12 พ.ย. 2020 เวลา 07:28 • การเมือง
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Elite ในสังคมไทย
.....”ชนชั้นกลางที่ถูกนำมาเป็นพวกพ้องผู้ปกครองที่ดีที่สุด คือ บรรดาเซเลปทั้งหลาย เราคงเห็นคนพวกนี้ออกมาสั่งสอนคนอื่นๆ พ่นคำว่าวัฒนธรรมไทยของอีลิทนั้นดีอย่างไร วันดีคืนดีก็จับจอบมาทำเกษตรเเล้วสั่งสอนชาวนา วันดีคืนดีก็แต่งตัวสง่ามาลองเป็นกระเป๋ารถเมล์เล่นๆ เช่นในภาพปกนี้”......
หลายคนคงเห็นแล้วว่า ดารา เซเลป หรือคนมีชื่อเสียงทั้งหลาย ที่ออกมาขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมหรือแสงดออกถึงแนวคิดทางการเมืองทั้งแนวอนุรักษ์นิยม หรือ เห็นด้วยกับกระแสเรียกร้องหัวก้าวหน้าแบบนักศึกษา จนพาลให้เพื่อนๆ เหมารวมว่า ดาราโปรไฟล์ดี สวย รวย และอื่นๆ คือหนึ่งใน Elite ที่ขับเคลื่อนสังคม
1
แต่ในข้อเท็จจริง คำว่า Elite กับดารารวยๆ ดังๆ ไม่ใช้นิยามกันนะครับ พวกนี้คือชนชั้นกลางระดับบนที่สมัยก่อนเคยถูกเหยียดว่าเต้นกินรำกินด้วยซ้ำ จะมีก็แต่เซเลปบางคน ที่สามมารถขยับฐานะตัวเองไปอยู่ในแวดวงราชนิกูล หรือ แวดวงไฮโซทางการเมืองได้
1
ทำไมคนถึงชอบเข้าใจว่าพวกดารา เซเลป เป็นอีลิท?
วันดีคืนดีก็จับจอบมาทำเกษตรแล้วสั่งสอนชาวนา วันดีคืนดีก็ทำตามความฝันแสนโรแมนติกว่าอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์
.....ในทางสังคมศาสตร์ Elite คือชนชั้นนำ
.....ลองมองย้อนไปในบริบทประวัติศาสตร์ ผมเริ่มเอายุคกลางหรือยุคศักดินาที่มีการแบ่งชนชั้นกันชัดๆ Elite ก็คือ กลุ่มคนที่มีอภิสิทธิ์มาแต่เกิด พวกลอร์ด หรืออัศวินชั้นสูง คือเจ้านายที่มีอำนาจขับเคลื่อนสังคม อาศัยบารมีของครอบครัวและศาสนจักรสร้างความชอบธรรมให้กับอำนาจเพื่อปกครองชาวนาชั้นล่างจัดเก็บภาษีและออกฏหมาย จึงมีวัฒนธรรมแบบสุภาพบุรุษ วิถีอัศวิน หรือทศพิษราชธรรมเพื่อปกกันไม่ให้ผู้มีอำนาจมหาศาลเหล่านี้กดขี่ประชาชนมากไป ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้ตลอดกาล เพราะอำนาจคือการกดขี่โดยตัวของมัน ระบบศักดินาของไทยก็เป็นเช่นเดียวกันนี่แหละ แต่อย่างไรก็ตามระบบคุณธรรม จริยธรรมแบบ ผู้ปกป้องดินแดนและราษฎร ของพวกลอร์ด หรือ Elite ในยุคกลางก็สามารถกปกครองได้ยาวนานกว่าพันปี
หลังจากผ่านเวลายุคกลางนับ 1000 ปี สังคมก็เปลี่ยนไป
....การเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่เกิดขึ้น คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่มันสร้างผลผลิตมหาศาลทดแทนแรงงานจากไพร่หรือราษฎรบนที่ดิน แม้ในทางกฏหมายหรือการปกครอง และระบบคุณธรรม ศีลธรรม และจรรยาของพวก Elite ยังมีอำนาจอยู่ก็จริง แต่ขณะนั้นเกิดชนชั้นใหม่ คือ nouveau riche หรือ new riche ขึ้นมา พวกนี้มาจากการสร้างเนื้อตัวค้าขาย ลงทุน และมีโอกาสมากขึ้นทุกทีต่างจากพวกอีลิทที่เริ่มสูญเสียอำนาจเพราะที่ดินหรือจะสู้โรงงานได้ เนื่องจากคนรวยใหม่จากอุตสาหกรรมนี่มันรวยจริงๆ มันรวยแบบไม่หยุดยั้ง และระบบทุนนิยมก็เอื้อให้มันรวยกว่าเดิมแบบซื้อวังอยู่หรูกว่าลอร์ดจนๆ หลายคนเลย
....ดังนั้นสิ่งที่เกิด คือ การแย่งพื้นที่แสดงออกทางฐานะผ่านรสนิยมต่างๆ เพื่อบอกว่าตัวเองเป็นใคร ซึ่งกรณีนี้ พวกนิวริชก็พยายามเอาวิธีคิดเรื่องศีลธรรมจรรยาแบบอีลิทมาใช้ รวมถึง “รสนิยม” อันเป็นสิ่งที่สังคมนั้นๆ มองว่าเป็นแบบอย่างของอีลิทครับ เช่น เพลงคลาสสิค มีลูกเล่นเปียโน รูปปั้น งานศิลปะ ความรู้ ใบปริญญา ปัญญาชน ฯลฯ คือการสร้างบารมีแบบอีลิท เป็นสิ่งที่พวกนิวริชพยายามแสวงหาเมื่อโอกาสตัวเองมาถึง เพราะเป็นเวลากว่าพันปีนะครับ ที่สามัญชนไม่สามารถขยับฐานะ หรือ เป็นเจ้าของทรัพย์สินและผลผลิตได้เอง เรียกได้ว่าเป็นไพร่ที่ทำไร่ให้เจ้าจนตาย แล้วเกิดใหม่เปฌนเหลนของลูก ก็ยังเป็นไพร่อยู่อย่างนั้น ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตนี้จึงมีความสำคัญมาก สินค้าและความฟุ่มเฟือยต่างๆ ถูกจัดหามาปรนเปรอคนรวยใหม่ที่มันรวยปะล้ำปะเหลือ มันทำให้คุณค่าของสิ่งของ สัญลักษณ์ หรือวัฒนธรรมแบบอีลิทค่อยๆ ถูกยึดครอง
.....ทีนี้ อีลิท เขาก็ไม่ได้ใคร่พอใจนักหรอกครับ เขาก็เหยียดสิ คนขี้ครอกไร้หัวนอนปลายเท้า บังอาจเสพรสนิยมแบบฉัน พูดจาแบบฉัน ส่งลูกเรียนแบบลูกของฉัน ดังนั้นคนพวกนี้ก็ต้องหาไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่มีเฉพาะพวกของฉันเท่านั้นที่ทำได้ ตัวอย่างที่ชัดมากๆ ให้ดูซีรี่ย์เรื่อง The crown นะครับ ควีนอลิซาเบธ ถามว่าทำไมฉันถึงไม่ได้เรียนเหมือนคนอื่น และก็ได้รับคำตอบว่า เพราะพระองค์ไม่ใช่สามัญชน ทำให้อลิซาเบธต้องสร้างวิธีการเรียนรู้กฎหมาย รธน. รวมถึงหลักการแห่งอังกฤษด้วยตัวเองและการสนทนากับนายกรัฐมนตรี จนช่ำชองสามารถอยู่เหนือการ “เกลือกกลั้ว” กับนายก หรือ การเมืองได้
2
....แม้ว่าในยุคโลกาภิวัฒน์จะทำให้เส้นชนชั้นมันเบลอ แต่การช่วงชิงพื้นที่ของรสนิยมมันยังมีและชัดขึ้น คนรวยใหม่คือชนชั้นกลางนี่แหละพยายามแสวงหาสัญญะต่างๆ เพื่อบอกว่าตัวเองขยับชั้นหรือบอกว่าเราอยู่ชั้นเดียวกัน เป็นไปได้ทั้ง ใบปริญญา สถาบันชื่อดังที่เรียนอย่าง Oxford อาชีพ ตลอดจนสินค้าแบรนด์แนมที่อีลิทนิยมใช้ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกนิวริชหาได้ไม่ยาก บางครั้งพวกอีลิทกับนิวริชก็จับมือคล้องแขนแต่งงานหรือสานสัมพันธ์เพื่อสร้างอำนาจขับเคลื่อนสังคมหรือเป็นแบบแผนรสนิยมได้ เช่น การแต่งงานของนายทุนใหญ่ ดารา กับสายทุนตระกูลเจ้า
....อย่างไรก็ตามความรังเกียจพวกนิวริชที่บังอาจยกตนเสมอท่านก็มีเหมือนกันก็มีครับ สิ่งที่อีลิทมักจะยกมาอ้างความสูงของตัวเอง คือ ศีลธรรมจริยธรรมจรรยามารยาทงาม และความเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ที่เชื่อว่าถ่ายทอดมาผ่านวงศาคณาญาติ การเหยียดหัวนอนปลายตีนหรือรสนิยมจึงเกิดขึ้น คุณธรรมแบบอีลิทนี้ม่งผลถึงมุมมองทางวัฒนธรรมหลายอย่างครับ
เช่น.... มุมมองว่าประชาชนคือลูก คนดีคือคนจงรักภักดี อย่าเห็นแก่เงินเห็นแก่ส่วนรวม พวกเห็นแก่เงินคือพวกชั้นต่ำ (เพราะการจะขยับชั้นได้มันต้องใช้เงิน) และที่มาแรงคือ ต้องพอเพียง ใช้ชีวิตพอเพียงคือจรรยาอันบริสุทธิ์ เหล่านี้สร้างขึ้นมาเพื่อแยกอีลิทออกจากพวกชั้นล่าง
1
....ดังนั้นพวกที่เริ่มมีโอกาสเป็นนิวริชจะกลมกลืนกับอีลิทได้มันง่ายนิดเดียว คือ มึงก็ยึดเอาศีลธรรมจรรยาแบอีลิทมาใช้ แบบว่าฉันมีสไตล์ แบรนด์เนมก็ใช้นะแต่ฉันก็ใช้ของไทยแบบองค์ราชินี ฉันมีคุณธรรม ฉันจงรักภักดี ฉันยึดถือคำสอนพ่อ ฯลฯ เพื่อแยกตนออกห่างพวกชั้นต่ำที่ไม่สามารถชิงการแสดงออกแบบอีลิทได้นั่นเอง
กล่าวได้ว่า “ชาติตระกูล” หรือ สิทธิพิเศษที่ติดตัวมาและจะส่งผลให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมในอนาคตโดยไม่ต้องปากกัดตีนถีบมาก มีส่วนสำคัญในการแยกอีลิท ออกจากพวกนิวริช ที่ต้องลงทุนเอง หรือไม่ก็ต้องไปมอบราบกราบกรานเพื่อเป็นพันธมิตรกับอีลิทเพื่อผลประโยชน์ตน
ทีนี้..... พวกดารา เซเลป กลายมาเป็นความเข้าใจว่าเป็นพวกอีลิทในไทยได้อย่างไร
ก็เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารมวลชนมันเปลี่ยนไงครับ เหมือนตอนที่สังคมเกิดโรงงานทุนนิยมขึ้น ในยุคโลกาภิวัฒน์ สื่อ และภาพแทนของพวกดาราต้องตาคนหมู่มาก และอย่างยิ่งเลยคือ ยุคโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ภาพดาราที่เคยพร่าเลือนในจอแก้วชัดเจนขึ้น พวกเขาไม่ได้มีแค่บทบาทในจอ แต่ชีวิตและความคิดก็ถูกถ่ายทอดในโซเชียลมีเดีย แน่นอนว่าคนพวกนี้ส่งอิทธิพลมหาศาลในระดับมวลชน ฐานะจากเต้นกินรำกินก็ขยับ มีหน้ามีตา และพื้นที่ในการแสดงออกมากขึ้น
และคงจะเดาออกนะครับ พวกเขาก็ทำเหมือนที่นิวริชในยุคแรกทำ คือ แสดงรสนิยมเฉพาะกลุ่มขึ้น และพยายามนำเอาวิธีคิด ค่านิยม คุณธรรมและศีลธรรมจรรยาของพวกอีลิทมาใช้ นั่นเอง
