24 พ.ย. 2020 เวลา 11:46 • ความงาม
My Favourite Skincare of 2020
รีวิวสกินแคร์ตัวโปรดประจำปี 2020
อีกนิดเดียวก็จะเข้าสู่ช่วงปลายปี 2020 กันแล้ว เดือนหน้าก็จะเป็นฤดูกาลของการเฉลิมฉลองและการท่องเที่ยว วันนี้เราก็จะมารีวิวและแชร์สกินแคร์ตัวโปรดของเราในปีนี้ให้เพื่อนๆ กันค่ะ เพื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนๆใช้ในการเตรียมผิวหน้าให้พร้อมในการออกไปเที่ยวเพื่อให้ได้ผิวและรูปถ่ายที่สวยงามมาอวดชาวโซเชียลกัน โดยส่วนตัวเราเป็นคนชอบใช้สกินแคร์มาก เพราะเราเชื่อว่าถ้าผิวดีแต่งหน้ายังไงก็จะออกมาดูดี เราจึงเน้นใช้สกินแคร์เยอะมาก แต่ละเดือนนี่บอกเลยว่าเสียหายไปกับสกินแคร์มากกว่าค่าเครื่องสำอางค์ไปหลายบาทเลย สำหรับสภาพผิวของเรานั้นเราเป็นคนผิวผสม คือจะมีความมันบริเวณทีโซน และผิวขาดน้ำ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิวและอาการแพ้ แต่เราจะเริ่มมีปัญหาเรื่องริ้วรอยแรกเริ่ม และนี่ก็คือ My Favorite Skincare of 2020 ของเราค่ะ
- Corine de Farme
สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ของเราจะเป็น Micellar Water ขวดสีชมพู ตัวนี้เขาเคลมว่ามีส่วนผสมของธรรมชาติ ทำให้อ่อนโยน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย สำหรับเราพอเราใช้ เรารู้สึกว่ามันอ่อนโยนจริงนะ ตัวผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอมของดอกพีโอนี ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเวลาเช็ดหน้า รู้สึกเพลินมากเช็ดได้เรื่อยๆ หลังจากเช็ดเครื่องสำอางเสร็จก็รู้สึกได้เลยว่าผิวชุ่มชื้น ไม่ได้รู้สึกว่าผิวแห้งเลย คือมันยังทิ้งความชุ่มชื้นไว้บนผิว พอลองจับๆหน้าดูก็คือผิวจะมีความนุ่มด้วย สำหรับประสิทธิภาพในการเช็ดเครื่องสำอางเราว่าตัวนี้เช็ดได้สะอาดดีนะ พวกรองพื้น คอนซีลเลอร์คือหลุดหมด แต่พวกมาสคาร่ากับอายไลน์เนอร์ หรือลิปสติกที่ติดทนมากๆจะเช็ดไม่ค่อยออกต้องใช้ Makeup Remover ตัวอื่นช่วยตลอด คือทุกอย่างดีหมดยกเว้นแค่เช็ดพวกเครื่องสำอางค์ที่ติดทนมากๆไม่ค่อยออก สำหรับตัวนี้เราเลยให้ 4/5 คะแนน
- Kiehl’s Calendula Deep Cleansing Face wash
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ชูจุดเด่นเรื่องส่วนผสมที่มีสารสกัดจากดอกคาเลนดูล่า (Calendula Flower Extract) ซึ่งสารสกัดจากดอกคาเลนดูล่าถูกใช้ในแวดลงอุตสาหกรรมความงามมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว จุดเด่นของสารสกัดตัวนี้ก็คือพลังในการรักษาการอักเสบของแผล เหมาะอย่างมากกับคนที่มีปัญหาสิว ช่วยลดรอยแดงจากสิว และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น นอกจากนี้สารสกัดจากดอกคาเลนดูล่ายังมีสาร flavonoids ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับผิวอีกด้วย สำหรับคลีนซิ่งตัวนี้เราซื้อมาใช้ครั้งแรกก็คือตกหลุมรักมากๆ คือมันเป็นคลีนซิ่งที่ทำให้ผิวเรารู้สึกสะอาดแต่ผิวไม่แห้ง มีกลิ่นหอมช่วยให้ผ่อนคลาย คะแนนสำหรับตัวนี้ก็คือเอาไปเลย 5 คะแนนเต็มไม่หัก
- St.Ives Fresh Skin Apricot Scrub
