30 พ.ย. 2020 เวลา 10:50 • ธุรกิจ
“Design Thinking” แนวคิดที่ทำให้ ผู้คนหลงรัก Apple
“การออกแบบ ไม่ใช่แค่เรื่องของหน้าตาและความรู้สึก แต่หมายรวมถึงวิธีการทำงานด้วย”
นี่คือคำกล่าว ของ สตีฟ จอบส์ อดีต CEO ของ Apple ที่สะท้อนแนวคิด “Design Thinking” ที่ทำให้เขาสร้างความตื่นเต้นให้คนทั่วโลกได้ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่
และแนวคิดนี้ของ จอบส์ ยังคงตกทอด และเป็นเรื่องที่ Apple ให้ความสำคัญมาจนถึงปัจจุบัน
แล้ว Design Thinking หมายความว่าอย่างไร?
Design Thinking คือ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ ที่จะทำให้เข้าใจถึงปัญหาได้อย่างแท้จริง ผ่านไอเดียสร้างสรรค์ ผ่านการทดสอบและการพัฒนาจนกลายมาเป็นต้นแบบจำลองที่นำมาใช้งานได้จริง
2
โดย Design Thinking แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน คือ
1
ขั้นตอนที่ 1 : Empathize
เป็นขั้นตอนของการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
-การสัมภาษณ์
-การค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
-การรับฟังคำติชม
ขั้นตอนที่ 2 : Define
เป็นขั้นตอนของการตั้งนิยามหรือคำถามปลายเปิดจากข้อมูลที่ได้รับมา เช่น
-พฤติกรรมการใช้งาน
-วัตถุประสงค์การใช้งาน
-ความท้าทายใหม่ๆ
-Pain Points
ขั้นตอนที่ 3 : Ideate
เป็นขั้นตอนของการระดมความคิดสร้างสรรค์และความคิดนอกกรอบ เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด เช่น
-เสนอไอเดียร่วมกัน
-พิจารณาว่าความเป็นไปได้ของไอเดีย
-พิจารณาความสอดคล้องและความขัดแย้งของไอเดียต่างๆ
-การจัดลำดับความสำคัญ
ขั้นตอนที่ 4 : Prototype
เป็นขั้นตอนของพัฒนาไอเดียให้กลายเป็น “ต้นแบบจำลอง” ที่สัมผัสได้จริงในรูปแบบต่างๆ เช่น
-สร้างแบบจำลอง
-สร้างแผนภาพ Storyboards
ขั้นตอนที่ 5 : Test
เป็นขั้นตอนของการทดลองหรือปฏิบัติจริง เพื่อนำผลการทดสอบหรือข้อผิดพลาดมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เช่น
-ทำความเข้าใจว่าอะไรได้ผลและไม่ได้ผล
-ทำซ้ำและทดสอบผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
-รับข้อเสนอแนะ
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า...
ขั้นตอนที่ 1 และ 2 ช่วยให้เข้าใจปัญหา และสามารถนิยามปัญหาได้อย่างแท้จริง
ขั้นตอนที่ 3 ช่วยให้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ได้อย่างนอกกรอบ
ขั้นตอนที่ 4 และ 5 ช่วยพัฒนาไอเดียกลายเป็นต้นแบบจำลองที่จะนำมาทดสอบใช้งานได้จริง
สุดท้ายแล้ว หากถามว่า ทำไม Apple จึงกลายเป็นหนึ่งสินค้าที่ผู้คนหลงรัก?
หนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ Apple ใช้กระบวนการ Design Thinking สร้างสรรค์สินค้าที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงความต้องการ นั่นเอง..
1
โฆษณา