22 พ.ย. 2020 เวลา 06:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
สุดยอดหนังดี จาก Top 250 บนเวบไซด์ IMDb Part 1: ลำดับที่ 1-5
The Internet Movie Database (IMDb) คือ เวบไซด์ที่รวบข้อมูลต่างๆจากภาพยนตร์ทั่วโลก ทั้งข้อมูลนักแสดง ผู้กำกับ ทีมงาน รวมไปถึงภาพและคลิปตัวอย่างภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีคำวิจารณ์และการให้คะแนนที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกร่วมกันโหวตเพื่อจัดอันดับหนังร่วมกัน
1
การคิดคะแนนที่ปรากฎบน IMDb จะเป็นคะแนนเฉลี่ยที่มาจากคะแนนรวมหารด้วยจำนวนของคนที่ร่วมโหวตทั้งหมด ซึ่งจากคะแนนนี้ IMDb ได้นำมาจัดเป็นทำเนียบหนังดี 250 เรื่อง (IMDb Top 250 movies)
สารภาพตามตรงว่าผมยังดูหนังที่ติดอันดับไม่ครบ 250 เรื่อง แต่ก็ดูไปมากกว่า 100 เรื่องแล้ว
.
สำหรับความตั้งใจที่จะเขียนรีวิวหนังในซีรีส์บทความชุดนี้ หลักๆคือเพื่อให้ตัวเองได้ดูหนังครบทั้ง 250 เรื่องตามที่ตั้งใจไว้ ผมเริ่มทำโดยที่ไม่รู้ว่าจะหามาดูได้ครบทุกเรื่องหรือไม่ ? เพราะบางเรื่องเป็นหนังเก่ามาก เอาเป็นว่าจะพยายามเขียนให้ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
1
ในส่วนความเห็นของผู้เขียน ผมขออนุญาตให้คะแนนในการรีวิวเป็นจำนวนดาวดังนี้
3 ดาว = หนังดี ควรหามาดู
4 ดาว = หนังดีมาก แนะนำให้ดู
5 ดาว = หนังดีมากๆ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
** หมายเหตุ ** : คะแนนดาวเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
3
การเขียนรีวิวครั้งนี้ ผมจะเริ่มจากอันดับที่ 1 ไปจนถึงลำดับที่ 250 โดยแบ่งเขียนคราวละ 5 เรื่อง รวมทั้งหมด 50 ตอน จะรีวิวสั้นๆ กระชับ เพื่อให้บทความไม่ยาวมากเกินไป
.
หลังอ่านจบอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ช่วยบอกหน่อยว่าจากจำนวนหนังทั้งหมดที่ผมเขียนรีวิวในแต่ละตอน คุณได้ดูไปทั้งหมดกี่เรื่อง ?
ถ้าพร้อมแล้ว เชิญพบกับ 5 อันดับแรกของสุดยอดหนังดีจากการจัดอันดับของ IMDb ได้เลยครับ
1. The Shawshank Redemption (1994)
Rating 9.3 คะแนน จำนวนคนโหวต 2,306,075 คน
2
The Shawshank Redemption หนังที่ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 7 สาขา แต่ก็พลาดหมดทุกรางวัล เพราะปีนั้นหนังเรื่อง Forrest Gump กวาดรางวัลถล่มทลาย
บทหนังดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ Stephen King นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง งานเขียนชุดนี้ของเขาไม่ใช่แนวสยองขวัญ แต่เป็นแนวชีวิตเชิงให้กำลังใจ แม้หนังจะพลาดรางวัลออสการ์ แต่ด้วยความงดงามและสมบูรณ์แบบ ก็ส่งผลให้ The Shawshank Redemption ครองอันดับหนึ่งตลอดกาลบนเวบ IMDb จากผลโหวตของผู้ชมทั่วโลก
1
เรื่องย่อ : แอนดี้ ดูเฟรนส์ นายธนาคารหนุ่มถูกจับในข้อหาฆาตกรรมภรรยาและชายชู้ แม้เขาจะจำเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุไม่ได้เพราะความเมา แต่แอนดี้ก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ ถึงแอนดี้จะเชื่อแบบนั้นแต่พยานหลักฐานทุกอย่างก็ชี้มาที่เขา ทำให้แอนดี้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและได้มาอยู่ที่เรือนจำชอว์แชงค์
.
มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่เรือนจำแห่งนี้ ทั้งมิตรภาพ การเอารัดเอาเปรียบ การฉ้อฉล รวมถึงปัญหาและอุปสรรคมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยดับความหวังในชีวิตของแอนดี้ได้เลย
1
บทวิจารณ์ : ★★★★★
แม้จะเป็นเรื่องราวของคนในคุก แต่หนังก็เปี่ยมไปด้วยความหวังและกำลังใจ เรื่องราวของแอนดี้สอนผู้ชมอย่างเราว่า แม้ชีวิตจะตกต่ำแค่ไหนก็สามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ ถ้าเรายืนหยัดต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค
.
นี่คือหนังที่ได้คะแนนสูงสุดบนเวบ IMDbมายาวนานและยังไม่มีเรื่องไหนมาล้มแชมป์ได้ หนังมีความยอดเยี่ยม สมบูรณ์ในทุกๆรายละเอียดไม่ว่าจะเป็น นักแสดง การถ่ายทำ บทภาพยนตร์ จุดเปลี่ยนตอนท้ายเรื่องหักมุมได้อย่างมีชั้นเชิง นี่คือหนังที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
2. The Godfather (1972)
Rating 9.2 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,591,510 คน
1
The Godfather กำกับโดยฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา สร้างมาจากนวนิยายเรื่อง The Godfather ของมาริโอ พูโซ มีทั้งหมด 3 ภาค
เรื่องย่อ : ดอน วีโต้ คอลิโอเน่ เจ้าพ่อใหญ่แห่งนิวยอร์ค ผู้อยู่ในช่วงขาลงและกำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจไปสู่ลูกชายทั้งสาม ซึ่งลูกชายสามคนของเขามีนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง
.
ซันนี่ (คนโต) เป็นคนใจร้อน มุทะลุ ชอบแก้ปัญหาด้วยกำลัง , เฟรโด้(คนรอง) เจ้าชู้ ชอบการสังสรรค์และบันเทิง ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ดูอ่อนแอ , ไมเคิล (น้องชายคนเล็ก) อดีตนายทหารหนุ่มที่ นิ่ง สุขุม ฉลาดและเหมาะสมกับการสืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อที่สุด แต่เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจสีเทาของครอบครัวสักเท่าไหร่
.
เรื่องราวภาคแรก เป็นช่วงของการลงจากตำแหน่งของดอน วีโต้ คอลิโอเน่ และการเข้ามาในตำแหน่งของลูกชายของเขา เพื่อรักษาอิทธิพลและธุรกิจของครอบครัว
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ความโดดเด่นของThe Godfather คือ พลังในการเล่าเรื่อง หนังสร้างตัวละครที่มีมิติทำให้คนดูเชื่อในบุคลิกของตัวละครได้อย่างสนิทใจ โดยเฉพาะการแสดงของสองนักแสดงนำอย่าง มาลอน บรันโด ที่แสดงเป็น ดอน วีโต้ คอลิโอเน่ และ อัล ปาชิโน่ ในบทของไมเคิล คอร์เลโอเน่
.
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นหนังแนวแก๊งสเตอร์มาเฟีย จึงอาจไม่ถูกจริตกับสาวๆสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะดูเพื่อเสพความหล่อของอัลปาชิโน่ รับรองว่าอิ่มเอม เพราะอัลปาชิโน่สมัยหนุ่มๆหล่อและเท่มาก
1
3. The Godfather: Part II (1974)
Rating 9.0 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,111,915 คน
1
เรื่องย่อ : The Godfather Part II พาเราไปสำรวจชีวิตวัยเด็กของดอน วีโต้ คอลิโอเน่ โดยย้อนกลับไปในช่วงที่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่นิวยอร์ค เรื่องราวในหนังตัดสลับกันระหว่างชีวิตของดอน วีโต้ คอลิโอเน่ ที่ก่อร่างเส้นทางสู่ความเป็นใหญ่ กับ ชีวิตของไมเคิล คอร์เลโอเน่ ในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย บนยอดพีระมิดสูงสุดของเกมอำนาจ
บทวิจารณ์ : ★★★★★
แม้นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะชื่นชมภาคนี้ว่าดีเทียบเท่าภาคแรก แต่ความเห็นของผม หนังยังมีจุดที่น่าเบื่อในบางช่วง(ความเห็นส่วนตัว) บทภาพยนตร์คือส่วนที่ดีที่สุดของภาคนี้
.
การเล่าเรื่องแบบตัดสลับช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับหนัง เรื่องราวแบบคู่ขนานดำเนินไปอย่างสอดคล้องและมีจุดที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยส่วนตัวแม้จะชอบภาคนี้น้อยกว่าภาคแรก แต่ก็ถือว่าหนังยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ และเมื่อดูภาคแรกมาแล้วก็ไม่ควรพลาดภาคสอง (ดูให้ครบสามภาคเลยครับ)
1
4. The Dark Knight (2008)
Rating 9.0 คะแนน จำนวนคนโหวต 2,269,236 คน
1
The Dark Knight คือหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จในทุกแง่มุม หนังกวาดคำชมและทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลกไปมากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ
.
ในส่วนของคำวิจารณ์ นักวิจารณ์ยกย่องให้ The Dark Knight เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดตลอดกาล การันตีผลงานโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน สุดยอดผู้กำกับ ผู้ปลุกให้อัศวินรัตติกาลกลับมาอีกครั้งอย่างสง่างาม
1
เรื่องย่อ : The Dark Knight เป็นภาคต่อของ "Batman Begins" ในภาคนี้ แบทแมนต้องเจอกับปัญหาหลายอย่างที่ประดังเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอาชญากรป่วนเมืองที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ต้องเผชิญปัญหาหัวใจเมื่อเรเชล (แสดงโดยแมกกี้ จิลเลนฮาล) ไปมีใจให้กับอัยการเขตคนใหม่
.
อีกทั้งเหล่าประชาชนเมืองก็อตแธมก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมแบบศาลเตี้ยของแบทแมน รวมถึงยังมีเหล่าแบทแมนเก๊ ที่ปลอมตัวเป็นแบทแมนตัวจริง สร้างความสับสนเป็นอย่างยิ่ง และที่หนักหนาสุดคงไม่พ้นการเผชิญหน้ากับอาชญากรตัวเอกอย่าง โจ๊กเกอร์ ที่สร้างวีรกรรมสุดโฉด จนนำไปสู่ความวุ่นวายไม่รู้จบ
3
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ผมชอบทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น ภาพ การตัดต่อ บทภาพยนตร์ จังหวะของหนัง รวมถึงนักแสดงที่ทำหน้าที่ได้อย่างดี ทำให้ตัวละครมีมิติ มีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียน เบล ในบทของ บรูซ เวน/แบทแมน , แกรี่ โอลด์แมน ที่แสดงเป็นจิม กอร์ดอน และที่ขาดไม่ได้ คือ ฮีธ เลดเจอร์ ในบทโจ๊กเกอร์ เขาได้รับคำวิจารณ์และเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสบทบชาย ในปี 2009 มาครองได้สำเร็จ ฮีธ เลดเจอร์ ได้สร้างเอกลักษณ์ให้ตัวละครโรคจิตอย่างโจ็กเกอร์ จนเป็นที่จดจำของแฟนหนังทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้
.
คงไม่ต้องเชียร์อะไรมากสำหรับ The Dark Knight เพราะหนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 8 สาขา แม้สุดท้ายแล้วจะได้รางวัลมา 2 สาขา คือ ลำดับเสียงยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม แต่ก็ถือว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เข้าชิงออสการ์มากที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการ
5. 12 Angry Men (1957)
Rating 8.9 คะแนน จำนวนคนโหวต 677,860 คน
12 Angry men หนังที่มีแค่คน 12 คน เถียงกันตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องแต่โคตรสนุก
เรื่องย่อ : คณะลูกขุน 12 คน ได้ประชุมกันเพื่อตัดสินคดีฆาตกรรมที่เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมพ่อของตัวเอง ซึ่งศาลให้ความเห็นว่า เด็กหนุ่มจะมีความผิดและต้องถูกประหารชีวิต ก็ต่อเมื่อคณะลูกขุนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเขาทำความผิด แต่ถ้าคณะลูกขุนแม้แต่คนเดียวไม่เชื่อว่าเขาทำผิด ศาลจะยกผลประโยชน์ให้จำเลยและตัดสินว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์
.
การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมภายในศาล (ใช้ฉากเดียวตลอดทั้งเรื่อง) มีลูกขุน 11 คน ลงความเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความผิด แต่มติไม่เป็นเอกฉันท์เพราะลูกขุน 1 คนเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ การถกเถียงเพื่อหักล้างสมมติฐานของแต่ละคนจึงเกิดขึ้น และนั่นคือความสนุกของหนังเรื่องนี้ คนหนึ่งคนจะหักล้างเหตุผลของคน 11 คน ได้อย่างไร ? และเขาจะยืนหยัดเพื่อมอบความยุติธรรมให้กับจำเลยได้หรือไม่ ?
1
บทวิจารณ์ : ★★★★★
หนังที่มีแต่บทพูด เถียงกันทั้งเรื่อง ถ้าบทหนังไม่แข็งแรงคงน่าเบื่อมาก แต่ 12 Angry men กลับสะกดคนดูได้อยู่หมัด หนังอายุ 63 ปี เรื่องนี้ คือของจริงที่เก๋าเกม ไม่อย่างนั้นคงไม่ติด Top 5 บน IMDb มายาวนานขนาดนี้
จบไปแล้วสำหรับอันดับที่ 1-5 ตอนต่อไปมาว่ากันต่ออีก 5 ลำดับ ( 6-10)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา