14 พ.ย. 2020 เวลา 13:44 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เหตุที่ธรรมชาติไม่ให้เราอยู่ลำพัง
ในปี ค.ศ. 1866 นักธรรมชาติวิทยาชื่อ ชาลส์ ดาร์วิน ได้รับ พัสดุที่ไม่ธรรมดามาจาก มาดากัสการ์
มันเป็นกล้วยไม้อันแปลกประหลาด
กลีบเป็นดาว 6 แฉกคล้ายคลึงกับกล้วยไม้ปกติ
แต่! ที่แปลกประหลาดคือ ส่วนที่เก็บน้ำหวาน
มีความยาวถึง 20 - 35 เซนติเมตร
แค่นั้นยังไม่พอ น้ำหวานที่อยู่ก้นท่อนั้น
กลับมีปริมาณเพียงนิดเดียว!
ดอกกล้วยไม้ที่ ชาลส์ ดาร์วิน ได้รับในปี 1862
อย่างที่เราๆทราบกัน ดอกไม้กับแมลงนั้น
ต่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน
ดอกไม้ ให้แมลงดูดกินน้ำหวาน
แมลงช่วยมันในการขยายพันธ์
แต่การที่ดอกกล้วยไม้นี้มีน้ำหวานปริมาณน้อยนิด
มิหนำซ้ำ ยังอยู่ลึกลงไปในท่อยาวอีกประมาณ 1 ฟุต
มันดูเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแมลงชนิดไหน
สามารถเข้าไปดูดกินน้ำหวานจากดอกกล้วยไม้นี้
เกาะมาดากัสการ์นั้นมีกล้วยไม้มากมาย
พวกมันน่าจะเลือกไปกินน้ำหวานจากดอกอื่นได้ง่ายกว่า
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วดอกกล้วยไม้นี้จะอยู่ได้อย่างไรกัน
ชาลส์ ดาวิน ครุ่นคิด อย่างหนัก
เขามีความเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมาการวิวัฒนาการร่วมกัน
ต่างต้องพิ่งพาอาศัยกันและกัน
ถ้าหากว่ามันมีดอกไม้ที่ซ่อนน้ำหวานเอาไว้ลึกเช่นนี้อยู่ได้
มันน่าจะต้องมีแมลงที่ช่วยเหลือมันเช่นกัน
สุดท้ายแล้วก็ชาลส์ ก็สรุปข้อสันนิษฐานออกมาว่า
ที่เกาะมาดากัสการ์นั้น
มันน่าจะต้องมีแมลงที่มีจมูกยาวพอที่จะดูดน้ำหวานได้
และยาวที่ว่าคือ 1ฟุตเลย
อย่างไรก็ตาม การคิดว่ามีแมลงหน้าตาประหลาด
มีจมูกยื่นยาวถึง 1ฟุตเมื่อ 158 ปีก่อน
เป็นจินตนาการที่เหลือเชื่อ
ต่อให้เป็น ชาลส์ ดาวินที่มีชื่อเสียง
ผู้คนก็อดหัวเราะเยาะเขาไม่ได้
ภาพที่วาดจากจินตนาการของ ชาลส์ ดาวิน ปี 1867
เนื่องจากสมัยนั้นขาดเทคโนโลยีการเดินทาง การถ่ายภาพ
ทำให้เรื่องนี้ไม่สามารถได้รับการพิสูจน์
แม้กระทั่งวันสุดท้ายในชีวิตของ ชาลส์ ดาวิน
และเราต้องรอจนอีก 110 ปีต่อมา..
ในปี 1992 เมื่อโลกมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพกลางคืน
เราก็สามารถเห็นภาพผีเสื้อกลางคืนที่มีจมูกยาว
ดังที่ ชาลส์ ดาวินเอาไว้จริงๆ
ครับ ใช่ ชาลส์ ดาวิน “น่าจะ”คิดถูก
ที่บอกว่า “น่าจะ” เพราะเนื่องจากว่ามันเป็นเพียงภาพผีเสื้อจมูกยาว
ที่บินใกล้ๆกับดอกกล้วยไม้นี้เท่านั้น
เหมือนแค่ถ่ายเซลฟี่คู่กัน
ถ้าเป็นสมัยนี้
คงบอกว่า
ความสัมพันธ์คลุมเคลือครับ 😊
นั่นทำให้ในปี 2018
มีการทำการบันทึกภาพเพื่อพิสูจน์กันอีกครั้ง
ด้วยการสนับสนุนของ National Geographic
กล้องสำหรับถ่ายภาพกลางคืนกว่า40 ตัว
ถูกติดตั้งอย่างใกล้ชิดกับกล้วยไม้ของดาวิน
ความพยายามและการรอคอยอันยาวนาน
ท้ายที่สุดก็สามารถบันทึกภาพเอาไว้ได้
เป็นภาพแมลงที่น่าจับตาบินโฉบมาที่กล้วยไม้
จมูกที่ม้วนอยู่ของมันยื่นสอดเข้าไปในกล้วยไม้
1
เวลาเพียง 1-2 วินาทีของมันที่กินน้ำหวานนั้น
สำหรับมันคงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมัน
แต่สำหรับเหล่านักวิทยาศาสตร์และผู้สนใจนั้น
มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่ทวงความแม่นยำให้กับชาลส์ ดาวิน
ทฤษฏีของเขาถูกอีกครั้ง “สิ่งมีชีวิตมีการจับคู่วิวัฒนาการร่วมกัน”
ทุกสิ่งต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน
หาไม่แล้วก็จะสูญพันธ์หมดไป
1
สำหรับผมเมื่อได้ค้นคว้าเรื่องนี้จบ
ผมรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นพิเศษ
ผมชอบเอนเนอร์จีที่นักวิทยาศาสตร์เป็น
4
ตั้งข้อสังเกตุกับสิ่งต่างๆรอบตัว
สร้างทฤษฏี แต่ไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซนต์
ทำการพิสูจน์เท่าที่เทคโนโลยีจะอำนวย
ท้ายที่สุดเราก็ได้ความรู้ทื่แท้จริงและนำมาประยุกต์กับการใช้ชีวิต
3
ในความอิ่มใจก็มีข้อสงสัยเพิ่ม
หากสิ่งมีชีวิตมีการจับคู่วิวัฒนาร่วมกัน
สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์เรา ควรจะคู่กับใคร
ปัจจุบันเราอยู่อันดับบนสุดของห่วงโซ่อาหาร
แต่เราก็มีปริมาณมากเหลือเกิน
ไม่เหมือนผู้ล่าอื่นๆที่มีปริมาณน้อย
แต่รักษาสมดุลย์ให้ผู้ถูกล่าได้อย่างพอดี
คุณคิดว่า
ในยุคแรกๆสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการควบคู่มากับมนุษย์
เราและสิ่งมีชีวิตนั้นอาจจะเคยพึ่งพากัน
แต่แล้วมันต้องหายไป
เพราะมนุษย์สุดท้ายฉีกตัวออกมาเหนือธรรมชาติ
สิ่งมีชีวิตนั้นที่หายไปน่าจะคืออะไรบ้าง ?
ลองแชร์กันหน่อย ผมอยากรู้นะ 😊
ขอบคุณที่อ่านนะครับ
โฆษณา