14 ธ.ค. 2020 เวลา 04:05 • ธุรกิจ
3 เรื่องสำคัญ ที่ผู้มุ่งหวัง ปฏิเสธประกันชีวิต
ประกันชีวิต เป็นสัญญาทางการเงินระยะยาว
ที่ต้องชำระเบี้ยประกันติดต่อกันจนกว่าจะครบระยะเวลาตามสัญญา
ผู้ถือกรมธรรม์แต่ละท่านมีเป้าหมายในการทำประกันชีวิตต่างกัน
บางท่านทำไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้กับครอบครัว
บางท่านทำไว้เพื่อเป็นแหล่งกระจายความเสี่ยงในเงินออม
แต่ก็ยังมีอีกหลายท่าน...ที่ยังไม่ได้ทำประกันชีวิต
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ เคยทำการวิเคราะห์
เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อประกันชีวิตของคนไทย
จากข้อมูลในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562
พบว่าคนไทยที่ซื้อประกันชีวิตยังเป็นส่วนน้อยมาก
โดยมีสัดส่วนรายจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตเพียง 8.9% เท่านั้น จากจำนวนครัวเรือนทั้งหมด
นั่นหมายความว่ายังมีอีกกว่า 9 ใน 10 ครัวเรือน
ที่ยังไม่ได้ซื้อประกันชีวิต
บางท่านอาจจะติดเรื่องภาระค่าใช้จ่าย
บางท่านอาจมีเหตุผลสำคัญมากกว่านั้น
สำนักงานของเราได้ตอบข้อโต้แย้งและข้อปฏิเสธของผู้มุ่งหวังมามากมาย
จึงได้รวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์กว่า 20 ปี
สรุปออกมาเป็น “3 เรื่องสำคัญ ที่ผู้มุ่งหวัง ปฏิเสธประกันชีวิต”
1. เรื่องการเป็นหลักประกันความมั่นคง
ผู้มุ่งหวังหลายท่านมีจุดประสงค์ในการทำประกันชีวิต เพื่อให้เป็นหลักประกันแก่ครอบครัวหลังจากไป
แต่เงื่อนไข ข้อจำกัด ข้อกำหนด ของประกันชีวิตพื้นฐาน กลับไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ตามที่ต้องการ
เพราะกรณีจากไป
บริษัทประกันชีวิตจะจ่าย ทุนประกันหรือมูลค่าเงินในกรมธรรม์
แล้วแต่มูลค่าใดสูงกว่า เพียงจำนวนเดียวเท่านั้น
ให้กับผู้รับผลประโยชน์
ซึ่งเบี้ยประกันสะสมที่ผู้ถือกรมธรรม์ได้จ่ายไปตลอดสัญญา
บริษัทประกันชีวิตจะนำไปหักลบค่าการประกันชีวิต
ค่าการลงทุน ค่าดำเนินการต่าง ๆ
เมื่อหักลบแล้วเงินส่วนที่เหลือก็จะกลายเป็น
“มูลค่าเงินในกรมธรรม์”
ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897
เงินส่วนนี้นับเป็น "ทรัพย์สินส่วนหนึ่งแห่งกองมรดก"
ที่หากเจ้าหนี้สืบพบ ก็จะสามารถฟ้องเพื่อนำไปใช้ชำระหนี้ได้ทั้งหมด
อ่านบทความของเรา เรื่อง "กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 897" ได้ที่
2. เรื่องสภาพคล่องเงินสด
เมื่อนำเงินไปชำระเป็นเบี้ยประกันสะสมแล้ว
เงินของท่านจะสิ้นสภาพการเป็นเงินสดทันที
ที่น่าคิดมากไปกว่านั้น คือ
หากท่านต้องการใช้เงินในกรมธรรม์
ต้องกู้เงินตัวเองออกมา
ซึ่งก็ไม่สามารถกู้ได้เต็มจำนวน
กู้ได้เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ของแต่ละบริษัทประกันชีวิต
ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถกู้ได้เพียงไม่เกิน 80% ของมูลค่ากรมธรรม์เท่านั้น
กู้แล้วก็ต้องนำมาคืนบริษัทประกันชีวิต
พร้อมจ่ายดอกเบี้ยอีกด้วย
ซึ่งหากดูจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
เงื่อนไขนี้ไม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ควรถือเงินสดไว้กับตัวเลย
3. เรื่องผลตอบแทน
ผลตอบแทนของประกันชีวิตพื้นฐานโดยเฉลี่ยประมาณ 2% ต่อปี
แต่กว่าจะได้ผลตอบแทนนี้ ต้องรอจนครบสัญญา
เช่น หากประกันชีวิตของท่านเป็นแบบ 15/10
คือสัญญาประกันชีวิตที่คุ้มครอง 15 ปี จ่ายเบี้ยประกัน 10 ปี
ก็หมายความว่า ผลตอบแทนประมาณ 2% ต่อปี ที่ว่านี้
จะได้รับในอีก 15 ปี นับจากวันที่ชำระเบี้ยประกันครั้งแรก
15 ปี กับผลตอบแทนแบบนี้
ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
แต่ผลตอบแทน กลับไม่ได้มากเท่าที่ควรจะเป็นเลย เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น
ในระยะเวลา 15 ปี เท่ากัน
ทั้งหมดนี้คือ 3 เรื่องสำคัญ
ที่ทำให้ผู้มุ่งหวังหลาย ๆ ท่าน ปฏิเสธและไม่อยากทำประกันชีวิต
แต่ทั้งหมดนี้เป็นข้อจำกัดของประกันชีวิตแบบพื้นฐานเท่านั้น
ในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการเงินด้านประกันชีวิต
ที่ช่วยขจัดเงื่อนไข ข้อจำกัด ใน 3 เรื่องสำคัญนี้ได้แล้ว
ท่านใดที่มีประกันประกันชีวิตแบบพื้นฐานอยู่แล้ว
ก็สามารถทบทวนประกันชีวิตเพื่อปรับแผนประกันชีวิต
ให้เป็นแผนประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้
หากท่านต้องการทบทวนแผนประกันชีวิต
เพิ่มผลประโยชน์ 1 - 3 เท่า
ลดเบี้ยประกันลง คงผลประโยชน์เดิม
ขจัดเงื่อนไข ข้อจำกัด ข้อกำหนด
ด้านผลประโยชน์ ของประกันชีวิตพื้นฐาน
ติดต่อสำนักงานของเรา
02-509-9923
ติดต่อ Customer Relations ของเรา
095-489-4740
062-792-0006
062-792-0111
062-793-4433
099-087-8111
หรือ ให้เราติดต่อกลับ แตะ "ติดต่อเรา"
ติดตามเรื่องราวที่ไม่เคยมีใครบอกคุณ
Line Official Account: https://line.me/R/ti/p/%40902fxnds
Line ID: @jirasuda.office (มี@)
Google Podcast: https://bit.ly/3lWJ6RI
#JirasudaOffice #ItsNotaSecret
โฆษณา