17 พ.ย. 2020 เวลา 14:05 • ยานยนต์
# น้ำมันเชื้อเพลิง มาตรฐาน Euro5 มีข้อดีอย่างไร?
เคยได้ยินคำว่า มาตรฐาน Euro กันมาบ้างไหมครับ? มาตรฐานนี้ใช้กำหนดมาตรฐานมลภาวะที่เกิดจากควันไอเสียของรถยนต์ ซึ่งสหภาพยุโรปหรือ EU ได้กำหนดมาตรฐานนี้เป็น Euro 1,2,3… และประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรฐานเป็น US EPA Tier 1,2,3… ประเทศไทยเราจะอ้างอิงมาตรฐานของสหภาพยุโรปครับ ฉะนั้นการกำหนดมาตรฐานมลภาวะที่เกิดจากไอเสียจึงกำหนดมาตรฐานเป็น มาตรฐาน Euro 1, 2, 3, 4, 5
อุปกรณ์บำบัดไอเสียเครื่องยนต์เบนซิน
ในเครื่องยนต์เบนซินนั้นจะมีการเผาไหม้ที่สะอาดกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ดังนั้นมาตรฐานไอเสียของเครื่องยนต์เบนซิน จึงมีสารมลพิษที่ต้องควบคุมคือ ไนโตรเจนออกไซด์(Nitrogen Oxides) ไฮโดรคาร์บอน(Hydrocarbons) และคาร์บอนมอนอกไซด์(Carbon Monoxide) ไม่มีการกำหนดระดับการปลดปล่อยม่านควันดำ(Particulate Matter)
อุปกรณ์บำบัดไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลจะเผาไหม้แล้วเกิดเขม่าควันดำออกมาเยอะมากกว่า มาตรฐานไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลจึงมีสารมลพิษที่ต้องควบคุมคือไนโตรเจนออกไซด์( Nitrogen Oxides) ไฮโดรคาร์บอน(Hydrocarbons) และฝุ่นควันดำ(Particulate Matter) ตัวการที่ทำให้เกิด PM 2.5 นั่นเอง
ปริมาณกำมะถันในเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน Euro
ค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิง(Sulfur content) มีผลโดยต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบบำบัดไอเสียของเครื่องยนต์ ซึ่งกำมะถันจะทำให้ประสิทธิภาพการทำปฏิกิริยาทางเคมีลดลง สารพิษออกมาจะมากขึ้นหรือเกิดการอุดตันเสียหายภายในช่องทางเดินที่เป็นช่องคล้ายรังผึ้ง อุปกรณ์ที่มีโอกาศอุดตันเช่น Three Way Catalytic Converter ในเครื่องยนต์เบนซิน แต่สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้นจะมีอุปกรณ์ที่ใช้บำบัดไอเสีย(After Treatment Device)หลายระบบครับ
1. Diesel Particulate Filters(DPFs) ระบบนี้จะพบในรถ Mazda Diesel, BMW, Audi, Mercedes Benz ฯลฯ
2. Diesel Oxidation Catalyts(DOCs) ระบบนี้จะพบในรถกระบะ Toyota/Isuzu/Nissan/Mitsubishi ฯลฯ
3. Selective Catalytic Reduction with Urea Injection(SCR) ระบบนี้จะพบในรถ Ford Everest และ Mercedes Benz
ปริมาณกำมะถันที่เครื่องยนต์ต้องการ
เพื่อรักษาคุณภาพของอุปกรณ์บำบัดไอเสียของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพคงทนที่สุด คือไม่ปล่อยแก๊สพิษ ไม่อุดตัดที่กรองและ Catalytic จึงมีข้อกำหนดไว้ว่าเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐาน Euro 4 จำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่ากำมะถันต่ำ ๆ จากในภาพประกอบนั้นพบว่า กำมะถันต้องต่ำกว่า 50 ppm.(Sulfur <50 ppm.)
ประเทศไทย เราเริ่มบังคับใช้น้ำมันเชื้อเพลิง Euro 4 เมื่อ 1 มการคม 2012 เนื่องจากคุณภาพอากาศในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ ช่วงนั้นแย่มาก ๆ จำเป็นต้องบังคับให้บริษัทผู้ผลิตรถต้องจำหน่ายรถที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 ในส่วนของผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงจึงจำเป็นต้องปรับกระบวนการกลั่นเพื่อให้ได้มาตรฐาน Euro 4 ด้วย
มาตรฐาน Euro ในรถยนต์, รถบรรทุกและมอเตอร์ไซค์
หลายท่านอาจไม่ทราบว่าเครื่องยนต์รถเก๋งกับรถกระบะในบ้านเรานั้นผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 4 คือปล่อยควันดำออกมาน้อย ผู้ใช้รถต้องเลือกเติมน้ำมันปั๊มที่จำหน่ายน้ำมันมาตรฐาน Euro 4 ด้วยนะครับ ส่วนรถบรรทุกขนาด 6 และ 10 ล้อ นั้น ยังไม่บังคับให้ต้องใช้เครื่องยนต์ที่เผาไหม้สะอาดเท่ารถเก๋งและรถกระบะ ตอนนี้รถบรรทุกจึงมีเครื่องยนต์ผ่านระดับ Euro 3 เท่านั้นเองครับ เคยสังเกตุกันไหมครับว่ารถบรรทุกใหม่ป้ายแดงทำไมเวลาเร่งเครื่องแซงหรือขึ้นเนิน ควันไอเสียจะดำมากกว่ารถกระบะใหม่ป้ายแดง นั้นเป็นเพราะมาตรฐานเครื่องยนต์ต่างกันนั้นเอง
1
ที่น่าตกใจก็คือปั๊มบางยี่ห้อมีน้ำมันดีเซลที่มีมาตรฐานระดับ Euro 3 เท่านั้นไม่มีน้ำมันมาตรฐาน Euro 4 ขาย ส่วนมากจะเป็นน้ำมันกลุ่มดีเซลครับที่เจอบ่อย ๆ เพราะกลุ่มเป้าหมายของบริษัทน้ำมันนั้นเขาทำน้ำมัน Euro 3 ไว้ขายรถบรรทุกครับ ผู้ที่ใช้รถกระบะ, PPV, SUV และรถเก๋งดีเซลราคาแพง ๆ เครื่องยนต์จะเผาไหม้สะอาด ควันดำน้อย มาตรฐานไอเสียระดับ Euro 4 ผู้ใช้รถอาจไม่รู้ว่าปั๊มไหนบ้างที่ขายน้ำมันเกรด Euro 3 เมื่อมีการเติมใช้มาโดยตลอด เครื่องยนต์ก็จะเจอปัญหากันมาก เช่น หัวฉีดตันบ่อย, เกิดเหมือกเหนียว(Sludge)อุดตันที่วาล์ว EGR, เครื่องเกินเบาไม่นิ่ง, เร่งไม่ออก, สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูง …..
การฟื้นฟูสภาพของกรอง DPF(Regeneration)
ผมเองทราบมาว่าปั๊มไหน น้ำมันตัวใดมีค่ามาตรฐาน Euro 4 ก็เลือกใช้มาโดยตลอด ช่วงนั้นผมทำงานที่บริษัทฯ จึงไม่สามารถเลือกเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม (Euro 5)ได้เพราะบริษัทฯกำหนดไว้ จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปโรงงานน้ำตาลแถวอีสาน ขากลับหาปั๊มประจำเติมไม่ได้ จำเป็นต้องเติมปั๊มที่ขายน้ำมันเกรด Euro 3 สิ่งที่ผมเจอหลังจากเติมคือเครื่องยนต์เร่งไม่พุ่งเหมือนเดิม กรองควันดำ DPF ตันเร็วสังเกตุจากมีการเผา(Regenerate)บ่อยขึ้น, น้ำมันถังนั้นวิ่งได้ระยะทางน้อยลงด้วยครับ
เมื่อผมเกษียณออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมจึงได้เปลี่ยนไปใช้น้ำมันเกรดพรีเมี่ยม(Euro 5)ตลอดครับและได้ข้อสรุปว่า
1. เติมน้ำมันเต็มถัง วิ่งได้ระยะทางมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
2. อัตราเร่งค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับตอนเติม Euro 3
3. การเผาเขม่าที่อุดตันที่กรอง DPF ไม่บ่อย สังเกตจากระยะห่างครั้งต่อครั้งของการเผาจะนานมากขึ้น
ผมอยากสรุปว่าการที่ผมเลือกใช้น้ำมันมาตรฐาน Euro 5 นอกจากจะประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่ได้มากขึ้นแล้ว ผมยังรักษาสมรรถนะเครื่องยนต์ให้มีม้าเต็มคอกอยู่ตลอด เครื่องยนต์สะอาดเป็นการประหยัดค่าแรงและค่าอะไหล่ในการซ่อมด้วย คุ้มกว่าการที่ผมไปเติมน้ำมันราคาปกติแต่ มีค่าใช้ที่ต้องเติมบ่อยครั้งขึ้น จ่ายค่าเช็คหัวฉีด ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่อุดตัน ที่สำคัญขับรถไม่สนุกเหมือนเดิมครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจนะครับ ฝากกด Like กด Share ให้ด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรหาข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอต่อไปครับ
โฆษณา