17 พ.ย. 2020 เวลา 00:30 • ประวัติศาสตร์
วัยรุ่นยุคแปดศูนย์ศูนย์
วัยรุ่นสมัยนี้เขาไปทำอะไรกันที่ไหนยังไงบ้าง สยามสแควร์ พารากอน ดิสโคเวอร์รี่ เซ็นทรัลเวิลด์ ฟังเพลงเกาหลี แต่งตัวแบบเกาหลี กินอาหารเกาหลี คอสต์เพล์ อาร์ซีเอ ฟั้งกี้ มิวส์ รัชดา ถนนข้าวสาร ฯลฯ ถูกบ้างผิดบ้างขออภัย
ผมเป็นวัยรุ่นในยุคแปดศูนย์ของแท้ เพราะปีแปดศูนย์ถึงแปดเก้า ผมอายุ 14-23 ตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่มจนเริ่มเป็นผู้ใหญ่ วัยรุ่นสมัยนั้นเขาเป็นยังไง ทำอะไรกันที่ไหน นึกๆแล้วก็ลืมไปหลายอย่าง เลยอยากจะบันทึกไว้เสียหน่อย ก่อนจะลืมไปหมดจนจำอะไรไม่ได้เลย
ผมขึ้นรถเมล์ไปไหนมาไหนเองคนเดียวตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ครั้งแรกในชีวิตคือจากปากซอยบ้านแถวบางปะกอก ไปดาวคะนอง ไม่ได้ไปธุระอะไรหรอก แต่อยากไปเพื่อให้พ่อแม่เห็นว่าผมดูแลตัวเองได้ เรียกง่ายๆว่าอยากโชว์น่ะแหละ เพราะสังเกตุมาหลายทีแล้วว่าเขาขึ้นลงรถเมล์กันยังไง มีป้ายรถเมล์อยู่ที่ไหนบ้างจนมั่นใจว่าทำได้
สมัยนั้นค่ารถเมล์สามสลึง แต่ผมไม่เคยจ่าย อายุแค่นั้นกระเป๋าไม่เก็บตังค์หรอกครับ
ที่ดาวคะนองตอนนั้นมีโรงหนังดาวคะนองรามา เป็นโรงหนังชั้นสอง ฉายสองเรื่องควบดูวนได้ทั้งวันจนกว่าโรงจะปิด ผมมีเงินในประเป๋า 12 บาท ไปถึงดาวคะนองไม่รู้ทำอะไรเลยซื้อตั๋วหนังราคาสิบบาทเข้าไปนั่งดูคนเดียว ดูตั้งแต่กลางเรื่องแรกจนจบ แล้วดูต่อเรื่องที่สอง ได้ซักพักก็เริ่มกลัว เลยลุกออกมากลางเรื่อง นั่งรถเมล์กลับบ้าน
ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไปไหนมาไหนเองโดยพ่อกับแม่ไม่ค่อยเป็นห่วง มีตังค์ห้าบาทก็นั่งรถเมล์ไปดาวคะนองเล่นตู้เกมหยอดเหรียญเกมละบาท สองสามเกมแล้วก็กลับบ้านเป็นประจำ
พอขึ้นมัธยมผมไปเรียนในเมือง ที่สุขุมวิท 23 ซอยประสานมิตร คราวนี้ไม่ไปแล้วครับโรงหนังบ้านนอกอย่างดาวคะนองรามา มันต้องสยาม ลิโด สกาล่า ถึงจะเท่ห์
ชีวิตวัยรุ่นยุคแปดศูนย์ของผมเริ่มต้นตรงนั้นเอง เป็นยังไงจะค่อยๆคิดค่อยเล่าให้ฟัง
ยุคแปดศูนย์ ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ที่อเมริกา ยุโรปคงกำลังทดลองกันอยู่ แต่เมืองไทยต้องอีกนาน โทรศัพท์บ้านบางบ้านยังไม่มีเลยครับ ขอโทรศัพท์ทีหนึ่งรอสามปี ห้าปี ต้องซื้อพันธบัตรโทรศัพท์เป็นหมื่นบาท ซึ่งเป็นเงินมหาศาล
จะนัดหมายไปเที่ยวไหนกันต้องคุยกันให้ดี ให้ชัดเจน ไม่งั้นพลาดตามตัวกันไม่เจอ ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้
