Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sriphat Medical Center
•
ติดตาม
29 พ.ย. 2020 เวลา 01:00 • สุขภาพ
รองช้ำ อาการสำคัญของการปวดส้นเท้า
Cr. Sriphat Medical Center
อาการปวดส้นเท้าจากโรค “รองช้ำ” เป็นอย่างไร ทำไมถึงปวด..
อ.นพ.ภูธร สังขรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ
อธิบายว่า โรครองช้ำ หรือโรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ เป็นโรคที่พบได้มากถึง 80%
ในผู้ป่วยที่มีการปวดส้นเท้าบริเวณใต้ฝ่าเท้า พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่อายุระหว่าง 40-60 ปี
โรครองช้ำเกิด ขึ้นเมื่อแผ่นพังผืดซึ่งทำหน้าที่รองรับส่วนโค้งของอุ้งเท้ามีการระคายเคืองและอักเสบ เนื่องจากที่ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป
ชั้นไขมันที่รองรับน้ำหนักใต้ฝ่าเท้าจะเริ่มฝ่อลง มีการสูญเสียความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ
และมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่มีการสึกหรือเสื่อมของแผ่นพังผืดใต้ฝ่าเท้า
นอกจากนี้ บางครั้งยังพบลักษณะของการกดทับเส้นประสาทบริเวณใต้ฝ่าเท้าอีกด้วย
ปัจจัยเสี่ยง *
บ่อยครั้งที่โรครองช้ำมักจะเกิดขึ้นโดยไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างชัดเจน
แต่อาจพบปัจจัยเสี่ยงได้ ดังนี้
- ผู้ป่วยที่มีการหดตึงของกล้ามเนื้อที่น่องหรือเอ็นร้อยหวาย ทำให้กระดกเท้าขึ้นได้น้อย
- มีการใช้งานลงน้ำหนักซ้ำๆ เช่น นักวิ่งระยะไกล อาชีพที่ต้องยืน-เดิน นานๆ
- มีการใช้งานที่มากขึ้นกว่าเดิม หรือใช้งานเท้าในลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม
- เท้าผิดรูป เช่น เท้าแบน, อุ้งเท้าสูง
- ภาวะอ้วน
อาการของโรครองช้ำ
ปวดส้นเท้าบริเวณฝ่าเท้า โดยมีลักษณะสำคัญ คือ ปวดมากในช่วงการเดินก้าวแรกๆ ในตอนเช้า
เช่น ก้าวลงเตียงหลังตื่นนอน หลังจากนั้นอาการปวดจะค่อยๆ ลดลงตามการเดินที่มากชึ้น
แต่เมื่อใช้งานเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะปวดมากขึ้นในช่วงเย็น ช่วงที่มีการนั่งพักขา หรือช่วงเวลานอน
การตรวจวินิจฉัย
การวินิจฉัยจะใช้การซักประวัติ และการตรวจร่างกายเป็นหลัก
ในบางรายอาจมีการส่งตรวจเอ็กซเรย์ ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
หรืออาจส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(MRI)
เพื่อเป็นการยืนยันการวินิจฉัย หรือเพื่อหาสาเหตุจากโรคอื่นๆ
และยังช่วยในการวางแผนการผ่าตัดด้วย
การรักษา
การรักษาโรครองช้ำมีหลากหลายวิธีร่วมกัน และอาจมีวิธีอื่นๆ ที่เป็นทางเลือกของการรักษา
ในเบื้องต้นแนะนำให้ผู้ป่วยพักการใช้งานเท้า หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจให้อาการกำเริบ
เช่น ยืนนานๆ เดินมาก หรืองดการวิ่ง งดการใส่รองเท้าที่มีพื้นแข็งหรือมีแผ่นรองฝ่าเท้าที่บางเกินไป
ควรเลือกใช้รองเท้าที่มีความเหมาะสมกับรูปเท้า มีส่วนรองส้นเท้าที่หนานุ่มหรือใช้เสริมแผ่นรองส้นเท้าเพื่อลดแรงกดที่ส้นเท้า
นอกจากนี้การบริหารร่างกายโดยการยืดกล้ามเนื้อที่น่อง
เอ็นร้อยหวายและเอ็นฝ่าเท้า ก็มีความสำคัญในการรักษา
รวมไปถึงการลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
ในกรณีที่มาพบแพทย์ แพทย์อาจให้ยารับประทาน
หรืออาจมีการฉีดยาเสตียรอยด์เฉพาะที่ หรือมีการใช้อุปกรณ์ดามเท้าในบางราย
การรักษาทางเลือกอื่นๆ เช่น การฉีดเกล็ดเลือด (PRP) การใช้คลื่นกระแทก
(Extracorporeal ShockWave Therapy) อาจมีการพิจารณาใช้ร่วมรักษาในบางราย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (มากกว่า 90%) มักมีอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
กรณีที่การรักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ได้ผล อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ซึ่งสามารถทำได้ทั้งวิธีผ่าเปิดแผลหรือการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง
(Endoscopic surgery)
แหล่งข้อมูล :
1.Plantar fasciitis Evaluation and Treatment. Journal of the American Academy of Orthopaedic Surgeons
2008,16:338-346
2.
https://orthoinfo.aaos.org/globalassets/pdfs/planter-fasciitis.pdf
3.
https://orthoinfo.aaos.org/en/diseases--conditions/plantar-fasciitis-and-bone-spurs
สามารถติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
• Call center : 0-5393-6900-1
• LINE Official :
https://lin.ee/h3Wxyp3
• Facebook :
https://bit.ly/2Kid6X9
• Youtube :
https://bit.ly/3anQsH6
• Twitter :
https://bit.ly/3eACDJ2
• Instagram:
https://bit.ly/2VnrTGo
• Blockdit :
https://bit.ly/2VqvL9D
• Website:
http://sriphat.med.cmu.ac.th/
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย