริษัทอเมริกันและชาวอเมริกันที่มีรายได้สูงหรือคนรวยที่มีรายได้ 2 แสนดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจในการเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง แต่ ปธน.ไบเดน จะส่งผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ และตลาดอื่นๆ ทั่วโลก
ขณะที่ นักลงทุนระดับโลกบางรายมองว่าจะไม่สามารถปรับขึ้นภาษีได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากพรรครีพับลิกันยังคงได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และจะขัดขวางแผนการขึ้นภาษีดังกล่าวของไบเดน
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) ด้านสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ -4.3% ปิดที่ 37.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ BRENT ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ -3.6% ปิดที่ 39.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังนักลงทุนวิตกต่อการแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิด-19 ทำให้มีการใช้มาตรการ Lockdown ในประเทศต่างๆ ในยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ด้านสัญญาทองคำตลาด COMEX บวกขึ้นมากว่า 4.90 ดอลลาร์ หรือ +0.3% ปิดที่ 1,951.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวขึ้น 3.8% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาในสหรัฐฯ และยุโรป
ล่าสุด (9 พ.ย.) ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นทะลุกว่า 50 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.26 ล้านราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 6 แสนรายต่อวัน ส่วนสหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก อยู่ที่กว่า 10.28 ล้านราย และ 2.43 แสนราย ตามลำดับ ซึ่งที่น่ากังวลคือตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่กว่า 1.3 แสนคนต่อวันแล้ว ขณะที่ ผู้ติดเชื้อสะสมในไทยอยู่ที่ 3,840 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย
📲 เปิดพอร์ตหุ้นไทย/ต่างประเทศ, ออมหุ้น (DCA), กองทุน หรือ TFEX คลิกที่ "Contact Us" ด้านล่างนี้ครับ 👇👇👇
#คลินิกการลงทุน
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
