29 พ.ย. 2020 เวลา 15:22 • ความคิดเห็น
Feminism ไม่ใช่ปีศาจร้าย
Feminism มีหลายกลุ่ม หลายแนวทางในการเคลื่อนไหว แต่ความรู้สำหรับคนทั่วไปมองเห็นแต่ภาพของนางมารร้าย ยัยตัวแสบ ตัวก่อปัญหา ซึ่งจริงๆ แล้ว เฟมินิสต์ต้องการแค่ "สิทธิ์ที่ผู้หญิงควรจะได้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น"
ผู้เขียนเคยเจอรุ่นน้องคนหนึ่งบอกว่าตัวเองเป็นเฟมินิสต์ ผู้เขียนจึงแกล้งถามไปว่า "ได้ยินว่าพวกเฟมินิสต์เป็นพวกเกลียดผู้ชายใช่มั้ย" โดยคาดหวังคำตอบทำนอง "ไม่ เฟมินิสต์คือแนวคิดที่เน้นความเท่าเทียมกันระหว่างทั้งหญิงและชาย" หรือ "ไม่ เฟมินิสต์คือแนวคิดที่ต้องการปลดแอกผู้หญิงจากกรอบที่ถูกสร้างจากระบอบปิตาธิปไตย" แต่เธอกลับตอบว่า "ไม่ ฉันยังชอบผู้ชายอยู่" ทำเอาผิดหวังเล็กๆ เพราะนั่นคือแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังคิดว่าเฟมินิสต์คือพวกเกลียดผู้ชายหรือเลสเบี้ยน ไม่แตกต่างจากคนภายนอกที่ไม่เข้าใจเฟมินิสต์แล้ววาดภาพเฟมินิสต์เป็นปีศาจร้ายเลย
ผู้เขียนได้พบประเด็นและบทความที่น่าสนเกี่ยวกับสิทธิ์การแสดงออกของผู้หญิงในเกาหลีใต้ ที่ https://kotaku.com/in-south-korea-gamers-stage-an-inquisition-against-fem-1825398846 บทความจริงๆ ยาวมากจึงขอสรุปมาสั้นๆ ซึ่งใครสนใจรายละเอียดทั้งหมดสามารถอ่านได้ในลิงก์
ในเกาหลีใต้มีเว็บไซต์หนึ่งชื่อ Megalia เผยแพร่แนวคิดเฟมินิสต์ การนำเสนอของเว็บไซต์ทำให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงและผู้ที่ต่อต้านอ้างว่าหลายแนวคิดในเว็บไซต์นี้ "ต่อต้านสังคมและสุดโต่ง" (เท่าที่ผู้เขียนทราบเว็บไซต์นี้ปัจจุบันโดนปิดไปแล้ว) การต่อต้านไม่ได้ยุติที่เว็บไซต์ Megalia ถูกปิดหรือต่อต้านกลุ่มคนที่แสดงความคิดเห็นให้ผู้หญิงขึ้นมามีบทบาทแถวหน้า แต่การต่อต้านลามไปถึงเรื่องอื่นๆ และการล่าแม่มดในสังคมเกาหลีใต้ ถึงกับเป็นกระแส "แอนตี้เฟมินิสต์"
กระแส "แอนนี้เฟมินิสต์" นี้กลายเป็นประเด็นที่เห็นชัดมากขึ้นในวงการของเกาหลีใต้ โดยเริ่มขึ้นเมื่อปี 2016 มีเกมเมอร์พบว่านักพากย์สาวชื่อ Jayeon Kim มีเสื้อที่สกรีน “Girls Do Not Need A Prince.” (เด็กสาวไม่ต้องการเจ้าชาย) ซึ่งเสื้อดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Megalia จึงเกิดกระแสความไม่พอใจผลก็คือทาง Nexon ต้นสังกัดไล่นักพากย์คนนี้ออก
หลังจากนั้นก็มีการล่าแม่มดจากเกมเมอร์ที่แอนตี้เฟมินิสต์ ส่งผลให้ผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องในวงการเกม (นักวาด, นักพัฒนา ฯลฯ) ที่ถูกสืบได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Megalia ไม่ว่าจะแค่ like, share ข้อความที่มีแนวคิดเฟมินิสต์ หรือกระทั่งแค่โพสข้อความที่เหล่าเกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์ลงความเห็นว่า "ต่อต้านสังคมและสุดโต่ง" คนที่โดนข้อหาดังกล่าวจะโดนโจมตีอย่างหนัก ตัวอย่างกรณีเช่น
เกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์กดดันให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเกมปลดนักวาดหญิงค่าย IMC Games ที่ได้ retweet ข้อความที่มีเนื้อหาเฟมินิสต์ออกจน CEO ของ IMC Games ต้องออกมาขอโทษแทนนักวาด
เกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์กดดันให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเกม Girls Frontline ไล่ผู้ออกแบบตัวละคร K7 ออกด้วยข้อหาเคย like และ retweet ข้อความที่เขาไม่พอใจอย่างการล้อเลียนผู้ชายแย่ๆ หรือการแสดงความกลัวกล้องที่ซ่อนตามที่ต่างๆ จากนั้นก็บีบให้ค่ายเกม Kiwiwalks ไล่เพื่อนนักวาดของผู้ออกแบบ K7 ด้วยข้อหาให้กำลังใจเพื่อนและเธอเคย retweet เรื่องสิทธิ์สตรีโดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ในการทำแท้ง
เกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์ไปกด Thumbs-down (โหวตลบ) บนหน้า Steam page ของเกม Replica (เกมที่เขาผลิต) แล้วเขียนคำวิจารณ์ทิ้งไว้ว่า "หมูป่า Megalia เป็นคนสร้างเกมนี้" และ "เฟมินิสต์ตัวเอ้สร้างเกมนี้" เพราะนักพัฒนาเกมชายชื่อ Somi เคย like และ retweet เรื่องเกี่ยวกับเพศศึกษาในโรงเรียนและออฟฟิศ
ผู้พัฒนาเกม SoulWorkers ประกาศเปลี่ยนนักวาดอิสระ 2 คนเพราะถูกเกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์กดดันให้สอบสวนว่านักวาดอิสระ 2 คนนั้นได้ retweet เนื้อหาแนว Megalia หลังประกาศเปลี่ยนผู้พัฒนาเกม SoulWorkers ได้รับของขวัญจากเกมเมอร์แอนตี้เฟมินิสต์และยอดผู้เล่นเพิ่ม 175% ในขณะที่นักวาดอิสระ 2 คนถูกขู่ทำร้าย
ทาง Korean Game Developers Guild (สมาคมผู้พัฒนาเกมเกาหลี) กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้หญิงราวๆ 10 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวาดและผู้ชายอีกราวๆ 10 คนที่ถูกโจมตีด้วยข้อกล่าวหานี้
ผู้เขียนคอลัมน์ดังกล่าวได้ถามไปทาง Korean Game Developers Guild เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวแทนสมาคมฯ ตอบว่าเพราะทั้งผู้เล่นและผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ซึ่งมักสับสนแนวคิดแบบ Megalia เฟมินิสต์กับเฟมินิสต์ทั่วไป จึงเหมารวมว่าเฟมินิสต์ทั้งหมดคือแนวคิดเกลียดผู้ชาย ฉะนั้นการที่ค่ายเกมต่างๆ หันมาร่วมโจมตีเฟมินิสต์จึงเป็นแผนการตลาดที่น่าจะทำกำไรได้ดีกว่าออกมาปกป้องหรือคอยออกมาชี้แจงกับลูกค้า ตัวแทนกล่าวอีกว่า "กลุ่มผู้บริโภคหลักคือผู้ชายวัย 40 ปีและเด็กลงมาบริษัทเกมจึงต้องมองความเป็นจริงตรงนี้ หากคุณดูเสียงตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคก็จะอนุมานได้ว่าพวกเขาเชื่อว่า "ในเมื่อเฟมินิสต์จะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของเรา เราก็ควรลิดรอนสิทธิเสรีภาพของมันก่อน" เป็นการตอบโต้ที่สมเหตุผล"