เราซื้อสครับตัวนี้เพราะเขาได้รับรางวัลเยอะมากไม่ว่าจะเป็น Allure Readers' Choice Awards 2014 เป็นสูตรไม่มีส่วนผสมของพาราเบน และน้ำมัน ครั้งแรกที่ใช้รู้สึกว่ามันไม่ถูกกับหน้าเรา หน้าเรามีตุ่มเล็กๆคล้ายสิวขึ้นและรู้สึกแสบเล็กน้อยหลังใช้ เลยไม่หยิบมาใช้พักนึง พอหยิบมาใช้ครั้งที่สองปรากฎว่าอ้าว..ก็ดีนี่ รู้สึกหน้าสะอาดขึ้นมาเลย มันช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพออก หน้าดูกระจ่างใส เรียบเนียนทันทีเลย ตอนนี้ก็คือกลายเป็นสครับลูกรักไปแล้ว เราใช้สครับผิวอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ผลลัพธ์หลังจากใช้อย่างต่อเนื่องก็คือผิวเรียบเนียนขึ้นมาก สิวอุดตันกับสิวเสี้ยนบริเวณจมูกก็ลดน้อยลงด้วย จนตอนนี้ก็ยังแอบงงอยู่ว่าทำไมครั้งแรกใช้แล้วแสบหน้า เลยอุปทานไปว่าคงจะเป็นเพราะผิวหน้าปรับตัวไม่ทัน5555 คะแนนสำหรับตัวนี้เราเลยให้ 4.5 เต็ม 5 คะแนนค่ะ
- Thayers Witch Hazel Rose Petal Toner
เชื่อว่าโทนเนอร์ของแบรนด์นี้น่าจะอยู่ในใจของหนุ่มๆสาวๆหลายคนอยู่แล้ว และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยจุดเด่นของโทนเนอร์แบรนด์นี้ก็คือ เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทำให้คนที่มีผิวบอบบาง และผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ มีสารสกัดจาก Witch Hazel Extract ซึ่งมีสาร Antioxidant ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ช่วยลดการสร้างน้ำมันใต้ผิว และมีสาร Tannin ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ช่วยลดอาการอักเสบ และยับยั้งแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมีหลากหลายกลิ่นอีกด้วย สำหรับคนที่กังวลเรื่องว่าจะแพ้น้ำหอมหรือเปล่า จะบอกว่าสูตรที่ไม่มีกลิ่นเขาก็มีให้นะ สำหรับโทนเนอร์สูตรที่เราเลือกใช้ก็คือสูตร Rose Petal ซึ่งเหมาะสำหรับผิวผสมอย่างเรา โดยใช้หลังจากล้างหน้า จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยทำความสะอาดและกระชับรูขุมขน หลังจากใช้โทนเนทอร์ตัวนี้เป็นประจำ เราแทบไม่มีสิวมาบุกเลย นอกจากนี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก ทำให้พวกแผลบนใบหน้าหายเร็วขึ้น และรอยแผลดูจางลง นอกจากใช้เป็นโทนเนอร์แล้วสามารถ DIY ใช้มาส์กผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น โดยเทลงบนสำลีแล้วแปะลงบนผิวหน้าทิ้งไว้สัก 5-10 นาที ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นและแต่งหน้าติดทนกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถใช้เป็น mist ใช้สเปรย์ผิวหน้าระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อีกด้วย
- ORIGINS Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion
น้ำตบเห็ดตัวดังที่ใครก็ต้องรู้จัก สำหรับน้ำตบตัวนี้จะมีส่วนผสมหลักๆคือ เห็ดหลินจือ เห็ดถั่งเช่า และเห็ดชาก้า ซึ่งอุดมไปด้วยสาร Antioxidant ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ และชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) โดยตัวซีบัคธอร์น จัดเเป็นเบอร์รี่ ที่มีวิตามินซีสูง โดยมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง12เท่า ช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำร้ายโดยแสงUV และช่วยฟื้นฟูผิวไหม้จากแดดได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอย่างเบต้าเคโรทีน และไลโคปีนช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดการทำงานของเมลานิน ทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส เนื้อของน้ำตบตัวนี้จะเป็นเนื้อเหลวใสเหมือนน้ำ สำหรับเราหลังจากใช้น้ำตบตัวนี้แล้วรู้สึกผิวแข็งแรงขึ้นดูสุขภาพดี ผิวหน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้น ส่วนตัวเราชอบกลิ่นของน้ำตบตัวนี้มาก ระหว่างใช้รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ โดยน้ำตบตัวนี้จะมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากธรรมชาติ โดยจะมีน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มแมนดาริน ดอกลาเวนเดอร์ แพทชูรี่(พิมเสน) และเจอร์เรเนี่ยม จะเห็นได้ว่ามีส่วนผสมจากน้ำมันหอมระเหยอยู่พอสมควรเลย หากใครแพ้น้ำหอมอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ หรือลองซื้อแบบขวดทดลองมาใช้เพื่อทดสอบอาการแพ้ก่อนนะ
- Aesop Parsley Seed Anti-Oxidant Serum
เซรั่มจากแบรนด์ดังสัญชาติออสเตรเลีย เซรั่มตัวนี้จะเน้นคัดเลือกส่วนผสมที่มีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอยก่อนวันอันควร โดยส่วนประกอบหลัก (Key ingredients) ของเซรั่มตัวนี้ประกอบไปด้วย Grape Seed, Panthenol, Parsley Seed โดยตัว Grape Seed ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมสาร Antioxidant ชั้นดี ช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เสริมความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่เกิดริ้วรอยง่าย ส่วน Panthenol เป็นวิตามินบี มีชื่อเรียกว่ากรดแพนโทเทนิก (Pantothenic acid) ซึ่งอยู่ในรูปแอลกอฮอล์ มีความสามารถในการกักเก็บความชื้นได้ดี ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิว และส่วนผสมหลักอีกตัวก็คือ Parsley seed โดยตัว Parsley ถือเป็นสมุรไพรที่อุดมไปด้วยสาร Antioxidant ซึ่งช่วยในการดักจับสารจำพวกอนุมูลอิสระที่ทำลายผิวและ วิตามิน ซี (Vitamin C) ที่ช่วยในเรื่องของความกระจ่างใสของผิวหน้า นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลของการผลิตน้ำมันบนผิว ไม่ทำให้ผิวมัน ช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง ลดอาการระคายเคือง โดยตัวเซรั่มจะเป็นเนื้อใส เนื้อจะเป็นออยล์ค่อนข้างเหลว ซึมเข้าผิวค่อนข้างเร็ว หลังจากใช้รู้สึกว่าหน้ากระจ่างใสขึ้นชัดเจนมาก ผิวดูแข็งแรง ชุ่มชื้น และแต่งหน้าง่ายขึ้นสำหรับเรื่องริ้วรอยเรายังไม่แน่ใจว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน เพราะส่วนตัวเริ่มมีริ้วรอยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา แต่เราใช้เซรั่มตัวนี้เฉพาะบริเวณผิวหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ถ้ามีโอกาสได้ลองตัวที่เป็น Eye serum ไลน์parsley seed ของแบรนด์นี้เราจะมารีวิวให้อีกทีนะคะ แต่โดยรวมคือพอใจมาก ผลลัพธ์ที่ได้คือดีกว่าที่คิดไว้เลย มีช่วงหนึ่งที่ใช้เซรั่มตัวนี้คู่กับ Charins Double Serum ผลลัพธ์คือผิวดีมากไปเดินห้างแบบเปลือยหน้าสดก็ยังมั่นใจ
- Graymelin Galactomyces Fremented Filtrate
มาที่เซรั่มแบรนด์ดังจากเกาหลีกันบ้าง เราซื้อตัวนี้เพราะเขาเคลมว่ามีส่วนผสมตัวเดียวกันกับน้ำตบพิเทร่าตัวดังของ SK-II โดยเซรั่มGraymelinตัวนี้มีสารสกัดGalactomyces ที่หมักบ่มจากยีสต์สกุล Galactomyces Ferment Filtrate เป็นสารในกลุ่มเปปไทด์ มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับผิวของมนุษย์ ช่วยเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง กระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิว ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะผลัดเซลล์ผิวเองทุก 28 วัน แต่เมื่ออายุของคนเรามากขึ้น ความสามารถและประสิทธิภาพการแบ่งตัวของเซลล์จะลดน้อยลง เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วมักจะเกาะรวมกันและหลุดลอกออกไปยากขึ้น ทำให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ยากขึ้น จึงทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน และปัญหาผิวต่าง ๆ เซรั่มตัวนี้จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูเต็มขึ้น ดูสว่างขึ้น สำหรับเราหลังจากได้ลองใช้แล้วยืนยันได้เลยว่า ผิวดูเรียบเนียนขึ้นจริงๆ รูขุมขนดูกระชับขึ้น เวลาเอามือลูบผิวหน้าแล้วรู้สึกว่าหน้าเนียนมากๆ และผิวไม่แห้งด้วย เราใช้เซรั่มตัวนี้เป็นตัวแรกหลังจากลงน้ำตบ และมาส์กหน้าในตอนกลางคืน เนื่องจากเนื้อขงตัวเซรั่มตัวนี้จะเหลวมากกว่าตัวอื่นที่เราใช้ หยดแล้วไหลบนหน้าเลย ต้องรีบเกลี่ยให้ซึมเข้าผิว เราใช้เซรั่มตัวนี้ควบคู่กับตัว Astaxanthin รู้สึกว่าสองตัวนี้ทำงานเข้ากันได้ดีเลย แนะนำสำหรับคนที่อยู่ในวัย 20-30 ปี หรือในช่วงที่มีริ้วรอยแรกเริ่ม ราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเคาท์เตอร์แบรนด์อื่น แต่ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจเลย แต่ถ้าหากใครที่มีริ้วรอยให้เห็นชัดเจน ต้องการเซรั่มที่ฟื้นฟูผิว และลดเลือนริ้วรอยแบบจัดหนักจัดเต็มเราว่าแค่เซรั่มตัวนี้ตัวเดียวน่าจะช่วยได้ไม่มาก
- Graymelin Astaxanthin Stemcell Serum
สำหรับเซรั่มตัวนี้ เขาจะมีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมที่เป็น Astaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 500เท่า สกัดจากสาหร่ายหิมะสีแดง ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย ตัวเซรั่มบรรจุมาในขวดสีชา เนื้อเซรั่มจะมีสีส้ม ตอนบีบออกมาจะไม่เหลวเหมือนตัว Galactomyces แต่พอเกลี่ยลงบนหน้าก็ซึมเข้าผิวได้ง่ายไม่ต่างกัน และไม่เหนียวเหนอะหนะเลย ใช้คู่กับตัวGalactomyces ผิวดูเรียบเนียนเด้งมาก ใครที่อยากหาเซรั่มช่วยลดเลือนริ้วรอยแต่ไม่อยากสู้ราคาแพง เซรั่มตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สามารถใช้ได้เหมือนกัน อ้อ..และจะบอกว่าปกติเซรั่มของแบรนด์นี้จะมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่ตลอดเลยนะ เราซื้อมาจากKonvy ในราคาขวดแค่ 450 บาทเท่านั้น หรือจะหาซื้อจาก Beauty Store ชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Watsons, Eveandboy หรือ Beautrium สาขาใกล้บ้านก็ได้นะ
- Origins Original Skin Matte Moisturizer with Willowherb
สำหรับมอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูตรนี้เขาเคลมว่า เป็นสูตร oil-free ปราศจากน้ำมัน เมื่อทาลงบนผิวจะกลายเป็นเนื้อแมทเนื่องจากมี Mattifying technology ช่วยในการเคลือบผิวและดูดซับความมัน ลดเลือนรูขุมขน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและมอบผิวลุคแมท พร้อมช่วยให้ลงรองพื้นง่าย และติดทนมากขึ้น เรียกว่าเป็นทั้งมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และไพรเมอร์ไปในตัวเลย มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ตัวนี้มีส่วนผสมที่โดดเด่นของ Epilobium Angustifolium Flower\Leaf\Stem Extract หรือที่รู้จักกันในชื่อ Willowherb ดังที่ทางแบรนด์ชูจุดเด่นเอาไว้เลย โดยส่วนผสมตัวนี้มีจุดเด่นในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดอาการอักเสบระคายเคืองของผิว หลังจากใช้เรารู้สึกว่าหน้าเราดูเนียนมาก เหมือนผิวเด็กเลย ชอบที่มันทำให้ผิวเราดูไม่มันคือให้ลุคแมทเต็มที่สุดๆเลย ช่วยให้หน้ากระจ่างใส และช่วยเบลอรูขุมขนด้วยทำให้ผิวดูนัวๆสวยมาก แต่ด้วยความที่มันมี Mattifying technology เคลือบผิว และเนื้อเจลเป็นเนื้อซิลิโคน ส่วนตัวทำให้รู้สึกว่าครีมมันไม่ค่อยซึมลงไปในผิว ถ้าทาสกินแคร์บางตัวต่อหลังจากทาครีมตัวนี้มีโอกาสที่สกินแคร์สองตัวมันจะจับกับเป็นก้อนแล้วลอกออกมาเลย อาจจะต้องใช้เวลาสักพักในการรอให้ครีมมันเซ็ตตัว แล้วค่อยลงสกินแคร์ตัวอื่นตาม
- Himalaya Under-Eye Cream
อายครีมตัวนี้เป็นตัวที่เราใช้เป็นประจำเลย อายครีมตัวนี้เป็นอายครีมจากประเทศอินเดีย โดยจุดเด่นของ Himalaya Herbals คือส่วนผสมสมุนไพรและพืชในธรรมชาติ ทำให้อ่อนโยนต่อผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดธรรมชาติเช่น Winter Begonia ที่มีสรรพคุณในการลดเลือนริ้วรอย และรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาและ Cipadessa Baccifera ที่ช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาให้ชุ่มชื่นนุ่มเนียน ตัวเนื้อครีมเกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น สำหรับเราผลลัพธ์หลังจากใช้ก็คือ ช่วยให้ผิวรอบดวงตาชุ่มชื่นจริง ความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาลดน้อยลง แต่เราเป็นคนที่ใต้ตาเป็นตาแพนด้ามากเนื่องจากเป็นภูมิแพ้ ทำให้อายครีมตัวนี้ช่วยไม่ได้มาก ถ้าวันไหนนอนไม่พอตื่นมาตาก็ยังเป็นแพนด้าอยู่ดีค่ะ ส่วนเรื่องริ้วรอยเล็กๆใต้ตาเราว่าไม่ค่อยช่วยนะคะ
- Dragon’s Blood Scar Gel
Scar Gel ตัวนี้เป็นยารักษารอยสิวที่เรารักมากค่ะ Scar gel ตัวนี้มีสารสกัดดราก้อนบลัด จากต้น Croton Leacheri ที่มีแหล่งกำเนิดจากป่าดงดิบอะมาซอน ประเทศเปรู โดยในอดีตชาวอินคาจะใช้ยางดิบ ที่เรียกว่า Dragon’s Blood จากต้น roton Leacheri มาช่วยสมานแผล ที่ช่วยต้านการอักเสบและช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นและช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับสู่สภาพเดิม อีกทั้งยังทำงานควบคู่กับ Allium Cepa หรือสารสกัดจากหัวหอม เพื่อลดรอยแผลเป็น ช่วยลดเลือนรอยแดงและรอยจุดด่างดำ ให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส หลังจากใช้scar gel ตัวนี้ แผลจากสิวของเราหายเร็วมาก ที่เขาเคลมว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2 สัปดาห์ก็คือไม่เกินจริง แผลจากสิวตกสะเก็ดเร็ว พวกรอยดำจากสิวจางลงเร็ว เรียกว่าถ้าไม่ไปแกะหรือเกาจนเป็นแผลใหญ่ภายใน 2-3 สัปดาห์ก็ไม่เห็นรอยแล้ว
- Vaseline Lip Therapy Rosy Lips
เป็นลิปบำรุงริมฝีปากที่หลังจากใช้แล้วไม่สามารถเปลี่ยนใจไปใช้แบรนด์อื่นได้เลย ถึงแม้กระปุกเหมือนจะดูเล็กแต่ใช้งานได้นานมาก สามารถใช้ทาได้ทั้งเช้า-เย็น หรือระหว่างวันเลย ผลิตจากปิโตรเลียมเจลลี่แท้ มีกลิ่นกุหลาบ พอลงลงบนริมฝีปากช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้นทันที ไม่แห้งแตก และยังให้ริมฝีปากมีสีชมพูอ่อนๆน่ารักมาก ขอบอกว่าสรรพคุณที่บรรยายมาคือไม่เกินจริง เราเคยเป็นปากแห้งและแตกหนักมากตอนไปเรียนซัมเมอร์ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งอากาศที่นั่นคือหนาวมาก และเราเป็นคนดื่มน้ำน้อย ทำให้ปากเราแห้งแตกและเป็นปากนกกระจอก จำได้ว่าตอนนั้นเราใช้ชีวิตลำบากมากจะทานอะไรก็แสบปาก เราเลยไปหาเภสัชกรขายยาในร้าน Walgreens เพื่อขอซื้อยาทาแผลในช่องปากมาทา ปรากฎว่าเขาไม่สามารถขายให้เราได้เนื่องจากต้องมีใบสั่งยาจากคุณหมอก่อน เพราะสาเหตุของปากนกกระจอกมาจากหลายสาเหตุ และอาจมาจากการติดเชื้อได้ เราผู้ซึ่งไม่อยากไปหาคุณหมอเพราะคิดว่าน่าจะโดนค่ารักษาพยาบาลแพงแน่ๆ เลยพยายามหาลิปบาล์มมาทาปากไว้ก่อน และดื่มน้ำเยอะๆแทน สุดท้ายโชคชะตาก็ทำให้เราได้มาเจอกับลิปตัวนี้ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ลิปตัวนี้ทำช่วยให้ปากเราหายกลับมาเป็นปกติในเวลาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ จริงๆภายใน3วันก็สามารถทานอาหารแบบไม่ทรมานตัวเองได้แล้ว หลังจากนั้นมาสาวจากเมืองร้อนคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปใช้ลิปบาล์มตัวอื่นอีกเลย 55555
- Graymelin Natural 100% Facial Oil
ตัวนี้จะเป็นออยล์เซรั่มสูตรออแกนิกส์ อุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ผสาน Jojoba Oil, Apricot Seed Oil, Argan Oil และออยล์อื่นๆ อีกหลายชนิด เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอ่อนเยาว์ สุขภาพดี สามารถใช้บำรุงได้ทั้งใบหน้า เล็บและเส้นผม หรือจะผสมกับครีมหรือรองพื้น อ่อนโยน ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ปราศจากน้ำหอม สี พาราเบน แอลกอฮอล์และมิเนอรัลออยล์ เราจะใช้ออยล์ตัวนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการลงสกินแคร์เลย ผลที่ได้คือตอนเช้าตื่นมาหน้าจะนุ่ม ชุ่มชื้นมาก หน้าไม่มัน ในตอนกลางวันออยล์ตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนใบหน้าด้วยช่วยให้หน้าไม่มันขึ้น ถ้าถามว่าระหว่างวันหน้ามันไหม ขอตอบว่าต้องมีหน้ามันบ้างเป็นธรรมดา ยิ่งถ้าอากาศร้อนๆแบบเมืองไทยก็จะยิ่งมัน แต่หลังจากใช้ออยล์ตัวนี้ก็รู้สึกว่าหน้ามันน้อยลงนะ แต่ก็ยังคงมีความมันอยู่ สำหรับสาวที่กังวลว่าถ้าหน้ามีความมันไปกลัวแต่งหน้าไม่ติดทน เพราะอากาศบ้านเรามันก็ร้อนเหลือเกินก็สามารถใช้บำรุงแค่ช่วงตอนเย็นก็ได้ค่ะ
- Ariul 7 Days Mask
มาส์กจากเกาหลีแบรนด์นี้เป็นตัวที่เราชอบมาก แต่ก็ยังแปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยมีรีวิวเกี่ยวกับแบรนด์นี้เท่าไหร่ สำหรับมาส์กไลน์นี้ เขาจัดออกมาเป็น 7 days mask คือจะมีทั้งหมด 7 สูตร แต่วันนี้เราคัดเอามาเฉพาะสูตรที่เราใช้บ่อยสุด และชอบสุดนะคะ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 สูตรค่ะ คือ Lemon, Tea tree และ Green tea ค่ะ
สูตร Lemon จะช่วยเรื่องของความกระจ่างใส ช่วยให้หน้าดูสว่างขึ้น
สูตร Tea tree จะช่วยเรื่องของการทำความสะอาดผิวหน้า และควบคุมความมัน
สูตร Green tea ช่วยเรื่องของการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก ทำให้หน้าเรียบเนียนขึ้น
แผ่นชีทมาส์กของเขา จะใช้วัสดุจากธรรมชาติที่สกัดจากต้นยูคาลิปตัส ให้สัมผัสที่เนียนนุ่ม อ่อนโยนต่อผิว เส้นใยผ่านการทดสอบ โดยสามารถเกาะผิวได้ดี เพื่อให้ตัวเอสเซนส์ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ให้ความชุ่มชื้นและสารอาหารผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราชอบที่แผ่นมาส์กของเขานุ่มมาก กลิ่นหอมช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ ที่สำคัญคือพอตื่นนอนมาตอนเช้าแล้วรู้สึกผิวนุ่ม เรียบเนียนมากๆ แต่ข้อเสียก็คือในซองมาส์กเขาจะให้เนื้อเอสเซนส์มาค่อนข้างน้อย สำหรับใครที่ชอบเอาเนื้อเอสเซนส์ที่เหลือมาทาคอทาแขนอาจจะต้องผิดหวัง แต่สำหรับเรามาส์กตัวนี้เป็นมาส์กลูกรักของเราเลย ต้องซื้อไว้ใช้ทุกเดือนเลยค่ะ
- Sulwhasoo First Care Activating Mask
มาส์กที่รวบรวมส่วนผสมของสมุนไพรโบราณที่ได้ถูกบันทึกไว้ในตำราสมุนไพรจีน The Compendium of Materia Medica (本草纲目) ที่ถูกเขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง และตำรา The Classic of Herbal Medicine (神农本草经) ซึ่งเป็นตำราที่รวบรวมสมุนไพรโบราณที่มีการถ่ายทอดความรู้กันมาแบบปากต่อปาก โดยทางแบรนด์ได้ทำการศึกษาสมุนไพรโบราณกว่า3,000 ชนิด และได้คัดเลือกสมุนไพรจำนวน 5 สายพันธุ์ที่สามารถทำงานเข้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ รากโกฐขี้แมว (Rehmannia Glutinosa Root Extract), รากโบตั๋นจีน (Paeonia Albiflora Root Extract), สารสกัดจากดอกบัว (Nelumbo Nucifera Flower Extract), สารสกัดจากดอกลิลี่ขาว (Lilium Candidum Bulb Extract) และ โซโลมอนส์ซีล (Polygonatum Officinale Rhizome/Rootextract) เกิดเป็น JAUM Balancing Complex™ ส่วนผสมเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวของ Sulwhasoo ที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ช่วยปรับสมดุลให้ผิว และช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส แผ่นมาส์กทำจากเส้นใยผ้าฝ้ายที่ให้ความอ่อนนุ่มและกระชับรับกับใบหน้าได้ดี ทางแบรนด์เขาบอกว่าการมาส์กSulwhasoo First Care Activating Mask เพียง 1 แผ่น สามารถให้การบำรุงที่เข้มข้นเทียบเท่ากับการใช้ Sulwhasoo First Care Activating Serum มากถึง 1/3 ขวด โดยเนื้อเซรั่มที่อยู่ในซองจะออกสีน้ำตาลส้มๆ มีกลิ่นของสมุนไพรชัดเจน หลังจากการใช้พบว่าผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น ผิวชุ่มชื้นขึ้น ดูสุขภาพดี ช่วงไหนที่หน้าโทรมหรือนอนดึก ใช้มาส์กตัวนี้แล้วตื่นนอนมาผิวหน้าจะดูไม่โทรมเลย
- Huxley Secret of Sahara Sleeping Mask
ตัวนี้เป็นSleeping Mask แบรนด์ดังจากเกาหลีที่กำลังมาแรงมากๆอีกตัวหนึ่ง โดยตัวSleeping Mask ตัวนี้มีส่วนผสมที่โดดเด่นคือ Sahara Prickly Pear Seed Oil ซึ่งเป็นน้ำมันสกัดบริสุทธิ์จากเมล็ดของผลต้นกระบองเพชรที่ชื่อว่าPrickly Pear Cactus โดยน้ำมัน Sahara Prickly Pear Seed Oil นั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ได้มีเพียงแต่กรดอะมิโนทุกประเภทเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยโทโคฟีรอล(ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E มากกว่า400 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันมะกอก), กรดไขมันโอเมก้า 6 และ 9, กรดไลโนเลอิก, ฟลาโวนอยด์ และบีตา-แคโรทีน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาต่อต้านการอักเสบโดยน้ำมันสกัดธรรมชาติจากต้นกระบองเพชรพริคลีย์ แพร์ นั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องและคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ว่ากันว่ากว่าจะได้น้ำมันจากเมล็ดของต้นPrickly Pear Cactusจำนวน 1 ลิตร ต้องใช้เมล็ดPrickly Pearที่ทำการคัดแยกด้วยมือกว่า 1 ล้านเมล็ด ซึ่งทาง Huxley เลือกใช้เฉพาะเมล็ดที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็นและได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น เพื่อรักษาสารต้านอนุมูลอิสระให้คงประสิทธิภาพสูงสุด เนื้อสัมผัสเป็นเนื้อเจล เวลาทาไม่รู้สึกหนักหน้าเลย หลังจากเราได้ลองใช้แล้วมีความรู้สึกว่าหน้าจะเย็นๆ ตื่นมาตอนเช้าผิวนุ่ม ชุ่มชื้นมาก รู้สึกชอบผิวตัวเองมาก ตอนนี้เรายกให้ตัวนี้กลายเป็นSleeping mask เบอร์หนึ่งในใจของเราเลย
- Shangpree Ginseng Berry Eye Mask
มาส์กบริเวณรอบดวงตาตัวนี้เป็นมาส์กตัวดังจากเกาหลีที่อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดผลโสมเกาหลีที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวบริเวณรอบดวงตา ตัวมาส์กจะเป็นแผ่นไฮโดรเจลที่มอบความชุ่มชื่นให้กับผิว และช่วยลดอุณหภูมิของผิวบริเวณที่ใช้ ช่วยให้ผิวดูดซึมเซรั่มได้ง่ายยิ่งกว่าแผ่นมาส์กแบบทั่วไป หลังจากเราได้ลองใช้แล้วพบว่าผิวบริเวณใต้ตาดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยช่วยเรื่องริ้วรอยนะคะ เรื่องริ้วรอยเราว่าเหมาะกับคนที่ยังไม่มีริ้วรอยใต้ตาเลยมากกว่า เราเริ่มมีริ้วรอยบ้างแล้วเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ลดลงเลย ริ้วรอยใต้ตาเราเลยเน้นใช้เซรั่มสำหรับผิวใต้ตาที่มีริ้วรอย กับดื่มน้ำเยอะๆเอา เพราะผิวที่ขาดน้ำจะยิ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น และเห็นริ้วรอยได้ชัดขึ้น แต่เราชอบความรู้สึกตอนใช้มาส์กตัวนี้มาก ผิวจะรู้สึกเย็นๆสดชื่นมาก เราเน้นใช้อันนี้ในเพื่อช่วยเรื่องของความหมองคล้ำมากกว่าค่ะ
นี่ก็คือทั้งหมดของสกินแคร์ตัวโปรดที่เราใช้เป็นประจำในปีนี้ และอยากเอามาแบ่งปันกับทุกคนค่ะ สำหรับปีหน้า 2021 สกินแคร์ตัวโปรดจะเป็นตัวไหน เครื่องสำอางค์ตัวไหนปัง เราจะมาคอยอัพเดตให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ และสำหรับใครที่ไม่อยากพลาดเทรนด์ความงาม ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพดีดี อย่าลืมติดตามเพจ Beauty Not Fool กันนะคะ
โฆษณา