แหล่งรวมตัวของวัยรุ่นเวลานั้นก็ยังเป็นสยามสแควร์เหมือนเดี๋ยวนี้ แต่สภาพแวดล้อมต่างไปมาก มาบุญครองยังไม่มี จำได้ว่าเห็นล้อมรัวสังกะสีอยู่ คงจะกำลังสร้าง ในบริเวณสยามสแควร์ เป็นตึกแถวสามชั้น ไม่มีตึกสูง โรงหนังสามโรงเรียงลำดับ สยาม ลิโด สกาล่า จะดูหนังใหม่ต้องมาที่นี่ หรือไม่ก็โรงอื่นในละแวกเดียวกันอย่าง แมคแคนน่า เพรสสิเดนท์ และฮอลลีวู๊ด ที่อยู่แถวราชเทวี
ฝั่งตรงข้ามกับสยามสแควร์เป็นสยามเซ็นเตอร์ อาคารหลังเก่าสีเขียว หน้าอาคารมีบันไดสิบกว่าขั้น ยาวเหยียด ตอนเย็นวัยรุ่นนั่งๆยืนๆกันเต็มเพราะเป็นป้ายรถเมล์พอดี
ด้านข้างของสยามเซ็นเตอร์ฝั่งถนนพญาไท เป็นลานจอดรถในตำนาน เพราะเป็นต้นกำเนิดของเทศกาลเบียร์การ์เดนเจ้าแรกของเมืองไทย จัดโดยเบียร์คลอสเตอร์ ในเดือน พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ของทุกปี
รถไฟฟ้าตอนนั้นยังไม่มีหรอกครับ อีกนานกว่าจะมา
วัยรุ่นที่เรียบร้อยหน่อย มักจะนั่งเล่นกันในร้านขนม ร้านที่ฮิตที่สุดคือ มิสเตอร์โดนัท ซึ่งเป็นเจ้าแรก ก่อนที่ดังกิ้นโดนัทจะตามมาติดๆ วัยรุ่นที่โตหน่อยหรือยังไม่ค่อยโตแต่แก่แดดอยากทำเป็นโตจะเข้าไปนั่งในคอฟฟี่ช้อบ ซึ่งมีอยู่ใต้โรงหนังทั้ง 3 โรง สยามคาเฟทีเรีย ลิโดคอฟฟี่ช้อป สกาล่าคอฟฟี่ช้อป และมีร้านอื่นๆอีกบ้างในมุมอื่นๆรวมทั้งในสยามเซ็นเตอร์ก็มี ดรายฟลายคอฟฟี่ช้อบ ที่คนนิยมไปกัน
1
พวกที่นั่งในคอฟฟี่ช้อป บางคนก็สั่งเบียร์มากิน ขวดหนึ่งนั่งเป็นชั่วโมง บางคนก็สั่งแต่กาแฟ แก้วเดียวอยู่ยาวเหมือนกัน คนที่มีตังค์ก็จะสั่งอาหารมากินบ้าง ซึ่งแพงเอาเรื่อง
คอฟฟี่ช้อปพวกนี้ จะมีดนตรีโฟล์คซองเล่นสดให้ฟังกันเกือบทุกที่ ตั้งแต่เที่ยง ยาวไปถึงดึก กีตาร์ตัวเดียวบ้างสองตัวบ้าง มีนักร้องบ้างเล่นเองร้องเองบ้าง แล้วแต่ เพลงส่วนใหญ่ที่เล่นเป็นเพลงฝรั่ง เพราะสมัยนั้นเพลงไทยมีให้เล่นไม่มาก
อีกแหล่งหนึ่งที่วัยรุ่นไปกันเยอะ แต่ไม่เท่าสยามสแควร์ คือโรงหนังอินทรา แถวประตูน้ำ ซึ่งมีห้างพาต้า และราชดำริอาเขต ที่มีห้างไทยไดมารู ตั้งอยู่ ถัดไปหน่อยก็มีเซ็นทรัลชิดลม ให้เดินเล่น
สยามสแควร์ในช่วงต้นๆยุคแปดศูนย์ มีร้านอาหารอร่อยในตำนานหลายร้าน สุกี้เอ็มเค ที่มีสาขาทั่วประเทศ ก็เริ่มต้นจากร้านอาหารเอ็มเค เล็กๆแค่สองห้องที่นี่ ผมไปนั่งกินบ่อยๆตั้งแต่มัธยมต้นจนเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่ ร้านนี้ถึงได้เลิก เพราะรวยมหาศาลแล้ว
ร้านเอ็มเคนี่ไปดื่มมากกว่ากินข้าว เพราะบรรยากาศให้ เป็นร้านประจำของพวกสถาปัตย์ ไปทีใรก็ต้องเจอ
ก๋วยเดี๋ยวเนื้อ ต้องรสดีเด็ด อยู่ด้านใน ทุกวันนี้ยังอยู่เลย อยู่ข้างร้านจุฑารส ที่วันนี้ก็ยังอยู่่เช่นกัน มีร้านรสเด็ด ที่ชื่อคล้ายๆกันอีก อยู่ข้างลิโด สองเจ้านี้เป็นน้ำข้น ถ้าน้ำใสต้องมูฮัมหมัด ข้างโรงหนังสยาม
ใกล้สกาล่ามีกิเลนภัตตาคาร ขายอาหารจีน วัยรุ่นไม่เข้าหรอก แต่ผมชอบเดินผ่าน เพราะเขามีพนักงานต้อนรับสาวๆ ใส่กี่เพ้าผ่าข้างสูงถึงต้นขามายืนหน้าร้าน ตอนอายุ 14-15 เห็นแค่นั้นก็หัวใจจะวายแล้ว
จะซื้อหนังสือก็ต้องไปสยามสแควร์ ร้านประจำของผมคือ ดวงกมล หรือ ดีเคบุ๊คสโตร์ คนที่เล่นหุ่นจำลองเครื่องบิน หรือหุ่นยนต์ต้องไปร้านแสงลักษณ์ มีหุ่น เครื่องบิน รถถัง รถยนต์ และอุปกรณ์ครบทุกอย่าง
เซ็นเตอร์พอยท์เป็นของใหม่นะครับ สมัยนั้นยังไม่มี มาสร้างเอาเมื่อผมทำงานแล้ว
โรงหนังสามโรงที่สยามสแควร์จะฉายหนังคนละเรื่องกัน ตอนนั้นส่วนมากเป็นหนังฝรั่ง รอบฉายหนังสมัยนั้นจะแบ่งเป็น เที่ยง บ่ายสอง บ่ายสี่ หกโมง สองทุ่ม วันหยุดเพิ่มรอบเช้าสิบโมง เหมือนกันทุกโรง ไปไม่ทันก็อดดู ต้องรอรอบต่อไป ไม่เหมือนทุกวันนี้ เป็นคอมเพล็กซ์ มีเป็นสิบโรงในที่เดียว
ถ้าเดินไปเดินมาในสยามสแควร์จนเบื่อ ก็ข้ามไปฝั่งสยามเซ็นเตอร์ เดินในห้องแอร์ ไม่ร้อน ดิสโคเวอร์รี่ยังไม่มี ตรงนั้นเป็นลานจอดรถ
เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่วัยรุ่นใส่กันอยู่ในสยามเซ็นเตอร์ทั้งนั้น ผมจำไม่ได้ว่ามียี่ห้ออะไรบ้างเพราะผมไม่ได้ใส่กะเขา นอกจาก ยัสปาล ร้านเสื้อผ้าราคาแพงที่ผมไม่มีปัญญาซื้อ
ร้านดรายฟลายคอฟฟี่ช้อปอยู่ชั้นสี่ ผมเคยไปนั่งฟังเพลงอยู่สองสามครั้ง ทั้งที่อายุแค่ 15 แก่แดดจริงๆ นอกจากนี้ก็นึกไม่ออกแล้วว่ามีร้านอะไรอีก
ห้างสรรพสินค้า ช้อปปิ้งอาเขต ที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่มีห้องน้ำให้เข้าฟรีทั้งนั้น ยกเว้นสยามเซ็นเตอร์ ที่นี่เก็บเงินคนละบาท ถ้าไม่ปวดจริงๆผมไม่เข้า เสียดายตังค์
นึกอะไรออกก็เขียนไปเรื่อย ยังมีต่อได้อีกหน่อยครับ
ตอนเรียนมัธยมต้น เวลาไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันแล้วเจอฝรั่งผู้หญิง เพื่อนผมชื่อไอ้กิ๊ ชอบชวนให้ดู เพราะฝรั่งชอบโนบรา เคยมีครั้งหนึ่งพวกผมเดินตามหลังอยู่ ไอ้กิ๊ถึงกับชวนให้วิ่งแซงไป เพื่อดูอย่างตั้งใจเลยทีเดียว เป็นความทะลึ่งตามประสาเด็กนะครับ อย่าคิดมาก
นอกจากสยามแล้ว ราชดำริอาเขตก็มีร้านเล็กๆให้เดินเล่นดูของมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า กิฟต์ช้อฟ และร้านเทป
ร้านแมงป่องเริ่มแรกอยู่ที่นี่เอง เป็นร้านขายเทปห้องเดียว ทำเทปยี่ห้อ ฮาราจูกุ เอาเพลงฝรั่งฮิตๆทั้งหลายมาอัดขายเอง ส่วนใหญ่ชอบทำเป็นรวมฮิต ไม่ทำเป็นอัลบั้ม จากร้านเล็กๆตอนนั้น กลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศทุกวันนี้
วัยรุ่นสมัยนั้นฟังเพลงจากเทปคาสเส็ท เพลงฝรั่งจะมี 2 ยี่ห้อที่ขายมากที่สุดคือ 4 แทร็ค และ พีค๊อค มีทุกแนว ทุกวง ทุกอัลบั้ม ก้อบปี้ขายกันตามสบาย ไม่มีใครสนใจเรื่องลิขสิทธิ์อะไรทั้งนั้น บ้านผมมีเทป 2 ยี่ห้อนี้เป็นร้อยตลับ
หลังราชดำริอาเขตเป็นห้างไทยไดมารู ห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่น ห้างนี้มีชื่อเสียง 2 อย่าง อย่างแรก เป็นอาคารที่มีบันไดเลื่อนแห่งแรกในประเทศไทย แต่ตอนผมไปมันมีทั่วไปเป็นเรื่องปกติแล้ว
อีกอย่างหนึ่งคือ ร้านขายเกี๊ยวซ่าเจ้าแรกในประเทศไทย และเป็นเจ้าเดียวอยู่นานหลายปี กว่าจะมีใครทำตาม ใครอยากกินต้องมาที่นี่ที่เดียวเท่านั้น คิวยาวอย่างกับคริสปี้ครีมเมื่อสองปีก่อนตอนเปิดใหม่ๆ ผมยังได้เคยไปต่อคิวกับเขาด้วย (ต่อคิวเกี๊ยวซ่านะครับ ไม่ใช่คริสปี้ครีม)
บางทีผมก็ไปห้างพาต้าที่อินทรา ซึ่งมีโรงหนังอยู่ด้วย รอบๆห้างมีร้านขายของวัยรุ่นอยู่เยอะ มีร้านหนึ่งชื่อซันเดย์แก๊บ ที่จำได้เพราะเป็นร้านของดีเจรายการวิทยุชื่อรายการเดียวกับชื่อร้าน แกพูดโปรโมททุกวัน มีของที่ระลึกเกี่ยวกับนักร้องฝรั่งๆดังๆเยอะมาก ผมชอบแวะเข้าไปดูเล่น ไม่ได้ซื้อหรอก ไม่มีตังค์
ดีเจคนนี้ดังมากในหมู่วัยรุ่นสมัยนั้น ชื่อ พิศาล ประหัษฎางกูร ช่วงเดียวกับยุค ไนท์สปอต ที่มีวิโรจน์ ควันธรรม วาสนา วีรชาติพลี เป็นดีเจ
หนังที่ดังที่สุดในต้นยุคแปดศูนย์คือเรื่อง ลาบูม นางเอกคือ โซฟี่ มาโซ ดาราสาวชาวฝรั่งเศส ตอนนั้นอายุ 15-16 เอง น่ารักสดใสคนคลั่งไคล้ไปทั่วโลก เพลง Reality ฮิตสุดขีด โซฟี่ มาโชว์ตัวที่เมืองไทยด้วยตอนหนังภาค 2 ออกฉาย รู้สึกว่าจะมาที่ลิโด นี่แหละ
ผมหัดสูบบุหรี่เมื่อตอนอายุ 14 เอง ลองกับเพื่อนที่เรียนมอสองด้วยกัน ไปแอบสูบกันในห้องน้ำที่อยู่หลังตึก มันปลอดผู้คนดี เหล้าก็หัดกินเอาหลังจากนั้นมาหน่อย ตอน 15 เรียนมอสาม จำได้ว่าเคยรวบรวมเงินกับเพื่อนสามสี่คน ได้มายี่สิบบาท ซื้อหงษ์ทอง กั๊กละ 13 บาท ถั่วสองถุง บุหรี่สี่ตัว หามุมลับตาคนใน มศว ตั้งวงกันตอนโรงเรียนเลิก
พอช่วงกลางของยุคแปดศูนย์ ผมโตขึ้นหน่อย เรียนมัธยมปลาย ก็มาถึงยุคทองของ เดอะพาเลซ
การเต้นเบรคแดนซ์เริ่มแพร่ระบาดเข้ามาเมืองไทย วัยรุ่นหัดเต้นกันทุกคน ผมยังบ้าไปกับเขาด้วย ท่าลูกคลื่น ท่าลูกข่าง ท่าหุ่นยนต์ ท่าไร้กระดูก และที่เท่ห์ที่สุดคือท่ามูนวอล์ค ของไมเคิล แจ็คสัน ที่กำลังดังจากเพลง Beat It ตามติดด้วย Thriller
หนังวัยรุ่นเกี่ยวกับการเต้นรำอย่าง Footloose และ Flash Dance ออกมาสร้างกระแสเบรคแดนซ์ให้แรงขึ้นอีก ดิสโก้เธค เปิดกันทั่วกรุงเทพ ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของวัยรุ่นนักเที่ยวคือ เดอะพาเลซ ถนนวิภาวดีที่เจ้าของคือ นสพ ไทยรัฐ
หน้าเดอะพาเลซมีร้านข้าวต้มชื่อ ปาป้าคาเฟ่ เอาไว้กินหลังเธคเลิก ถนนวิภาวดีตอนตีสอง เป็นสนามรถแข่งให้วัยรุ่นที่รักความเร็วมาประชันฝีตีนกัน เสียงรถแข่งดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคืน คนยืนดูจอดรถดูกันเต็มสองข้างถนน
เธคอื่นๆที่เปิดในยุคนั้นก็มี แฟลชแดนซ์ ถนนนวิทยุ อาร์พีเอ็ม สุขุมวิท 24 ฟลามิงโก สุขุมวิท 11 เดอะไนล์ ใต้โรงแรมรามาพระรามสี่ ฝั่งธนก็ยังอุตส่าห์มีกะเขาด้วยคือ ปาลาติโน จรัลสนิทวงศ์ กับพาราไดซ์มิวสิคฮอล ตรงปิ่นเกล้า ช่วงหลังมีที่เปิดมาใหญ่โตมโหฬารตรงคลองตันคือ นาซ่าสเปซี่โดม
วัยรุ่นอายุ 16-17 เจอเพื่อนฝูงก็ชวนกันเที่ยว ใช้เงินพ่อแม่ไปวันๆ แต่ผมก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยนัก ยังระมัดระวังอยู่บ้าง มีตังค์ก็ไป ไม่มีก็ไม่ไป เที่ยว
นอกจากไมเคิล แจ็คสัน แล้วก็ยังมี คัลเจอร์คลับ บอย จอร์จ ดูแรนดูแรน ไมเคิล เลิร์นทูร๊อค แวม จอร์จ ไมเคิล ซินดี้ ล้อปเปอร์ มาดอนนา ใครอีกล่ะ ช่วยนึกหน่อย ไอดอลของวัยรุ่นยุคแปดศูนย์ทั้งหลาย
หนังเรื่อง Street of Fire ทำเอาเพลง Tonight is what it means to be young ดังสนั่น I just call to say I love you ของ สตีวี่ วันเดอร์ ก็ฮิตทั้งเมือง ฟังกันจนเบื่อ ไปไหนก็ได้ยิน เพลง Tarzan Boy เปิดในเธคทีไร นักเต้นโห่เป็นทาร์ซานกันลั่นเธค Owner of the loney heart , Girl just wanna have fun, Hands up, Wild boy วัยรุ่นได้ยินเป็นดิ้นกันพราดๆ
พอผมโตขึ้นหน่อย เข้ามหาวิทยาลัย เป็นยุคหลังของปีแปดศูนย์ กระแสของเธคก็ซาลง เธคบางแห่งเริ่มปิดตัว พวกที่เคยเต้นเบรคแดนซ์เริ่มรู้สึกเขินๆ ไม่กล้าเต้นให้ใครเห็น แหล่งท่องเที่ยวกลางคืนเป็นร้านเหล้าแถวหลังสวน
ถนนสารสินตั้งแต่มุมถนนราชประสงค์ไปถึงแยกหลังสวน มีร้านเหล้าเรียงรายไปตลอด ร้านประจำของผมคือ Shakin' และ Busy Booz ร้านพวกนี้ไม่มีวงดนตรีเล่น ใช้เปิดเพลงดังๆแข่งกัน หน้าร้านคนแน่นขนัดนั่งเรียงราย ไปทีไรก็ต้องเจอคนรู้จัก ถัดไปหน่อยใกล้ถนนหลังสวนมีร้าน Old West ที่มีดนตรีแนวคันทรี่่เล่นให้ฟัง ร้านนี้วัยรุ่นไม่ค่อยเข้า มีแต่วัยทำงานเป็นส่วนใหญ่
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหลังสวนก็มีร้านเหล้าอยู่บ้างประปราย มีร้านที่ผมไปบ่อยร้านหนึ่งชื่อ Ad Makers มีดนตรีเล่นด้วย ที่ไปบ่อยเพราะชอบเด็กเสริฟคนหนึ่งน่ารักมาก ตากลมใสแจ๋วแหน่ว ยิ้มทีหัวใจผมแทบหยุดเต้น เหล้าแก้วที่เธอชงให้อร่อยกว่าคนอื่นชงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมได้แต่ไปเห็นหน้าไม่เคยคุยด้วยซักคำ ชื่อยังไม่รู้จักเลย เฮ้อ......
อีกแหล่งหนึ่งที่วัยรุ่นไปดื่มกันคือสีลมพลาซ่า เป็นตึกริมถนนสีลม มีร้านเหล้าในตึกเรียงรายหลายร้าน คนแน่นทุกคืนเหมือนกัน แต่ผมเคยไปแค่ครั้งสองครั้ง
พอเรียนจบมหาวิทยาลัย ถึงได้มีอาร์ซีเอ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้วัยรุ่นไปกัน ผมก็ยังไปกับเขาบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าไร ชีวิตทำงานต่างจากเรียนหนังสือเยอะ การกินเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นแบบผู้ใหญ่ ซึ่งต้องเขียนเป็นเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่ง แต่ยังลังเลอยู่ว่าจะเขียนดีไหม เพราะด้านมืดมันเยอะเหลือเกิน
ผมผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตมาได้ปลอดภัยดี แม้จะได้ทำอะไรที่ไม่น่าทำตั้งหลายอย่าง บางอย่างก็ติดตัวมาจนโต อย่างการสูบบุหรี่ ที่เริ่มตั้งแต่อายุ 14 กว่าจะเลิกขาดได้ก็อายุเกือบ 40 ส่วนเหล้า ยังไม่มีโครงการจะเลิก
โชคดีของผมอย่างหนึ่งคือไม่เคยมีใครเอายาเสพติดมาให้ลอง ถ้ามีก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะห้ามใจตัวเองได้หรือเปล่า เพราะตอนนั้นมันคะนองเหลือเกิน เรื่องตีรันฟันแทงผมก็ไม่ยุ่ง เพราะคงสู้ใครเขาไม่ได้เลยหลบอย่างเดียว เวลาส่วนใหญ่นอกจากเรียนก็เล่นรักบี้ เล่นดนตรี ไปตามเรื่อง วันนี้รู้สึกดีใจที่ไม่พลาดพลั้งเสียอนาคตไปอย่างวัยรุ่นบางคน
หมดละครับ เรื่องวัยรุ่นยุคแปดศูนย์ เขียนเท่าที่นึกออก ขอไปคิดก่อนว่าจะเขียนเรื่องอะไรต่อดี
โฆษณา