20 พ.ย. 2020 เวลา 14:59 • ความคิดเห็น
ถ้าระบบการศึกษาดี...
“รู้สึกว่ามันคือการศึกษาเลย หนูคิดแค่ว่าถ้าการศึกษามันดี เดี๋ยวหลายๆ อย่างมันจะตามมาเอง โครงสร้างพื้นฐานมันดี หลายๆอย่างมันจะตามมาเอง” คำอธิบายของ อิษฎาอร กุลแสนเต่า หนึ่งในแกนนำกลุ่ม “นักเรียนเลว”
เครือข่ายนักเรียนมัธยมปลาย นักเรียนเลว เริ่มรวมตัวกันเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว พวกเขาไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ที่สถาบันการศึกษา และเข้าร่วมการประท้วงกับกลุ่ม “ราษฎร” ด้วย
ข้อเรียกร้องหลักของ “นักเรียนเลว” คือการปฏิรูปการศึกษา แต่นักเรียนเหล่านี้ก็ถือโอกาสวิจารณ์ระเบียบโรงเรียนที่พวกเขามองว่าไม่ได้ช่วยให้การศึกษาคุณภาพดีขึ้น ระเบียบอย่างทรงผมที่ยาวได้กี่เซนติเมตร ความยาวกระโปรงนักเรียน สีและขนาดของโบว์ผูกผม กระเป๋า ถุงเท้า รองเท้า ฯลฯ
หลังประท้วงอยู่หลายเดือน กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้โรงเรียนต่างๆ ผ่อนคลายระเบียบทรงผมนักเรียน ให้สั้นหรือยาวแค่ไหนก็ได้ แต่ยังคงห้ามดัดและย้อมสี ขณะที่หลายๆ โรงเรียนก็ยังเข้มงวดเหมือนเดิม
จากข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปการศึกษา ตอนนี้เรียกร้องให้รัฐมนตรีลาออก ถ้าถามนักเรียนบางคนว่าอยากได้ใครมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีศึกษา คำตอบคือใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติ ที่จะมาแก้ปัญหา
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว (2562) เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในรอบ 10 ปีที่อยู่ในตำแหน่งนานกว่าเวลาเฉลี่ย ซึ่งเฉลี่ยแล้วไม่เกินคนละ 1 ปี
ณัฏฐพลยืนยันกับ Thai PBS World ว่า ตอนนี้กระทรวงศึกษามีแผนการปฏิรูปแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็อนุมัติแล้ว กระทรวงมีโครงการจะจัดการหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ พัฒนาบุคลากร พัฒนาทักษะผู้สอน
 
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่จัดสรรงบประมาณเป็นสัดส่วนสูงให้กับกระทรวงศึกษาธิการทุกๆ ปี ประเทศไทยมีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาฯเกือบ 20 คนในรอบ 20 ปี และทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาก็มักพูดว่าระบบการศึกษาต้องได้รับการปฏิรูป แต่ก็ไม่มีรัฐบาลไหนทำให้เกิดขึ้น
2
นักวิชาการวิเคราะห์ว่า นั่นเป็นเพราะการปฏิรูปการศึกษาเป็นเรื่องซับซ้อนและใช้เวลานานกส่าจะเห็นผล ดังนั้น หากมองจากมุมมองนักการเมือง การปฏิรูปการศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มแรง ถ้าจะหวังกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ขณะที่ณัฏฐพลยอมรับว่า ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา และเขากำลังพยายามวางรากฐานให้รัฐมนตรีคนต่อไป
“ถ้าการศึกษาไม่มีคุณภาพ คนก็ไม่ทีคุณภาพ” อิษฎาอรกล่าว
คำพูดนี้ไม่ใช่แค่ความเห็น แต่สำหรับหลายๆ คน เขามองว่ามันคือข้อเท็จจริง
รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์ Thai PBS World ว่า คนรุ่นใหม่พูดสิ่งที่คิด ผู้ใหญ่ก็ควรจะรับฟัง เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาจะเป็นผู้นำของประเทศในอนาคต ของคนรุ่นต่อไป แต่ว่าภาษาที่ใช้และน้ำเสียงที่ใช้นั้นไม่ปกติ เป็นน้ำเสียงที่โกรธ เสียงที่น่าตกใจ เสียงแห่งความผิดหวัง จากหลายสิ่งในชีวิต “ผมคิดว่านี่เป็นเวลาที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
1
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังกระเสือกกระสนที่จะก้าวออกจากความเป็นประเทศกำลังพัฒนามาหลายทศวรรษ องค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญกลับถูกละเลย การศึกษาเพื่ออนาคตของชาติ
ขอบคุณภาพจากประชาชาติธุรกิจและสปริงนิวส์
โฆษณา