ราชวงศ์โจนอกจากจะเป็นโจ ไบเดนที่น่าสงสัยแล้วนั้น อาจเป็นโจวซิงฉืออีกคนก็เป็นได้ครับ
โจวซิงฉือ หมาหัวเน่าวงการบันเทิงฮ่องกง?
ภรรยาผู้อำนวยการสร้างคนดังออกมาให้สัมภาษณ์จวก “โจวซิงฉือ” ยกใหญ่
หลังมีบทความเผยแพร่ในเน็ตที่ยกย่องดาวตลกคนดัง แต่กลับไปพาดพิงสามีของเธอ จนข้อกล่าวหาที่ว่า “โจวซิงฉือ”
เป็นคนดังที่มีเบื้องหลังกับเบื้องหน้าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
เมื่อเดือนกันยายน ปีพ.ศ.2557 ได้มีบทความที่ชื่อว่า “ทำไมใครๆ ก็เกลียด โจวซิงฉือ?”
เผยแพร่ออกมาในเว็บไซต์ Art Western District ก่อนจะถูกส่งต่อไปในวงกว้าง
โดยบทความที่มีความยาวประมาณ 50,000 ตัวอักษรได้เล่าประวัติส่วนตัวของดาวตลกคนดังทั้งวัยเด็ก, การทำงาน และเรื่องรัก
แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ดูจะมีจุดประสงค์เป็นการแก้ตัวให้กับ โจวซิงฉือ โดยเฉพาะประเด็นที่มีข่าวลือว่าเขาเป็นคนประเภท “หมาหัวเน่า”
และ “ไม่มีใครคบ” เพราะมีนิสัยส่วนตัวที่ไม่น่าคบหา ซึ่งบทความอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นครับ
แต่ปัญหาของบทความกลับอยู่ตรงที่ประเด็นที่อธิบายว่า โจวซิงฉือ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศแคนาดา เพราะเคยทำงานอยู่กับผู้อำนวยการสร้างคนดัง “เซี่ยงหัวเฉียง”
ลูกชายของผู้ก่อตั้งแก๊งซันยี่อัน องค์กรนอกกฎหมายอันดับ 1 ของเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบันเทิง Win's Entertainment และ China Star Entertainment Group นั่นเอง
ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้ได้ทำให้ เฉินหลัน ภรรยาของ เซี่ยงหัวเฉียง ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ซึ่งเธอเชื่อว่าทีมงานของ โจวซิงฉือ
เป็นคนอยู่เบื้องหลังบทความ และยังประกาศออกมาว่า “ฉันไม่กลัวที่จะมีเรื่องกับเขา และจะกระชากหน้ากากของ โจวซิงฉือ ออกมาเอง”
โดยในบทความ “ทำไมใครๆ ก็เกลียด โจวซิงฉือ?”
ได้อ้างว่าดาวตลกคนดังเคยยื่นขออพยพไปอยู่แคนาดาเมื่อปี 1993 ถึงปี 1996 แต่ก็โดนปฏิเสธมาตลอด เพราะเขาเคยเล่นหนังของ
เซี่ยงหัวเฉียง ที่มีประวัติไม่ดีนั่นเอง ซึ่งภรรยาของผู้อำนวยการสร้างคนดังได้อธิบายว่า
โจวซิงฉือ แจ้งเกิดได้ก็เพราะเล่นหนังของเขาแท้ๆ และยังชี้แจงว่าแม้จะเป็นลูกชายของมาเฟียคนดัง แต่สามีของเธอก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการนอกกฎหมายใดๆ แน่นอน
“ถ้าเขาเกี่ยวกับพวกมาเฟียรัฐบาลฮ่องกงก็คงไม่เอาไว้แล้ว จีนแผ่นดินใหญ่ไม่กลัวพวกองค์กรอิทธิพลอยู่แล้ว”
นอกจากนั้นเธอยังบอกว่ามีดาราที่เล่นหนังของสามีร่วม 100 คนที่อพยพไปอยู่แคนาดาได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
เพราะฉะนั้นปัญหาของ โจวซิงฉือ จึงไม่เกี่ยวข้องกับสามีของเธอแน่นอน เฉินหลัน ยังบอกอีกว่า
หาก โจวซิงฉือ ไม่เกี่ยวข้องกับบทความ ก็ควรออกมาชี้แจง และทำความจริงให้ชัดเจนครับ
แต่ดูเหมือนว่าปัญหาวิวาทะครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เพราะ เฉินหลัน ขอแฉต่อว่า
โจวซิงฉือ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยแคร์ใคร นอกจากนั้นยังมีนิสัยเห็นแก่ตัวอย่างรุนแรง ทั้งเคยพยายามบังคับให้ จางป๋อจือ โกนผมเพื่อเล่นหนังให้เขา
แถมยังสั่งให้เธอเตรียมพร้อมสำหรับเข้าฉากในหนังของเขาอยู่ถึง 5 เดือนทั้งๆ ที่เธอเองก็มีงานอื่นอีกมาก
จนเมื่อ จางป๋อจือ เริ่มแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ ก็ด่าว่าเธอลืมบุญคุณที่เขาช่วยผลักดันให้เธอดังขึ้นมา และยังขู่จะฟ้อง จางป๋อจือ ด้วย
อย่างที่ต่อมาเขาเคยมีปัญหาฟ้องร้องกับนักแสดงหญิงที่ตัวเองปั้นมาหลายคนไม่ว่าจะเป็น จางอวี้ฉี และ หวงเซิงอี่ มาแล้วครับ
เฉินหลัน ยังเล่าว่า หลิวเต๋อหัว เคยเล่าให้เธอฟังว่าเขาไม่มีวันจะเป็นเพื่อนกับคนอย่าง โจวซิงฉือ เด็ดขาด!
ไม่ว่าจะในอดีต, ตอนนี้ หรือในอนาคต เพราะ โจวซิงฉือ ไม่เคยให้เกียรติเขาเลย โดยเฉพาะตอนร่วมงานกันที่ดาวตลกคนดังคิดว่าตนเองควรได้ค่าตัว 20 ล้านเหรียญฮ่องกง
ส่วน หลิวเต๋อหัว เอาไปแค่ 1.2 ล้านก็พอ …. “ใครๆ ก็รู้ว่า หลิวเต๋อหัว ดีกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นแฟนๆ หรือเพื่อนๆ
พวกเขาเป็นมนุษย์คนละประเภทกัน ไม่มีวันเข้ากันได้หรอก” เฉินหลัน กล่าวครับ
ส่วนตัวของ หลิวเต๋อหัว ไม่ได้ออกมาให้ข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากบอกว่า เฉินหลัน กับ เซี่ยงหัวเฉียง เป็นเจ้านายที่เขาเคารพ
และพร้อมจะปกป้องทั้งคู่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เช่นเดียวกับ เยิ่นต๊ะหัว, หลิวชิงหวิน และ จางเจียฮุย ที่บอกว่า เฉินหลัน กับ เซี่ยงหัวเฉียง
ดูแลและให้เกียรตินักแสดงมาตลอด แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเข้าไปวิจารณ์ว่า โจวซิงฉือ เป็นคนแบบไหนกันแน่ โดย หลิวชิงหวิน บอกว่าเคยทำงานกับ โจวซิงฉือ ตอนอยู่ TVB ด้วยกัน ครับ
และยอมรับว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่ง แต่นอกเวลางานแล้วเขากับ โจวซิงฉือ ก็แทบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยครับ
ประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นยังทำให้มีการขุดเอาความเห็นของคนดังจำนวนมากที่เคยพูดถึง โจวซิงฉือ เอาไว้ ออกมาประมวลกันอีกครั้ง
ทั้งยอดผู้กำกับแห่งยุค ตู้ฉีฟง ที่เคยทำงานกับ โจวซิงฉือ ในหนัง 2 เรื่อง และเปรยว่าถ้าจะให้ร่วมงานกันอีกก็เป็นไปได้ แต่จะให้มาคบหากันไม่มีทางแน่นอน
“โจวฉิงฉือเป็นคนทรงอิทธิพล แต่ผมไม่คิดว่าเขาเคยให้อะไรกับวงการหนังฮ่องกง แม้จะมีพรสวรรค์ แต่ความสามารถของเขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรใครเลย ผมนับถือความสามารถของเขา แต่ไม่นับถือในแง่ตัวบุคคล”
เช่นเดียวกับ หวังจิง ที่ร่วมงานกับ โจวซิงฉือ มาถึง 13 ปี ก็เคยบ่นว่า โจวซิงฉือ เป็นพวกเอาแต่ใจตัวเองจนเข้าขั้นเผด็จการเลยทีเดียว โดยเฉพาะครั้งหนึ่งที่ไม่ยอมไปร่วมงานเปิดหนังที่ตัวเองเล่น นอกจากผู้สร้างจะมาขอร้องเขาด้วยตัวเอง
“ผมไม่มีคำพูดเหลือจะอธิบายเกี่ยวกับ โจวซิงฉือ แล้ว เขาโดนด่าแทบจะรอบด้านแล้ว ก็ไม่รู้จะหามุมไหนมาด่าอีกดี”
ฝ่ายผู้อำนวยการสร้าง แดเนียล หลิน
แห่ง Universal International ที่เคยลงทุนในหนัง Shaolin Soccer แต่กลับเกิดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็บอกว่า โจวฉิงฉือ เป็นคนประเภทที่เอาแต่ได้เท่านั้น
“ไม่มีใครจะแย่กว่า โจวซิงฉือ อีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปทำธุรกิจกับเขาเลย เป็นพวกเอาแต่ได้ อาจจะเป็นคนมีพรสวรรค์นะ แต่ไม่เคยแคร์ใครเลย"
สำหรับประวัติของเค้านั้นมีอยู่ว่า...
โจว ซิงฉือ หรือ Stephen Chow (จีนตัวเต็ม: 周星馳, จีนตัวย่อ: 周星驰, พินอิน: Zhōu Xīngchí,
อังกฤษ: Stephen Chow, Stephen Chow Sing-Chi) เกิดวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1962 ที่เกาะฮ่องกง เป็นนักแสดง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ
ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบทภาพยนตร์แนวตลกโปกฮา , แนวตลกล้อเลียน(Parody Movie) ได้รับยกย่องให้เป็น...
เจ้าพ่อหนังฮา หรือ King of Comedy ของวงการหนังฮ่องกงและเอเชีย อัจฉริยะตลกผู้บัญญัติหนังแนวคอเมดี้ - ดราม่า (Comedy - Drama)
ไว้บนโลกภาพยนตร์ จากนักแสดงพันล้านดอลล่าห์ฮ่องกง(HKD) สู่ผู้กำกับ - ผู้อำนวยการสร้าง พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ(USD) ในจีนแผ่นดินใหญ่
ผู้ครอบครองตลาดภาพยนตร์แนวตลกโปกฮาไว้เพียงผู้เดียวตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 30 ปี
โจว ซิงฉือ (Stephen Chow) เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว มีพี่สาวหนึ่งคน น้องสาวสองคน รกรากของครอบครัวอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้
จีนแผ่นดินใหญ่ โจว ซิงฉือ ใฝ่ฝันอยากทำงานวงการภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็ก มีนักแสดงในดวงใจ คือ บรูซ ลี , โจว เหวินฟะ , ว่าน จือเหลียง เมื่อเขาเรียนจบการศึกษาระดับมัธยมได้ไปสมัครงานค่ายสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB) ฮ่องกง
แต่ถูกปฏิเสธจึงสมัครเข้าเรียนการแสดงในโรงเรียนการแสดงของค่ายทีวีบี(TVB)แทน รุ่นเดียวกันกับเหลียง เฉาเหว่ย ได้เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก 430 กระสวยอวกาศ (430 Space Shuttle) คู่กับเหลียง เฉาเหว่ย ครับ
ได้แสดงละครซีรีส์ให้กับค่ายทีวีบี(TVB) และแสดงภาพยนตร์ แต่เป็นบทตัวประกอบ เป็นส่วนใหญ่ครับ
ในปี ค.ศ. 1987 โจว ซิงฉือ ได้แสดงละครซีรีส์ในบทสมทบเป็นครั้งแรก ในซีรีส์เรื่อง ค่าของคน(The Price Of Growing Up ,1987)
มีนักแสดงขวัญใจของเขา ว่าน จื่อเหลียง เป็นพระเอกนำแสดง ในปี 1988 เขาได้แสดงภาพยนตร์ในบทสมทบเป็นครั้งแรก
ในภาพยนตร์เรื่อง โหดแค่แหลก (He Who Chases Afer the wind ,1988) มีว่าน จื่อเหลียง พระเอกขวัญใจของเขานำแสดงเช่นเคย เขาฉายแววความสามารถทางการแสดงได้อย่างโดดเด่น
จนวงการภาพยนตร์ฮ่องกงกล่าวขานว่า เขาเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามองในยุคนั้น ร่วมกับ หลิว เต๋อหัว , ม้อ เส้าชง และ หลิน จุ้นเสียน ภาพยนตร์ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก คือ
ภาพยนตร์เรื่อง Final Justice (1988) หรือชื่อไทย เฉ่งไอ้คุณโป (หรืออีกชื่อ สารวัตรใจเพชร) ร่วมแสดงกับ หลี ซิ่วเสียน (Danny Lee) เขาแสดงบทสมทบและได้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกง(Hong Kong Film Award) สาขานักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยม(Best New Performer)
แต่พลาดรางวัลไป แต่เขาก็ได้รับรางวัลม้าทองคำไต้หวัน (Taiwan Golden Horse Award) สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม(Best Supporting Actor) จากภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน
จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆและมีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีกมากมาย ในยุคเริ่มแรกของการแสดงภาพยนตร์และละครซีรีส์
โจว ซิงฉือแสดงในบทสมทบแนวทั่วไป ดราม่า แอ็คชั่น แก็งสเตอร์ ตามความนิยมของตลาดสมัยนั้นครับ
จนกระทั่งในปี 1989 เขาก้าวขึ้นมารับบทพระเอกละครซีรีส์ของค่ายโทรทัศน์ทีวีบี(TVB) ในเรื่อง จอมยุทธสะท้านโลกันตร์ (The Final Combat ,1989) ซีรีส์กำลังภายในแนวตลกโปกฮาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเป็นกระแสนิยมทั่วเกาะฮ่องกงครับ
ส่งให้โจว ซิงฉือ ก้าวสู่สถานะพระเอก(Leader Actor) อย่างเต็มตัว จนเป็นที่คาดการณ์ว่า เขาจะโด่งดังจากการเป็นนักแสดงแนวตลกโปกฮา และเป็นดาราตลก(Comedy Star) ซึ่งวงการบันเทิงฮ่องกงขาดแคลนมาโดยตลอดครับ
ในปี 1990 จากกระแสความโด่งดังของภาพยนตร์เรื่อง God of Gamblers ,1989 หรือชื่อไทย คนตัดคน ภาค 1 โด่งดังถล่มทลายไปทั่วเอเชีย โจว ซิงฉือ พระเอกตลกหน้าใหม่ของวงการบันเทิงฮ่องกง
ได้มารับบทล้อเลียนคาแรกเตอร์ของโจว เหวินฟะ ที่แสดงบทโคตรเซียนเกาจิ้งในเรื่อง คนตัดคน ดังกล่าว ในภาพยนตร์เรื่อง All for the Winner ,
1990 หรือชื่อไทย คนตัดเซียน ตัวหนังถูกใจผู้ชมชาวฮ่องกงเป็นอย่างมาก ในระดับที่เรียกว่าถล่มทลาย โจว ซิงฉือ จึงก้าวเป็นดาราตลกอย่างเต็มตัว(Comedy Star)
และเป็นจุดเริ่มต้นหนังแนว ตลกล้อเลียน(Parody Movie) ของโจว ซิงฉือ เป็นต้นมา ทั้งยังสร้างกระแสคู่หูคู่ฮา โจว ซิงฉือ กับ อู๋ เมิ๋งต๋า ในโลกภาพยนตร์อีกด้วยครับ
ต่อมาทางผู้สร้างภาพยนตร์เจ้าเดิม(ค่าย Win 's Entertainment) ได้นำโจว ซิงฉือ มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง God of Gamblers 2 ,1990 หรือชื่อไทย คนตัดคน ภาค 2 คู่กับ หลิว เต๋อหัว ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายไปทั่วเอเชียครับ
โจว ซิงฉือ จึงโด่งดังทั่วเอเชียในพริบตา พร้อมกับส่งให้เขาก้าวสู่ทำเนียบ พระเอกยอดนิยม(Box Office Star) สายหนังตลกโปกฮา หรือคอเมดี้(Comedy) ในตลาดหนังระดับเอเชียอีกด้วยครับ
ในปี 1991 จากกระแสคู่หูคู่ฮา โจว ซิงฉือ กับ อู๋ ม่งต๊ะ ที่ได้รับบทเป็นอา - หลาน ในภาพยนตร์เรื่อง คนตัดเซียน และ คนตัดคน ภาค 2 ดังกล่าว
ทางผู้สร้างภาพยนตร์เจ้าเดิม(ค่าย Win 's Entertainment) นำทั้งคู่มาแสดงร่วมกันในภาพยนตร์แนวคู่หูคู่ฮาเป็นการเฉพาะ ในเรื่อง Fight Back to School ,1991 หรือชื่อไทย คือ...
คนเล็กนักเรียนโต ภาพยนตร์ทำรายได้อย่างถล่มทลายทั้งในเกาะฮ่องกงและทั่วเอเชีย จนเกิดปรากฏการณ์กระแสคู่หูคู่ฮา โจว ซิงฉือ กับ อู๋ ม่งต๊ะ ไปทั่วเอเชียและภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ หนังแนวตลกโปกฮาสไตล์ "โจว ซิงฉือ & อู๋ ม่งต๊ะ" ครับ
พร้อมส่งให้นักแสดงสมทบอย่าง อู๋ ม่งต๊ะ กลายเป็นดาราคู่บุญของโจว ซิงฉือ เป็นต้นมา มีผลงานร่วมกันมากมายหลายต่อหลายเรื่อง จนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวหนังตลกของโจว ซิงฉือ โดยปริยายครับ
โจว ซิงฉือ ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล ทั้งในเกาะฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ทั่วเอเชีย และดังไกลถึงระดับโลก จนวงการหนังฮอลลีวู้ดเปรียบเปรยว่าเขาคือ จิม แคร์รีย์ (Jim Carrey) แห่งเอเชีย ครับ
สมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งเกาะฮ่องกง จัดเก็บยอดรายได้ภาพยนตร์(box office) ในช่วงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮ่องกงรุ่งเรือง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 - ค.ศ. 2005 (รอบ 20 ปี)
โจว ซิงฉือ เป็นนักแสดงนำที่มียอดรายได้ภาพยนตร์(Box Office) รวมกันสูงถึง 1,317,452,311 ล้านเหรียญฮ่องกง(HKD)
กลายเป็นพระเอกหนังพันล้านของอุตสาหกรรมหนังจีนฮ่องกง ซึ่งในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์มีเพียงสองคนเท่านั้น คู่กับ หลิว เต๋อหัว ที่มียอดรายได้ภาพยนตร์(Box Office) จำนวน 1,733,275,816 ล้านเหรียญฮ่องกง(HKD)
วงการภาพยนตร์ฮ่องกงให้ฉายาทั้งสองคนว่า คู่พระเอกขาว - ดำ (Black & White) หรือ พระเอกสายตลกโปกฮา (โจว ซิงฉือ) - พระเอกสายโศกนาฏกรรม (หลิว เต๋อหัว)
ทั้งคู่ยังได้แสดงภาพยนตร์ร่วมกันในแนวตลกโปกฮาผสมดราม่าโรมานซ์ เรื่อง Tricky Brains ,1991 หรือชื่อไทย คนกัดคน แสดงเป็นพี่น้องมีพ่อคนเดียวกัน(รับบทพ่อโดยอู๋ ม่งต๊ะ)
ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และเป็นที่ฮือฮาอย่างมากมายไปทั่วเอเชีย ทั้งกลายเป็นจุดเริ่มต้นหนังแนวคอเมดี้ - ดราม่า (Comedy - Drama) ของโจว ซิงฉือ ที่ต่อมาหนังแนวนี้ของเขาโด่งดังไปทั่วโลกครับ
โจว ซิงฉือ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับภาพยนตร์แนวตลกล้อเลียน(Parody Movie) ที่มีต้นฉบับเป็นวรรณกรรม นวนิยาย อย่างเช่น
อุ้ยเสี่ยวป้อ จอมยุทธเย้ยยุทธจักร ภาค 1 , 2 (Royal Tram 1 , 2 / 1992) ยาจกซู ไม้เท้าประกาศิต (King of Beggars ,1992) ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar ,1993)
จี้กง ใหญ่อย่างข้าไม่มี (The Mad Monk ,1993) เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว (Hail The Judge ,1994) พยัคฆ์ไม่ร้าย คังคังฉิก (Forbidden City Cop ,1996) หรือ
ล้อเลียนหนังดังระดับตำนานอย่างเรื่อง พยัคฆ์ไม่ร้าย 007 (From Beijing with Love ,1994) เป็นต้น และที่ได้รับกล่าวขานว่า เป็นภาพยนตร์สุดคลาสสิคตลอดกาล คือ ภาพยนตร์เรื่อง...
ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน ภาค 1 , 2 (A Chinese Odyssey ภาค 1 , ภาค 2 ตอน Cinderella ,1995)
แต่ถึงกระนั้น โจว ซิงฉือ ไม่หยุดความสำเร็จกับหนังตลกแนวล้อเลียน(Parody Movie) ไว้เพียงอย่างเดียว เขาได้คิดค้นหนังตลกในแบบฉบับของตัวเองจนประสบความสำเร็จครับ
ในปี 1991 เขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง Fist of Fury ,1991 หรือชื่อไทย คนเล็กต้องใหญ่ เขาได้หยิบยืมคาแรกเตอร์ตัวละครจากการ์ตูนญี่ปุ่นมาสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครขึ้นมาใหม่ ครับ
จนเป็นภาพจำแก่ผู้ชมภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ต่อมาเขาได้ชื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนญี่ปุนเรื่องนั้นมาดัดแปลงขึ้นสู่จอภาพยนตร์ ในเรื่อง Love on Delivery ,1994 หรือชื่อไทย...
โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่ ซึ่งการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนั้นคนไทยรู้จักกันดีในชื่อเรื่อง "ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย" โจว ซิงฉือได้พัฒนาคาแรกเตอร์ตัวละครในรูปแบบเดียวกันลงในภาพยนตร์ของเขาหลายต่อหลายเรื่อง ครับ
จนกลายเป็นอัตลักษณ์ประจำตัวของเขา อย่างเช่น คนเล็กกุ๊กเทวดา (The God of Cookery ,1996) คนเล็กไม่เกรงใจนรก (King of Comedy ,1999)
ภาพยนตร์ที่เป็นกระแสไปทั่วโลก อย่างเช่น นักเตะเสี่ยวลิ้มยี่ (Sholin Soccer ,2001) คนเล็กหมัดเทวดา (Kung Fu Hustle ,2004) จนวงการภาพยนตร์โลก ยกย่องให้เป็นหนึ่งในแนวหนังของโลก คือ...
"หนังตลก สไตล์โจวซิงฉือ" หรือ Chow 's Comedy หนังคอเมดี้ - ดราม่า (Comedy - Drama) ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว แนวพระเอกต่ำตม(Loser) แต่ต่อสู้จนประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตครับ
ในบ้านเราตั้งชื่อหนังของโจว ซิงฉือ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวว่า "คนเล็ก" ตามหนังสไตล์นี้ของเขานั่นเอง
นอกจากนี้ โจว ซิงฉือ ยังแสดงออกถึงการมีนักแสดงระดับตำนานโลกอย่าง บรูซ ลี เป็นไอดอลหรือขวัญใจของเขาครับ
โจว ซิงฉือ จึงได้เลียนแบบคาแรกเตอร์ หรือบุคลิกการแสดงของบรูซ ลี ลงบนภาพยนตร์ของเขาหลายต่อเรื่อง หลายต่อหลายฉาก
ซึ่งล้วนเป็นการคาราวะนักแสดงในดวงใจของเขาคนนี้ ทั้งนั้นครับ
โจว ซิงฉือ เริ่มมีบทบาทในการเขียนบทภาพยนตร์ กำกับภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์และอำนวยการสร้างภาพยนตร์ในปี 1993 ผลงานเขียนบทภาพยนตร์และร่วมกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา คือ...
ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar ,1993) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เขายังมีบริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขาเองในนาม Star Overseas (สตาร์ โอเวอร์ซีส)
และได้ลองผลิตภาพยนตร์แนวสยองขวัญปนตลกร้าย ในเรื่อง กึ๋ยเฉพาะชั้น 9 (Out of the Dark ,1995) แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักครับ
ด้านฝีมือการแสดง โจว ซิงฉือ ไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงตลกเท่านั้น เขายังมีฝีมือการแสดงอย่างยอดเยี่ยม ได้รับรางวัล นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(Best Actor)
จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เอเชียแปซิฟิก(Asia Pacific Film Festival) จากภาพยนตร์ เรื่อง Justice My Foot ,1992 หรือชื่อไทย คนเล็กสะท้านยุทธจักร และรางวัลตุ๊กตาทอง(Hong Kong Film Awards) ในฐานะ...
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(Best Actor) จากภาพยนตร์ เรื่อง Shaolin Soccer ,2001 หรือชื่อไทย นักเตะเสียวลิ้มยี่ ครับ
ผลงานในระยะหลังของเขา โจว ซิงฉือทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์ กำกับการแสดง และอำนวยการสร้าง แต่ไม่ได้แสดงหนังเอง เขายังได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม(Best Director) จากภาพยนตร์ เรื่อง...
Shaolin Soccer (2001) หรือชื่อไทย นักเตะเสียวลิ้มยี่ ผลงานแสดงเรื่องสุดท้ายของเขา คือ ภาพยนตร์เรื่อง คนเล็กของเล่นใหญ่ (CJ 7 ,2008) หนังทุนสร้างฮ่องกง - จีนแผ่นดินใหญ่
ด้านชีวิตส่วนตัว โจว ซิงฉือ กำลังคบหากับคู่รักต่างวัยชื่อ หลอ ไห่ซาน[1] ปัจจุบัน โจว ซิงฉือ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ในการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ครับ
และอำนวยการสร้างภาพยนตร์ หนังของเขาทำเงินถล่มทลายในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำสถิติเป็น ผู้กำกับ - ผู้อำนวยการสร้าง พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ(USD) ครับ
คนแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ จากภาพยนตร์ของเขาเพียง 4 เรื่อง แต่แฟนๆภาพยนตร์ทั่วโลก ต่างเฝ้ารอและเรียกร้องให้ โจว ซิงฉือ หวนกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรามาโดยตลอดครับ
ที่มา : wikipedia.com และ mgronline.com
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
