Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
D-Faxtory
•
ติดตาม
2 ม.ค. 2021 เวลา 15:22 • ความคิดเห็น
โสเภณีถูกกฎหมาย (3) Germany model
ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (3)
Germany model - กรณีศึกษาจากเยอรมนีหนึ่งในประเทศที่โสเภณีถูกกฎหมาย แนวคิดแบบที่ผู้สนับสนุนในไทยต้องการ
ผู้สนับสนุนโสเภณีถูกกฎหมายในไทยหลายส่วนมีแนวคิดคล้ายกับเยอรมนี การอ่านกรณีศึกษาจากเยอรมนีจึงน่าจะช่วยให้ทำนายได้คร่าวๆ ว่าหากไทยเราผ่านกฎหมายจะเกิดอะไรขึ้น
บทความสรุปการบรรยาย https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/2016/11/02/the-german-model-is-producing-hell-on-earth/
การบรรยายหนึ่งในปี 2016 ที่แวนคูเวอร์ แคนาดาหัวข้อ "International Approaches to Prostitution: Sweden, Germany, Canada" (การจัดการการค้าบริการทางเพศนานาชาติ : สวีเดน เยอรมนี แคนาดา)
ได้บรรยายถึงสภาพสังคมโดยรวมในเยอรมนีหลังการออกกฎหมายในช่วงปี 2002 ให้การค้าบริการทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป
นักการเมืองเยอรมันช่วงนั้นมองว่า การค้าประเวณีเป็นอาชีพสุจริตที่ไม่ได้ผิดศีลธรรมและไม่ใช่ปัญหาแต่การเหยียดการค้าประเวณีและโสเภณีต่างหากที่ทำให้โสเภณีไม่ได้รับสิทธิ์ที่ควรได้ จึงเสนอให้เปลี่ยนคำเรียกโสเภณีเป็น "sex worker" (ผู้ประกอบอาชีพทางเพศ) และพยายามยกระดับให้โสเภณีมีภาพลักษณ์ที่ดีและเข้าถึงสวัสดิการรัฐได้เหมือนผู้ประกอบการหรือลูกจ้างอาชีพอื่นๆ แนวคิดและวิธีปฏิบัติเช่นนี้ เรียกว่า “German model”
เงื่อนไขของโสเภณีถูกกฎหมายในเยอรมัน เบื้องต้นมีดังนี้
- ผู้จะเป็นโสเภณีต้องอายุเกิน 18 ปี
- ต้องมีใบอนุญาต
- ต้องมีใบตรวจโรค (อายุ 18-21 ปี ต่อใบตรวจโรคทุก 6 เดือน, อายุมากกว่า 21 ปี ต่อใบตรวจโรคทุก 1 ปี)
- ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันโรค
- ต้องเสียภาษี
- ต้องทำประกันสุขภาพ
- หากขึ้นกับสถานประกอบการณ์ สถานประกอบการณ์ต้องจัดหาอุปกรณ์ให้ผู้ซื้อบริการ
ย่านโคมแดงในแฟรงค์เฟิร์ต https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie10-624x468.jpg
15 ปีหลังจากผ่านกฎหมายในเยอรมนี จำนวนเม็ดเงิน ซ่อง ผู้ค้า ผู้ซื้อ และความต้องการ (demand) ในธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% การค้ากามคือธุรกิจที่ทำเงินมหาศาล ในเมื่อมันถูกกฎหมายไม่แปลกที่แม้แต่คนที่ไม่เคยจับธุรกิจนี้ก็อยากโดดเข้ามาขอแบ่งชิ้นเค้ก
ในเยอรมนีมีห้างร้านจำนวนไม่น้อยผันตัวเองจากธุรกิจทั่วไปเปลี่ยนเป็นซ่อง เช่น ห้องเสื้อ อู่ซ่อมรถ มีการโฆษณาซ่อง จัดเซ็กซ์ทัวร์ มีแมวมองจากซ่องออกเดินทาบทามผู้หญิงตามท้องถนนให้เข้ามาขายตัวในซ่องราวกับเชื้อชวนเพื่อซื้อขายสินค้าทั่วไป นักเรียนนักศึกษานัดกันมาเที่ยวซ่องฉลองจบการศึกษาหรือมีจัดไกด์นำทัวร์ซ่องสำหรับนักศึกษาใหม่กันเป็นเรื่องปกติ
อู่ซ่อมรถที่ผันตัวเป็นซ่อง https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie08.jpg
ความที่โสเภณีมีเยอะ หาง่าย สะดวก เร็ว แมงดาและซ่องก็ต้องหาวิธีต่างๆ ในการดึงดูดลูกค้าด้วยการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เช่น บุฟเฟ่ต์จ่ายครั้งเดียวดื่มเบียร์กินไส้กรอกและจะใช้ผู้หญิงกี่ครั้งก็ได้, จ่ายเหมาแล้วยกเอาผู้ชายกี่คนมารุมโสเภณีคนเดียวกันก็ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนล้ำเส้นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของโสเภณีให้ถูกกระทำเหมือนวัตถุ ผู้ซื้อบริการเริ่มมีพฤติกรรมรุนแรงต่อโสเภณีมากขึ้น ทั้งยังหยาบคายขึ้น วิตถารขึ้นเพราะพวกเขาจะคิดแค่ว่า "จ่ายเงินแล้วต้องใช้งานให้คุ้ม" หรือ "มันเป็นหน้าที่ของโสเภณีอยู่แล้ว" และเลิกคำนึงถึงความรู้สึกของโสเภณีหรือมองว่าโสเภณีเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ
งานโสเภณีจึงถูกจัดอยู่ในงานอันตรายเพราะต้องทำงานอยู่ในห้อง 2 ต่อ 2 กับชายที่มองเห็นโสเภณีเป็นแค่เครื่องระบายทางเพศ, ไม่ให้เกียรติ, พร้อมใช้กำลังเมื่อถูกขัดใจ และเสี่ยงที่จะต้องสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ติดโรคหรือตั้งครรภ์
ภาพโดย SasinTipchai https://pixabay.com/images/id-1822413/
เรื่องการถูกลูกค้าบังคับให้ร่วมเพศทั้งที่ไม่ใส่ถุงยาง, เบี้ยวไม่จ่ายค่าตัวหลังเสร็จกิจ, ละเมิดข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัยอื่นๆ ที่ทำให้โสเภณีต้องเสี่ยงต่อการติดโรคหรือตั้งครรภ์, หรือการถูกลูกค้าบังคับให้เล่นวิตถารเกิดขึ้นจนเป็นเรื่องปกติและไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลยว่าถ้าโสเภณีปฏิเสธการให้บริการจะไม่ถูกลูกค้าข่มขืนทำร้ายร่างกายหรือถูกฆ่าตาย
เมื่อการร่วมเพศกับโสเภณีทุกครั้งมีแต่ขั้นตอนเดิมๆ ผู้ซื้อก็เกิดความเบื่อหน่ายจึงเริ่มมีผู้แชร์ "เมนู" ในหมู่นักเที่ยวบนอินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นไอเดียว่าตอนซื้อโสเภณีจะเรียกบริการอะไรจากโสเภณีได้บ้าง เช่น เอาทั้งข้อมือยัดเข้าไปในอวัยวะเพศหรือทวารหนัก, ให้เลียทวารหนักผู้ซื้อ, เล่นละเลงอสุจิกับอุจจาระผู้ซื้อ, ถ่ายอุจจาระบนตัวโสเภณี
ตัวอย่างบาง "เมนู" ที่เป็นไอเดียให้ผู้ซื้อเรียกร้องบริการจากผู้ขาย
ในเมื่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับโสเภณีถูกมองเป็นเรื่องปกติและขนาดโสเภณีที่สังกัดซ่องมีแมงดาคุมยังถูกลูกค้าทำร้ายหรือเบี้ยวค่าตัวเป็นว่าเล่น โสเภณีที่รับงานเดี่ยวๆ ที่ไม่มีแมงดาคุมยิ่งตกเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ความรุนแรงหรือถูกฆาตกรรม มีโสเภณีจำนวนน้อยมากที่กล้าแจ้งความเอาผิดผู้ที่ทำร้ายหรือข่มขืนตนเพราะถึงแจ้งความไปเจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยให้ความสนใจเพราะมักมองว่า "ก็แค่ลูกค้าทะเลาะกับกะหรี่"
ตู้โชว์เสื้อที่กลายเป็นตู้โชว์ "สินค้า" https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie11-624x468.jpg
การที่การค้าประเวณีเป็นเรื่องถูกกฎหมายและโสเภณีเป็นอาชีพตามกฎหมาย แมงดาหรือเจ้าของซ่องก็จะถูกยกฐานะขึ้นมาเป็น "นายจ้าง"หรือ "เจ้าของร้าน" ตามกฎหมายเช่นกัน ทำให้สามารถบังคับใช้กฎหมายแรงงานกับโสเภณีในสังกัดได้แบบนายจ้างลูกจ้างทั่วไป
หากมองอย่างโลกสวยก็จะคิดว่า "โสเภณีน่าจะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแรงงานลดการเอาเปรียบจากนายจ้าง"
แต่ในความเป็นจริงผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ก็ยังรู้กฎหมายไม่เท่านายจ้างหรือต่อให้รู้ก็ยังถูกเอาเปรียบจากช่องโหว่ทางกฎหมายแล้วนับประสาอะไรกับโสเภณีที่ส่วนใหญ่เรียนน้อยและขาดความรู้จะไปประกอบอาชีพอื่นจนต้องมาขายตัว
หญิงเยอรมันส่วนใหญ่เมื่อเจอสภาพแบบที่เป็นอยู่ก็เริ่มไม่อยากขายตัวกันแล้ว
โฆษณาซ่องในเบอร์ลิน https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie06-300x225.jpg
ผู้หญิงต่างด้าวที่ไหลจากทางตะวันออก เช่น โรมาเนียบุลแกเรีย จึงเข้ามาแทนที่ในตลาดค้ากามโดยมีความยากจนเป็นแรงขับดัน
หญิงเหล่านี้อายุน้อยและพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้จึงถูก "นายจ้าง" ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเอาเปรียบและส่วนใหญ่ถูกลูกค้าระบายอารมณ์วิปริตใส่ตั้งแต่ขายตัวครั้งแรกจนต้องพึ่งยาเพื่อให้ยังทนขายตัวไหว หากวันใดรับแขกไม่ได้ตามเป้าหรือลาหยุดก็จะถูกหักเงินหรือถูกลดสวัสดิการโดยอ้างกฎหมายแต่เมื่อไม่สบายหรือหยุดกลับเบิกอะไรจากนายจ้างแทบไม่ได้ หญิงเหล่านี้แทบจะไม่มีเลยที่สามารถเก็บเงินตั้งตัวแล้วออกจากวงจรค้ากาม พวกเธอจิตใจแหลกสลาย สูญเสียตัวตน มองไม่เห็นอนาคตและจะขายตัวแลกเงินส่งให้คนที่บ้านเกิดไปเรื่อยๆ จนกว่าร่างกายจะทนรับไม่ไหวในสักวัน
สุขภาวะของโสเภณีในเยอรมันโดยรวมเข้าขั้นน่าเป็นห่วงมาก
โสเภณีส่วนใหญ่ร่างกายทรุดโทรม, แก่กว่าวัย, มีอาการเจ็บในช่องท้องเรื้อรัง, กระเพาะอักเสบ, ติดเชื้อจากความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดี, เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, เจ็บป่วยทางใจจนต้องพึ่งเหล้าและยา, มีอาการซึมเศร้าจากการขายตัว
รูปจาก https://nordicmodelnow.org/tag/germany/
ยิ่งปัจจุบัน (ปี 2016 ที่บรรยาย) ลูกค้านิยมใช้บริการหญิงท้องมากขึ้น (ผู้ชายบางกลุ่มมีความเชื่อว่าหญิงท้องช่องคลอดจะฟิตหรือไม่ต้องสวมถุงยางตอนร่วมเพศเพราะหลั่งในได้โดยไม่ท้องอีก – ผู้เขียน) ทำให้หญิงท้อง 1 คนต้องรับแขกวันละ 15-40 คนจนกว่าจะคลอดและบ่อยครั้งที่จะทิ้งเด็กไว้แล้วกลับไปทำงานให้เร็วที่สุดหลังคลอด (เร็วสุด 3 วันหลังคลอด) ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพทั้งแม่และเด็ก
โฆษณาอีเวนท์ปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่หญิงวัย 19 ท้อง 6 เดือน จ่ายแค่ 35 ยูโรก็เข้าร่วมได้ https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie16-624x468.jpg
เมื่อการค้าประเวณีถูกกฎหมายซ่องก็จะกลายเป็นสถานประกอบการถูกกฎหมายเป็นช่องทางให้ "นายจ้าง" สามารถลักลอบนำหญิงจากประเทศยากจนเข้ามาขายได้ง่ายขึ้น
จากเดิมเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าที่ใดมีการค้ามนุษย์ก็จะสามารถบุกเข้าไปทลายซ่องได้ทันที แต่ปัจจุบันแม้เจ้าหน้าที่จะได้เบาะแสว่าซ่องนั้นๆ ลักลอบเอาผู้หญิงและเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนมาบังคับให้ขายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ถ้าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดหรือหมายศาลอนุญาตให้เข้าไปตรวจค้น
จึงไม่แปลกว่าทำไมประเทศที่อนุญาตให้การค้าประเวณีถูกกฎหมายจึงมีการค้ามนุษย์แอบแฝงแพร่กระจายยิ่งกว่าเดิม
โปรโมชั่นสาวหน้าใหม่เริ่มต้นที่ 40 ยูโร https://www.trauma-and-prostitution.eu/en/wp-content/uploads/sites/3/2016/11/Folie15-624x468.jpg
และแม้จะมีการร่างกฎหมายเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ให้รัดกุมขึ้นเพียงใด"นายจ้าง"ก็จะมีวิธีง่ายๆ ในการหลบเลี่ยง เช่น ขังหญิงต่างด้าวที่ได้มาให้อยู่แต่ในห้องไม่เห็นเดือนเห็นตะวันจากนั้นก็จัดหาลูกค้ามาหลับนอนกับหญิงต่างด้าวในห้องนั้น แน่นอนว่าเมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบโสเภณีต่างด้าวเหล่านี้จะกลายสภาพเป็น "ผู้เช่าห้องพัก" ที่เอาลูกค้ามานอนที่ห้องเอง ส่วน "นายจ้าง" จะกลายเป็นแค่ "ผู้ให้เช่าห้อง" ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการที่หญิงต่างด้าวเอาคนมานอนด้วย
หญิงเหล่านี้มักกลัวไม่กล้าพูดความจริงเพราะถูก"นายจ้าง"ใช้ความไม่รู้เอากฎหมายข่มขู่ไว้ก่อน เช่น ถ้าโดนจับจะถูกยึดพาสปอร์ตหรือจะโดนส่งกลับประเทศทำให้เสียค่านายหน้าที่ส่งตัวข้ามประเทศไปฟรีๆ ทำให้ในที่สุดก็ไม่กล้าให้ข้อมูลที่สามารถเอาผิด "นายจ้าง"ได้
คลิปที่ออกมาอธิบายปัญหาเมื่อรัฐบาลหลายประเทศ (รวมทั้งเยอรมัน) ประกาศปิดเมืองเพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19 แต่โสเภณีจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือของรัฐ องค์กรสตรีต่างๆ จึงต้องหาทางช่วยเหลือกันเอง https://globalnews.ca/news/6883831/sex-workers-coronavirus/
ปัจจุบัน (2020) Covid-19 ระบาดทำให้ในเดือนมีนาคมสถานบริการทางเพศในเยอรมนีถูกสั่งปิด
โสเภณีขาดรายได้จนต้องลอบรับงานเองก่อนที่ทางการจะอนุญาตให้กลับมาเปิดอีกครั้งทั้งที่เสี่ยงต่อการติดโรคและผิดกฎหมาย (บทความนี้เขียนช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563 หลังจากนี้ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง)
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแม้เยอรมนีจะเป็นประเทศที่โสเภณีถูกกฎหมายมานานแล้วแต่สวัสดิการและคุณภาพชีวิตของโสเภณีก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะในภาวะโรคระบาดนายจ้างหรือรัฐกลับไม่มีการจ่ายเงินชดเชยที่ไม่ได้ประกอบอาชีพและตัวโสเภณีเองก็ไม่มีเงินสำรองมากพอที่จะช่วยให้อยู่รอดโดยไม่ต้องออกไปทำงานในช่วงนั้น
https://www.dw.com/en/coronavirus-sex-workers-in-germany-get-back-to-their-jobs-after-ban-is-lifted/a-54896365
ที่อ่านผ่านตาไปคือสภาพของเยอรมนีโดยรวมหลังผ่านร่างกฎหมายให้การค้าบริการทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายอีกต่อไป ซึ่งหากไทยตามรอยเดียวกันสิ่งที่เกิดในไทยก็จะคล้ายกันหรืออาจรุนแรงกว่า เพราะขนาดยังไม่ถูกกฎหมายไทยเรายังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้ามนุษย์ หญิงไทยส่วนใหญ่มีภาพพจน์ในสายตาชาวต่างชาติว่าเป็นโสเภณีและมีหญิงและเด็กยากจนจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งที่เต็มใจและถูกล่อลวงหรือบังคับจากขบวนการค้ามนุษย์เข้ามาขายบริการมากมายในไทย
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
LGBT and Feminism
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย