19 พ.ย. 2020 เวลา 00:30 • ประวัติศาสตร์
'แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์' อดีตปธน. ผู้พาสหรัฐฯ ก้าวขึ้นสู่ประเทศมหาอำนาจ แม้ว่าจะป่วยด้วยโรคร้าย
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
นะครับ ขอบพระคุณมากครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นว่าร่างกายที่ไม่พร้อมไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศชาติ เรื่องราวของผู้นำสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าอยู่ในตำปหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยที่ตัวเองป่วยจากภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา
แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีถึง 4 สมัยซ้อน นับเป็นบุคคลที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีส่วนสำคัญในการบริหารประเทศจนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกได้เช่นทุกวันนี้ ผู้เปรียมเสมือนฮีโร่ที่เข้ามาช่วยเหลือประเทศท่ามกลางความย่ำแย่ แม้ร่างกายของเขานั้นไม่สมบูรณ์และส่งผลให้เขาไม่สามารถยืนได้
2
ในวัย 39 ปี รูสเวลต์ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคเดโมแครต เป็นคนหนุ่มไฟแรงและมีอนาคตที่ถูกจับตามองอย่างมากว่าจะขึ้นมาเป็นหัวเรือของพรรคได้ แต่เกิด โดยมีไข้สูงรวมถึงมีอาการอัมพาตใบหน้าและร่างกายบริเวณตั้งแต่เอวลงไป แพทย์ในเวลานั้นวินิจฉัยว่ารูสเวลต์ป่วยเป็น “โรคโปลิโอ” ซึ่งภายหลังพบว่าอาจเป็นภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบฉับพลัน ทำให้ต้องรักษาตัวอยู่พักใหญ่จนอาการดีขึ้นมากทำให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ แต่ขาของเขาไม่มีแรงจนไม่สามารถยืนได้อีกเลยได้ตลอดชีวิต
WIKIPEDIA PD
อย่างไรก็ตาม รูสเวลต์ไม่ยอมแพ้เขากลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง ในปี 1928 ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าของนครนิวยอร์ก โดยที่ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเขานั้นยืนไม่ได้นอกจากคนใกล้ชิด เพราะเขามักจะใช้เหล็กดามขาตัวเองและไม้เท้าโดยมีคนช่วยพยุงอยู่เสมอขณะออกสู่สายตาของประชาชน
ปี 1932 รูสเวลต์ เป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยนโยบายแก้ไขวิกฤตบ้านเมือง ทำให้เขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้นและได้เริ่มนโยบายของตัวเอง ด้วยการเข้ามาพัฒนาระบบประกันสังคม ก่อตั้งหน่วยจัดหางานให้กับประชาชนที่ว่างงาน รวมถึงดูแลและรับซื้อผลผลิตของเกษตรกร ฯลฯ นโนบายฟื้นฟูประเทศของเขาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงกับสหรัฐอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด
1
WIKIPEDIA PD
กล่าวกันว่าตลอดการดำรงตำแหน่งประธานาธิดีสหรัฐฯ ของรูสเวลต์ในการพบปะกับผู้นำชาติอื่นๆ ไม่มีผู้นำชาติไหนรู้เรื่องอาการเจ็บป่วยของเขาเลยแม้แต่คนเดียว หนึ่งในนักข่าวของทำเนียบกล่าวว่า มีหน่วยสืบราชการลับคอยจัดการกับช่างภาพที่พยายามจะถ่ายภาพของรูสเวลต์ขณะนั่งรถเข็น เขาเป็นที่รักไคร่และไว้วางใจของประชาชนจนได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี 4 สมัยติดต่อกันซึ่งเป็นเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์
3
จนกระทั่งในปี 1939 นาซีเยอรมันได้ประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการบุกโปแลนด์ ซึ่งทางอเมริกานั้นวางตัวเป็นกลางในสงครามนี้โดยไม่ขอเข้าไปยุ่งแต่ได้พยายามเจรจากับนาซีเยอรมันเพื่อหยุดยั้งสงคราม ก่อนแอบสนับสนุนเงินทุนกับชาติที่ถูกนาซีเยอรมันรุกรานอย่างลับๆ
WIKIPEDIA PD
ต่อมาในปี 1941 ญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ จากนั้นรูสเวลต์จึงประกาศเข้าร่วมสงครามนี้อย่างเปิดเผย และก่อตั้งกองกำลังสัมพันธมิตรขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับนาซีเยอรมัน พร้อมรบกับญี่ปุ่นในเอเชียไปด้วยพร้อมๆ กัน จนถึงปี 1945 เขาก็ได้แถลงกล่าวขอโทษที่เก็บความลับว่าเขาป่วยเป็นโรคโปลิโอและไม่สามารถยืนได้ ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ตลอด 20 ปีในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากนั้น 1 เดือน รูสเวลต์ก็เริ่มมีอาการป่วยหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยวัย 63 ปี ภายในห้องทำงานที่ทำเนียบขาว
1
หลังจากนั้นไม่นานฝ่ายสัมพันธมิตรก็ชนะสงครามโลกได้ในที่สุด ชื่อของ แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ นั้นนักประวัติศาสตร์และนักการเมืองหลายคนต่างยกให้เขานั้นติด 2 ใน 3 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นที่รักของชาวอเมริกันชนทุกคน
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
นะครับ ขอบพระคุณมากครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา