18 พ.ย. 2020 เวลา 09:55 • ประวัติศาสตร์
กลยุทธ์เมืองว่างของจูล่ง จากในประวัติศาสตร์และนิยายสามก๊ก
ไม่ว่าเราจะเรียกชื่อไหน เช่น กลเมืองว่าง เปิดประตูเมืองว่าง ค่ายว่าง แท้จริงแล้วทั้งหมดล้วนมีแนวคิดหลักเดียวกัน คือ "ใช้เท็จลวงคู่ต่อสู้ว่าจริง"
นี่ถือว่าเป็นสุดยอดกลยุทธ์ทางจิตวิทยา ซึ่งมักนำมาใช้ก็ต่อเมื่อฝ่ายจำนวนน้อยกว่าจำเป็นต้องใช้หลอกฝ่ายที่มีจำนวนเหนือกว่า
ในวรรณกรรมสามก๊ก กลยุทธ์แนวนี้โด่งดังอย่างมาก จากแผนอุบาย "พิณเมืองว่าง" ของขงเบ้งที่เอามาใช้หลอกสุมาอี้ แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุไม่ได้บ่งบอกว่าขงเบ้งใช้แผนนี้
ที่จริงแล้ว การใช้อุบายนี้ครั้งแรกในยุคสามก๊กตามที่มีบันทึกไว้ทั้งในเอกสารประวัติศาสตร์และวรรณกรรม เราพบว่าผู้ที่ใช้กลยุทธ์แนวนี้ครั้งแรกจนสำเร็จและได้ชัยชนะในศึกใหญ่สำคัญก็คือ "เตียวหยุน จูล่ง"
1
แล้วที่สำคัญคือ จูล่งเอามาใช้กับยอดขุนศึกที่เชี่ยวชาญพิชัยสงครามอย่าง โจโฉ ซะด้วย
อ้างอิงจากจดหมายเหตุ บทประวัติจูล่ง ได้บันทึกว่า
ปีค.ศ.219 (ตรงกับปีศักราชเจี้ยนอันที่ 24) จูล่งได้เข้าร่วมทัพกับเล่าปี่ เป็นขุนพลสำคัญบุกโจมตีเมืองฮั่นจง ในศึกนี้กองทัพเล่าปี่ที่มีฮองตงเป็นทัพหน้าสามารถใช้กลยุทธ์บุกเข้าไปสังหารแฮหัวเอี๋ยน ซึ่งเป็นทั้งขุนพลสำคัญและญาติสนิทของโจโฉลงได้ โจโฉแค้นมาก จึงสั่งระดมกองทัพใหญ่หมายบุกชิงเมืองฮั่นจงคืนในทันที
ทัพเสบียงของโจโฉมีขนาดใหญ่จึงประสบเหตุส่งเสบียงได้ล่าช้า ขุนพลเฒ่าฮองตงเห็นเป็นโอกาสที่จะลอบโจมตีและปล้นชิงทัพเสบียงของโจโฉ จึงวางแผนร่วมมือกับจูล่งในการชิงเสบียง แต่ฮองตงจะขอนำทัพออกไปก่อน ส่วนจูล่งจะรออยู่ในค่ายแล้วตามไปทีหลัง แต่ฮองตงก็ประสบความล้มเหลว เพราะโจโฉได้ดักเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว
ฝ่ายจูล่งซึ่งเห็นว่าฮองตงไม่ได้กลับมาตามกำหนดเวลาที่นัดแนะไว้ จึงตัดสินใจนำกองทหารม้าเร็วหลายสิบคนเคลื่อนพลไปช่วยฮองตงกลับมา
ในระหว่างนั้น จูล่งต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของโจโฉระหว่างทาง ทัพของโจโฉมีกำลังเสริมเข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมาก จูล่งจึงรบพลาง ล่าถอยไปพลาง ระหว่างนั้นทหารของโจโฉได้ทำการปิดล้อมทหารของจูล่งไว้จนหมด
