Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Footballclub
•
ติดตาม
26 พ.ย. 2020 เวลา 01:40 • สุขภาพ
🔥🔥🔥ดวงตา2ข้างสำคัญไฉน👀
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับดวงตาของผมเองครับ😊
เมื่อก่อนผมมีปัญหาเรื่องสายตา มองไม่ชัดและรู้สึกได้ว่าตัวเองน่าจะสายตาสั้น แต่ก็ไม่ได้สนใจตัวเองมากนัก ทนเพ่งสายตาเรียนหนังสืออยู่นานหลายเดือน กลับบ้านมา รู้สึกปวดหัวแทบทุกวัน เลยตัดสินใจไปตรวจวัดสายตา
สิ่งที่หมอเห็นและตกใจทันที ผมเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
ผมมอง เลข 8 5 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดไม่เห็น
ผมมอง เลข 8 5 ไม่เห็นเลยครับ เลยรู้สึกตกใจว่า สายตาเราสั้นขนาดนี้เลยเหรอ สั้นประมาณ 300++
คุณหมอบ่นใหญ่เลยครับ ว่า ปล่อยให้ตัวเองสายตาสั้นขนาดนี้โดยที่ไม่เคยใส่แว่นเลยได้ยังไง แล้วใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง
ผมก็ได้แต่ฟังและไม่โต้เถียงอะไร
เพราะจริงๆแล้ว ผมไม่อยากใส่แว่น เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบทำอะไร ต้องรู้สึกว่ามันคล่องตัว สบายตัว ไม่ต้องมาระวังเรื่องแว่นที่สวมอยู่ ประกอบกับเป็นคนชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นประจำ เลยรู้สึกว่าแว่นมันไม่สำคัญขนาดนั้น
แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มทนไม่ไหว เลยบอกแม่ว่า มองไม่ชัดมานานแล้ว แต่ไม่อยากใส่แว่น แม่เลยพาไปปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีอย่างไรบ้าง
หมอแนะนำว่ามี 2 แนวทาง คือ ทำ เลสิก กับ prk
ก่อนอื่น ขออธิบายว่า PRK คืออะไรก่อนนะครับ
เลสิกและ PRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นการรักษาสายตาผิดปกติด้วยแสงเลเซอร์ แต่ต่างกันที่เลสิกมีการแยกชั้นกระจกตา แต่ PRKไม่ต้องแยกชั้นกระจกตา แต่ใช้แสงเลเซอร์ปรับผิวกระจกตาโดยตรง เมื่อปรับความโค้งเสร็จแล้วจึงปิดแผลด้วยคอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ เพื่อรอให้ผิวด้านบนกลับมาคลุมเหมือนเดิม แล้วจึงนำคอนแทคเลนส์ออก ดังนั้นการทำเลสิกจะมีข้อดีกว่าการทำ PRK ตรงที่เลสิกจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตาหลังผ่าตัดมากกว่า ไม่ค่อยมีอาการเคืองหรือปวดตา และสายตาจะกลับคืนเป็นปกติได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเร็วกว่าการทำผ่าตัดด้วยวิธี PRK
ผมเลือกทำการรักษาด้วย prk เพราะราคา ณ ตอนนั้นอยู่ที่ 30000บาท แต่ เลสิกราคาจะอยู่ที่ 50000++
หลายคนที่อ่านมาจนถึงนะตอนนี้ อาจจะมีความคิดที่อยากจะรักษาสายตาด้วยวิธี prk อยู่ ต่อไปผมจะขอแชร์ประสบการณ์โดยตรงให้ทุกคนได้ลองพิจารณาและ ไว้เป็นข้อมูลความรู้นะครับ
เมื่อเข้าไปถึงคลินิค หมอก็ทำการวัดสายตาปกติ วัดจากการอ่านป้ายตัวเลข เหมือนกับที่เราไปวัดสายตาตามร้านขายแว่นทั่วไปเลยครับ ใส่แว่นที่เปลี่ยนเลนส์ได้ แต่ต่างกันตรงที่ความใส่ใจในการถามคนไข้ ว่ารู้สึกอย่างไร ถามย้ำแล้วย้ำอีก จนกว่าจะแน่ชัด ก่อนจะไปตรวจด้วยเครื่องวัดสายตา วัดความดันตา อันนี้ผมไม่มั่นใจว่าเค้าเรียกว่าเครื่องอะไร ต้องขออภัยด้วยครับ55555😂😂🤣
เมื่อวัดสายตาเสร็จแล้ว ก็เข้าไปที่ห้องผ่าตัด คุณหมอเป็นกันเองมากครับ เป็นหมอผู้ชาย พูดคุยตลกดี คุณหมอใช้เทปกาว แปะรอบๆดวงตา แปะหนังตาไว้ไม่ให้เรากะพริบตา คุณหมอจะได้ทำงานได้สะดวก
มันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกดีครับ เรารู้ว่ากะพริบตา แต่ตาไม่หลับ
ก่อนจะเริ่มหมอหยอดน้ำตาเทียมลงไปในตาก่อน บอกว่ามันเป็นยาชา หลังจากนั้นหมอก็ใช้มีดหรืออะไรไม่รู้ ผมมองไม่ถนัด มาขูดบริเวณตาดำ แต่ไม่รู้สึกเจ็บนะครับ เพราะฤทธิ์ของยาชา ขูดไปแล้วตาข้างนั้นนี่มองไม่ชัดเลยครับ เบลอไปหมด ขนาดนิ้วมือหมอยังมองไม่เห็นเลย
วิธีการทำprk
พอหมอลอกผิวกระจกตาทั้งสองข้างออกแล้ว ก็ทำการยิงเลเซอไปที่ตาดำ จะมีเลเซอสีแดงกับเขียว หมอจะยิงมา แล้วบอกให้เรามองตาม เหมือนระบายสีเลยครับ คิดว่าจุดเลเซอเป็นเหมือนปากกาในโปรแกรมวาดภาพ ระบายให้เต็มกรอบ หมอก็จะบอกให้เรามองตามเลเซอ อย่าขี้เกียจมอง ขี้เกียจคือมันรู้สึกเมื่อยตา และตาแห้ง แล้วเราก็จะหยุดมองมัน เหมือนสมาธิหลุด คุณหมอก็ต้องเริ่มยิงใหม่ตั้งแต่ต้น ผมหยุดมองไปครั้งนึก คุณหมอก็ต้องเริ่มใหม่ ฮ่าๆๆๆ😅😅
หลังจากยิงเลเซอแล้ว หมอก็ใช้คอนแทคเลนส์แบบที่ไม่มีค่าสายตามาปิดที่ตาดำไว้ เหมือนดวงตาเราเป็นแผล คอนแทคเลนส์ก็เหมือนเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลนั่นแหละครับ
เท่านี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้ว พอออกห้องผ่าตัดมา มองไปรอบข้าง รู้สึกว่าเหมือนได้เจอโลกใบใหม่ มันสว่างขึ้นชัดเจนกว่าเมื่อก่อนอย่างกับได้ดวงตาใหม่เลยครับ แต่ก็ไม่ถึงขั้นชัดเหมือนคนสายตาปกติ เพราะดวงตาพึ่งทำมาใหม่ คุณหมอก็ให้ที่ครอบตาปิดเอาไว้กันกระแทก แรกๆก็รู้สึกว่า ทำprk ไม่เห็นจะเจ็บปวดเหมือนที่ใครเค้าเล่ากันมาเลยครับ
พอยาชาหมดฤทธิ์เท่านั้นแหละครับ ความทรมานที่แทบจะลงไปนอนดิ้นกับพื้นก็เกิด มันปวดมากๆเลยครับ ปวดถึงขั้นลืมตาไม่ได้ น้ำตาไหลตลอดเวลา กลับถึงบ้าน ข้าวไม่ต้องกิน น้ำไม่ต้องอาบกันเลยครับ อยากกินยาแก้ปวดทั้งหมดทุกเม็ดที่คุณหมอให้มา ณ ตอนนั้นเลย ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 7วัน ก่อนคุณหมอนัดไปเอาคอนแทคเลนส์ที่ใส่ไว้ออก 3วันแรกทรมานมาก ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนอนอยู่นิ่งๆ แค่กะพริบตาก็ปวดไปหมดแล้ว น้ำตาไหลตลอดเวลาจริงๆครับ พอเข้าวันที่ 4 เริ่มดีขึ้น อาการปวดเริ่มหายไป จนเริ่มกินข้าว อาบน้ำเองได้ ระหว่างนั้นให้พ่อแม่เช็ดตัวให้ตลอด3วันแรก พอเริ่มหายดี จะรู้สึกว่าเคืองตา เหมือนฝุ่นมันเข้าตา แต่เอาออกไม่ได้ ภาพการมองเห็น วันที่1 ชัดมาก วันที่2 -3 มัว มองอะไรไม่ค่อยเห็น เพราะเนื้อเยื่อที่ตากำลังสร้างมาทดแทนที่ถูกขูดออกไป วันที่ 4 เริ่มชัด 5-6 ก็สบายตัวแล้วครับ
วันที่ 7 หมอนัดเอาคอนแทคเลนส์ออก พอเอาออกก็รู้สึกว่า โลกที่มันมืดมัว มันได้จากเราไปแล้ว ภาพที่เห็นมันชัดมากกกกก หลังจากนั้นก็กลับบ้าน แต่ต้องดูแลตัวเอง ห้ามน้ำเข้าตา 1เดือน ห้ามว่ายน้ำ สวมแว่นตาดำกรองแสงตลอดเวลา และหยอดน้ำตาเทียม เพราะตาเราจะแห้ง ( คืออการที่รู้สึกกะพริบตาแล้ว ลืมตาลำบาก มันติดๆขัดๆ หรือ ลืมตาไม่ขึ้น ต้องใช้มือดึงหนังตาช่วย55555)
อายุการใช้งานprk บางคนถาวรขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาดวงตาของเรา บางคนทำตอนเด็ก 17-18 ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ โอกาสที่สายตาจะกลับมาสั้นเหมือนเดิมก็มีสูง
นี่แหละครับคือสิ่งที่อยากจะบอกกับทุกๆคน ว่าดวงตานั้นสำคัญมากๆ อย่ามองข้ามมัน เพราะถึงอย่างไรแล้ว ดวงตาที่ดีที่สุดก็คือที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่เกิด มาทำมาดัดแปลงใหม่ ยังไงมันก็สู้ของเดิมไม่ได้ จึงอยากจะช่วยเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกๆคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้ เพราะปัจจุบันเราใช้ดวงตากันอย่างหนักหน่วง เล่นโทรศัพท์ แสงไม่พอ เลยไม่อยากให้ใครต้องเจอปัญหาหรือสภาพเหล่านี้ และเป็นแนวทางในการเลือกรักษาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตาเอียง ครับ😊😊😊
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย