29 พ.ย. 2020 เวลา 15:07 • ปรัชญา
สงคราม
War
แน่นอนว่า เมื่อเราได้ยินคำนี้
มันมักจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยดีเลยว่าไหม?
นั่นมันเป็นเพียงพฤติกรรมความรุณแรง
ที่อาจเกิดจากสันดานดิบ ที่โหยหา และกระหายในประโยชน์ หรืออำนาจการคลองตนที่หนึ่งเพื่อประกาศศักดาให้เป็นที่ประจักษ์เท่านั้น เพราะความอดอยากปากแห้งของคนหมู่มาก อาจเป็นเพียงแค่ฉากหน้า ที่ทำให้ใครบางคนสามารถนำมาใช้เป็นคำกล่าวอ้าง เพื่อความรุ่งโรจน์ในอะไรบางอย่างก็เป็นได้
โอเคสงครามที่เรากำลังจะมาพูดถึงกัน
นั้นไม่ได้หมายถึงการรบราฆ่าฟัน หรือสาดกระสุนใส่กันแต่อย่างใด
แต่เรากำลังพูดถึงน้ำลายที่พ่นออกมาจากจิตใจอันคับแคบ และมุมมองที่ปิดกั้นจากโลกภายนอกที่กำลังหมุนไป
“สงครามที่ไม่มีวันจบนั้น คือสงครามของคนที่มีความสุขอยู่กับอดีต กับคนที่หวังว่าจะมีความสุขในอนาคต”
ไม่ว่าจะอายุอานามเท่าไหร่ เป็นคน Gen ไหน นั้นไม่สำคัญ ขอแค่เริ่มที่ตัวคุณนั้นยอมเปิดใจและรับฟัง เพื่อให้บทสนทนานั้นกลมกล่อม และเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระสำคัญที่ต่างคนต่างหยิบยกแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันด้วยความจริงใจอย่าได้ถือโทษโกรธกัน
เพราะแม้แต่สถาบันแรกเกิดที่เราอยู่ในนั้น อย่างครอบครัวก็เช่นกัน หรือสถาบันการศึกษาทุกรูปแบบที่เราได้ก้าวเข้ามาเพื่อตักตวงและเกี่ยวประสบการณ์
ครอบครัว สามารถเกิดสงครามได้
โรงเรียน สามารถเกิดสงครามได้
มหาลัย สามารถเกิดสงครามได้
หรือแม้แต่มหาลัยชีวิต
ก็ยังเกิดสงครามได้
นั่นแหละฮะเพื่อนมนุษย์
เพราะสงครามรูปแบบนี้มันเกิดขึ้นตลาดเวลา ในทุกหย่อมหญ้า กับเส้นทางที่เราต่างเลือกเดิน และเคยผ่านมา
“สงครามในชีวิตประจำวัน”
ในทางปรัชญาเชิงประโยชน์นิยม
มันจะมีใจความที่บอกประมาณว่า “ความสุขจะเป็นตัวตัดสินว่า อะไรดี ไม่ดี ควร หรือไม่ควร”
หากมองในมุมกลับกันแล้วนั้น
สิ่งที่ดี ควรหรือไม่ควรทำ ต้นแบบของมันต้องมาจากการรับรู้ และเข้าใจ
กับการรับฟังและเปิดใจ
อาจเป็นตัวการสำคัญในการสร้างความสุขร่วมกันกับเพื่อนร่วมโลกใช่หรือไม่?
สงครามในชีวิตประจำวันจะทุเลาลงได้
ก็ต้องมีวิธีการ เพื่อหาทางออกด้วยรูปแบบประมาณนี้ ใช่หรือเปล่า
ด้วยความปรารถนาดี
จาก เพื่อนมนุษย์ท่านหนึ่ง
ถึง เพื่อนมนุษย์ท่านอื่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา