BREAKING !! : ล่าสุดวัคซีนของ Moderna Inc. มีประสิทธิภาพสูงถึง 94.5% ในการป้องกันโรค COVID-19 หลังจากข่าวออกมาทองคำร่วงลงเกือบ 30 $/Oz
Moderna Inc. กล่าวว่าวัคซีน COVID-19 มีประสิทธิภาพถึง 94.5% ในการวิเคราะห์เบื้องต้นของการทดลองทางคลินิกระยะสุดท้ายในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าการไล่ล่าอย่างรวดเร็วของนักวิทยาศาสตร์และบริษัทยากำลังประสบความสำเร็จโดยการสร้างเครื่องมือใหม่ที่มีศักยภาพในการช่วยควบคุมการระบาดที่กำลังเลวร้ายลง
การติดตามข้อมูลเป็นไปในเชิงบวกอย่างมาก และเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากการประกาศที่คล้ายกันของ Pfizer Inc. และ BioNTech SE ซึ่งได้ผลมากกว่า 90% ในการวิเคราะห์ระหว่างการทดลอง
ทั้ง 2 การทดลองนี้อาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่า messenger RNA (mRNA) ซึ่งไม่เคยใช้ในการสร้างวัคซีนที่ได้รับการรับรองมาก่อน แต่ในไม่ช้า ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกอาจรอดพ้นจากความเจ็บป่วยโดยการพัฒนาครั้งนี้
การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นจากอาสาสมัครมากกว่า 30,000 คนแสดงให้เห็นว่าวัคซีนของ Moderna สามารถป้องกัน COVID-19 ได้เกือบทุกกรณี และทำให้หุ้นของ Moderna เพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด (pre-market trading) ในสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนี Stoxx 600 ของยุโรปเพิ่มขึ้น 1.5%
มีผู้เข้าร่วมเพียง 5 คนที่ได้รับการวัคซีน 2 ครั้งเท่านั้นที่ป่วยเป็น COVID-19 เมื่อเทียบกับผู้ป่วย 90 รายในกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก (placebo) ตามการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลอิสระ (independent data safety monitoring board) ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ วัคซีนยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการร้ายแรงที่สุด โดยผลการทดลองพบว่าไม่มีผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนคนใดมีอาการป่วยอย่างรุนแรงเมื่อเทียบกับ 11 คนที่มีอาการรุนแรงในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
ข่าวดีที่เหมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์ได้มาถึงในช่วงเวลาที่การระบาดกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 11 ล้านรายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐฟลอริดารายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และผู้ป่วยรายใหม่ในแคลิฟอร์เนียก็พุ่งสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนการเสียชีวิตและการรักษาในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้คือในแถบยุโรปก็มีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และคาดว่านี่จะเป็นฤดูหนาวที่เลวร้ายลง
แม้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้น แต่ทั้ง Moderna และ Pfizer คาดว่าจะขออนุญาตใช้ในกรณีฉุกเฉินจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หากการศึกษาเพิ่มเติมแสดงให้เห็นว่าวัคซีนของพวกเขาปลอดภัย ซึ่งในคำแถลงของ Moderna กล่าวว่าพวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานกำกับดูแลได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
บริษัทคาดว่าการอนุญาตในกรณีฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายใน 151 กรณี รวมถึงข้อมูลติดตามความปลอดภัยตลอด 2 เดือนย้อนหลังที่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ต้องการเห็น ซึ่งคาดว่าจะมีข้อมูลขั้นสุดท้ายในปลายเดือนนี้
Moderna ได้รับเงิน 955 ล้านดอลลาร์จากโครงการ Operation Warp Speed ของสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาวัคซีน และสหรัฐฯ ตกลงที่จะจ่ายเงินสูงถึง 1.53 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อวัคซีนที่มีประสิทธิภาพของพวกเขา ส่วน Pfizer กล่าวว่าตนไม่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางในการพัฒนาวัคซีน แม้ว่าจะได้ทำข้อตกลงในการจัดหาตัวยาให้กับสหรัฐฯ เป็นมูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์
ความเสถียรในการฉีดวัคซีน
เมื่อฉีดวัคซีนถูกพัฒนาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนของการกระจายตัวยาคาดว่าจะเป็นความท้าทายที่สำคัญเช่นกัน โดยจะขึ้นอยู่กับการจัดการที่มีความซับซ้อน
ยกตัวอย่างเช่น : ตัวยาของ Pfizer นั้นจำเป็นต้องจัดเก็บในอุณหภูมิที่เย็นจัดเป็นเวลา 2-3 วันก่อนที่จะใช้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่เพิ่มอุปสรรคทางด้านลอจิสติกส์สำหรับใครก็ตามที่จะรับผิดชอบในการดูแลการฉีดวัคซีนนี้
Moderna กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าข้อมูลที่มีความเสถียรล่าสุดแสดงให้เห็นว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพที่การเก็บในอุณหภูมิตู้เย็นเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งนานกว่า 7 วันที่ประมาณไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนการเก็บรักษาระยะยาวนั้น สามารถเก็บไว้ในตู้แช่แข็งได้แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษอื่น ๆ (อย่างเช่นกล่องบรรจุ) ก็ตาม
ทั้งวัคซีน Moderna และ Pfizer ใช้เทคโนโลยี mRNA ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนเซลล์ของร่างกายให้เป็นโรงงานผลิตวัคซีน (Antibody) โดยเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ตัวยาจะสั่งให้เซลล์สร้างสำเนาของโปรตีนที่เป็นหนามออกมาจากตัว Coronavirus และจะกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันตามกลไกของร่างกาย
การวิเคราะห์ข้อมูลของ Moderna ไม่พบข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่สำคัญ แม้บริษัทจะกล่าวว่าผู้เข้าร่วมบางคนมีอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรง รวมถึงปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และปวดศีรษะหลังจากได้รับวัคซีน แต่ผลข้างเคียงโดยทั่วไปจะมีระยะสั้น
Stephane Bancel ประธานฝ่ายบริหารของ Moderna กล่าวว่า
“The result is a big milestone for messenger RNA technology, It shows that mRNA can be a drug.” (ผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเทคโนโลยี Messenger RNA และมันแสดงให้เห็นว่า mRNA สามารถใช้เป็นยาได้)
หลังจากข่าวนี้ออกมา ราคาของทองคำร่วงลงจากระดับประมาณ 1890 $/Oz สู่ระดับ 1865 $/Oz และปัจจุบันฟื้นตัวกลับมาที่ประมาณ 1878 $/Oz
ความเคลื่อนไหวอื่น ๆ หลังจากข่าวออกมา
หุ้น
ฟิวเจอร์สของดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1%
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.4%
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 1.4%
ดัชนี MSCI Emerging Market Index เพิ่มขึ้น 1.3%
สกุลเงิน
ดัชนี Bloomberg Dollar Spot ลดลง 0.2%
เงินยูโรเพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 1.1844 ดอลลาร์
เงินปอนด์ของอังกฤษลดลง 0.1% เป็น 1.318 ดอลลาร์
เงินหยวนบนบกแข็งค่า 0.3% แตะ 6.587 ต่อดอลลาร์
เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่า 0.3% มาที่ 104.91 ต่อดอลลาร์
พันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีเพิ่มขึ้น 3 BP เป็น 0.92%
ผลตอบแทน 2 ปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1 BP มาอยู่ที่ 0.18%
ผลตอบแทน 10 ปีของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 3 BP เป็น -0.52%
ผลตอบแทน 10 ปีของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 4 BP เป็น 0.376%
ผลตอบแทน 10 ปีของญี่ปุ่นลดลงน้อยกว่า 1 BP มาอยู่ที่ 0.021%
สินค้าโภคภัณฑ์
น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 4% สู่ระดับ 41.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 3.7% สู่ระดับ 44.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
- 273
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