ดังนั้นไม่ว่าพวกอีลิท สั่งสอนอะไรแก่ประชาชน คนพวกนี้มีหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงเผยแพร่ลงไปในมวลชน (Mass Communication) นานๆ เข้าก็กลายเป็นเนื้อตนแก่ตน และได้ใกล้ชิดกับความเป็นอีลิท ความเป็นผู้นำในสังคมขึ้นอีกมาก เเละจงใจทิ้งความจริงเรื่องชนชั้นล่างที่ถูกพวกอีลิทกดทับ เพราะตนได้ประโยชน์จากการเกาะเกี่ยวเครือข่ายและเส้นสายของพวกอีลิทหรือนิวริชที่รวมกันเป็นผู้กุมเส้นชะตาของประเทศนี้
ในภาษาทางวิชาการเขาเรียกดาราคนพวกนี้ว่าชนชั้นกลางระดับบน
ชนชั้นกลางบางกลุ่มเชื่อว่าตัวเองเป็น “คนดี” เพราะตนยึดหลักศีลธรรมจรรยาแบบอีลิท ที่เป็นต้นแบบของความดี และเชื่อว่าตัวเองมีอำนาจนำในการขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีเช่นเดียวกับอีลิท และหากใครหนุนทุนนิยมสามาญที่เอื้อให้คนข้ามชนชั้นได้จึงต้องเลว เพราะนี่คือความเปราะบาง หากคุณได้ผู้นำจากกลุ่มคนที่ตัวเองมองว่าโง่ จน เจ็บ หมายความว่า ความเป็นอีลิทที่ตนเชื่อมั่นสูญเสียอำนาจนำไป
......และการไม่มีอำนาจนำ หมายความว่า คุณไม่ได้เป็นอีลิทแล้ว คุณเหมือนกับทุกคนที่ปากกัดตีนถีบในวิถีของตัวเอง ศีลธรรมจรรยา สัญญะ คำสอนต่างๆ ที่คุณเชื่อมั่นถูกแก้ไขและถูกเเทนที่ ตรงนี้คือความรุนแรงที่อีลิทรับไม่ได้สิ้นเชิง และเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยการดึงกลุ่มชนชั้นกลางค่อนสูงที่ตนหล่อหลอมไว้มาเป็นพวกพ้อง และตั้งค่าควบคุมพวกชั้นกลางใหม่ที่เผยอหน้ามาจากตมใต้ตีนไม่ให้ใกล้แหล่งอำนาจและทรัพยากร
.....ชนชั้นกลางที่ถูกนำมาเป็นพวกพ้องที่ดีที่สุด คือ บรรดาเซเลปทั้งหลาย เราคงเห็นคนพวกนี้ออกมาสั่งสอนคนอื่นๆ พ่นคำว่าวัฒนธรรมไทยของอีลิทนั้นดีอย่างไร วันดีคืนดีก็จับจอบมาทำเกษตรเเล้วสั่งสอนชาวนา วันดีคืนดีก็แต่งตัวสง่ามาลองเป็นกระเป๋ารถเมล์เล่นๆ เช่นในภาพปก เพราะคุณค่าพวกนี้คือสิ่งที่ อีลิท ใส่ไว้ในหัวเขา ถ้าพวกเขาทำผิดจากนี้จะโดนแบนจากเครือข่ายที่มีอิทธิพลกว่า “ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา” เมื่อมันอยู่ในหัวมันก็ทำให้เขาปฏิบัติการออกมาอย่างใสซื่อและส่งแมสเสจตรงไปควบคุมคนชนชั้นกลางระดับล่างที่คิดว่าเป็นทาสเขา และหนักสุดคือส่งเมจเสจไปหาชนชั้นล่างว่าอย่าริอ่านขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางระดับสูงอย่างชั้นนะ
ปลูกผัก ทำบ้านดิน เลี้ยงหมูไก่ ขุดไส้เดือนกินอย่างพอเพียงอย่างนั้นแหละ ดีแล้วว
อย่างมาเป็นเหมือนชั้นเลย
โฆษณา