จูล่งสามารถนำทัพบุกตีฝ่าออกมาได้ แต่ก็พบว่ารองขุนพลเตียวจู๋ได้รับบาดเจ็บ แล้วทหารส่วนหนึ่งก็ยังติดอยู่ในวงล้อมของข้าศึก จูล่งจึงชักม้าบุกกลับเข้าไปท่ามกลางทัพของโจโฉ แล้วสามารถช่วยเหลือเตียวจู๋และทหารทั้งหมดกลับออกมาได้ แล้วจูล่งก็ถอยทัพทั้งหมดกลับไปที่ค่ายหลัก
เมื่อจูล่งกลับเข้ามาในค่าย ขุนพลเตียวเอ๊กซึ่งทำหน้าที่ดูแลในค่ายทหาร เห็นกองทัพโจโฉกำลังบุกโจมตีเข้ามา จึงรีบสั่งปิดประตูค่าย แต่จูล่งเห็นว่าทหารข้าศึกมีจำนวนมหาศาล แม้นจะปิดประตูค่ายแล้วก็เป็นการยากที่จะต้านทานการบุกแล้วรักษาค่ายไว้ได้ ดังนั้น จูล่งจึงตัดสินใจสั่งการให้เปิดประตูค่ายทั้งหมดไว้ ชักธงลงจากเสา ให้ทหารรัวกลองเสียงดัง แล้วเตรียมพลเกาทัณฑ์ดักซุ่มไว้
ทัพโจโฉเห็นประตูค่ายเปิดทิ้งไว้ทั้งหมดก็แปลกใจมาก ทหารโจโฉไม่กล้าบุกเข้าโจมตีในค่ายเพราะเกรงว่าจะมีดักซุ่มเตรียมไว้ แล้วจูล่งก็สั่งให้พลเกาทัณฑ์ระดมยิงเข้าใส่ทัพโจโฉทันที ทหารของโจโฉตื่นตกใจจึงพากันล่าถอย เหยียบกันตายและจมในแม่น้ำฮั่นซุยเป็นอันมาก โจโฉจึงตัดสินใจสั่งถอยทัพทั้งหมดกลับไปตั้งหลักที่หลังแม่น้ำฮั่นซุย
ในวันถัดมา เล่าปี่เดินทางมาพบจูล่งที่ค่ายทหาร เมื่อเล่าปี่ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณสนามรบแล้ว ก็ออกปากยกย่องในความเก่งกาจกล้าหาญเหนือของจูล่งมาก จากนั้นจึงยกย่องจูล่งให้เป็น นายพลพยัคฆ์เดชแห่งจ๊กก๊ก “หู่เว่ยเจียงจวิน” (The Shu army as General of Tiger Valor)
ในจดหมายเหตุสามก๊กทั้งหมดนั้น พบว่าขุนพลที่ใช้กลศึกเช่นนี้ในยุคนั้นมีด้วยกันสามคน ได้แก่ จูล่งแห่งจ๊กก๊ก ซึ่งเขาเป็นคนนำกลยุทธ์นี้มาใช้เป็นคนแรก และอีกสองคนที่เหลือคือ บุนเพ่งแห่งวุยก๊ก และ จูเหียนแห่งง่อก๊ก
ส่วนการใช้กลค่ายว่างของจูล่งในศึกที่ฮั่นจง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและทำให้ได้รับการยกย่องจากเล่าปี่มาก บรรดาทหารโจโฉเองก็ให้ความยำเกรงจูล่งอย่างยิ่ง แม้แต่โจโฉเองก็ยังยอมรับ ถึงขนาดกล่าวกับทหารของตนว่า "หากพบจูล่งเมื่อใด ต้องระวังตัวให้ดี"
ภาพจาก สามก๊ก Three Kingdoms : Dragon Resurrection
โฆษณา