แม้ในไทยจะยังไม่มีการกดดันแบบนี้ในวงกว้างแต่ส่วนตัวผู้เขียนเองทำงานในวงการมาราวๆ 20 ปีก็ได้เจอกับการกดดันคล้ายๆ แบบนี้ ใครที่ติดตามอ่านงานของผู้เขียนมาจะทราบว่างานของผู้เขียนมักจะใช้ตัวเอกหญิงดำเนินเรื่องและตัวเอกหญิงของผู้เขียนมักถูกออกแบบไม่ให้เป็นผู้หญิงสวยตาม stereotype แต่เป็นผู้หญิงแกร่งที่ทำงานได้เพราะผู้เขียนต่อต้านการวัดคุณค่าของผู้หญิงจากความสวยเพียงอย่างเดียว
ผู้เขียนคิดว่าถึงจุดหนึ่งแม้แต่ผู้ชายเองก็ต้องมีแม่ พี่สาว น้องสาว ญาติผู้หญิง เพื่อนผู้หญิงหรือแม้แต่ลูกสาวที่ตัวเองรัก การส่งเสริมให้สังคมมองผู้หญิงเป็นคนที่มีเลือดเนื้อมีความสามารถเช่นเดียวกับผู้ชายไม่ใช่มองเป็นวัตถุทางเพศที่ต้องทำตัวสวยงามอย่างเดียวจึงน่าจะส่งผลดีต่อสังคมโดยรวมในระยะยาวมากกว่า
เพราะผู้เขียนเขียนงานด้วยแนวคิดเช่นนี้จึงมีนักอ่านหรือนักวาดหลายคนไม่พอใจโจมตีว่าผู้เขียนเป็นเฟมินิสต์ (ในความคิดเขาเฟมินิสต์คงเป็นปีศาจเกลียดผู้ชาย) โจมตีงานผู้เขียนทั้งที่ไม่เคยอ่านจบ โจมตีเรื่องส่วนตัวผู้เขียน ปล่อยข่าวลือจริงบ้างไม่จริงบ้างให้คนที่ไม่รู้จักเกลียดชังผู้เขียน ใช้อีเมลปลอมหรือล็อกอินบอร์ด-เฟซบุ๊กปลอม pm ข้อความด่าทอหยาบคาย ข่มขู่ คุกคาม และกระทั่งส่งรูปถ่ายอวัยวะเพศชายมาหาผู้เขียนเรื่อยๆ
ผู้เขียนเคยนึกทบทวนว่าเป็นความผิดของตัวเองหรือไม่จึงเกิดเรื่องแบบนี้ แต่พอสังเกตดูว่าคนนอกวงการซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักอ่านชายที่มีอายุพอสมควรอ่านงานผู้เขียนแล้วมีผลตอบรับแง่บวกกลับมา ผู้เขียนจึงรู้ว่าปัญหาไม่ได้มาจากตัวผู้เขียนแต่อยู่ที่ตัวผู้รับสารเอง
หากใครติดตามผู้เขียนมาตลอดก็คงจะเคยได้อ่านผ่านตามาแล้วว่าผู้เขียนเคยพูดถึงเรื่อง sexism ในวงการ ถึงตรงนี้ผู้เขียนขอบอกเลยว่า sexism ยังมีอยู่จริงและที่น่าเศร้าคือผู้หญิงด้วยกันเองนี่แหละบางที sexism ยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก แต่ผู้เขียนยังโชคดีที่เหล่า sexist นั้นไม่ส่งผลและกดดันให้ผู้เขียนต้องออกจากงาน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดผู้เขียนจึงไม่คาดหวังตั้งแต่แรกว่างานของตัวเองจะดังในวงกว้างหรือถูกการแปลหรือเผยแพร่และได้รับยอมรับตามที่เคยกล่าวไว้ในเฟส แต่หากถามว่าผู้เขียนจะหันไปเขียนงานแนวเอาใจตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรังแกมั้ยผู้เขียนตอบเลยว่า "ไม่" เพราะทำแบบนั้นก็เท่ากับยอมแพ้ให้กับพวก sexist และเท่ากับผู้เขียนเป็นได้แค่ "นักการตลาดที่เก่งกาจ" แบบที่ลุง Umberto Eco บอกซึ่งก็คือนักวาดตามสั่งที่ไม่สามารถสื่อแนวคิดหรือสร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้เลย
ก็ได้แต่หวังว่าเมืองไทยคงไม่เกิดกระแสต้านเฟมินิสต์หรือเกลียดชังผู้หญิงแบบต้นเรื่องมิเช่นนั้นบทบาทของผู้หญิงในสื่อหรือในทุกวงการคงถดถอยลงกว่าที่เป็นอยู่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา