1 ธ.ค. 2020 เวลา 01:12 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การชุมนุม และ Transformation
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การชุมนุม และ Transformation
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การชุมนุม และ Transformation
ทั้ง 3 เรื่องมี Theme ที่น่าสนใจ คือ ความแตกต่างในความคิดต่อระบบการเมือง ความแตกต่างของคนที่อนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมที่ต่างกันชัด
ผลการเลือกตั้งในอเมริกาทำให้เราเห็นภาพขนาดที่ถ้าคุณ Zoom in เข้าไปในแผนที่ในเมืองใหญ่จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน (Biden) รายล้อมด้วยสีแดง (Trump) อยู่รอบๆเมือง
นักวิเคราะห์ต่างบอกว่านี่คือความแตกแยกที่น่ากังวลว่าอเมริกาจะขับเคลื่อนประเทศต่อไปยังไง
Namely 65,853,514 people voted democrat (48.2%) vs 62,984,828 who voted republican (46.1%).
ความแตกต่างทางความคิดที่มีต่อระบบบริหารประเทศที่ถึงเวลาปรับเปลี่ยน
และเรียกร้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการออกแบบระบบและการกระจายอำนาจให้ผู้คน (Decentralization)
หรือในองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับความแตกต่าง (Inclusion & Diversity) เพื่อให้องค์กรอยู่รอดและมีคนเก่งและดีมาร่วมงาน
บทสรุปของข้อสังเกต คือ ความแตกต่างจะเป็นกระแสหลักของโลก และถ้าจะอยู่ให้รอดเราต้องอยู่ได้บนความแตกต่าง
ในความเคลื่อนไหวในการขับเคลื่อนสังคม การเมือง การเลือกตั้ง วิถีการทำงาน การใช้ชีวิต มีสิ่งหนึ่งที่เป็นพื้นฐานของสิ่งที่บางคนเรียกว่า
“ความแตกแยก” แต่จริงๆแล้วมันคือความแตกต่างที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความแตกต่างจากการเติบโตในยุค Analog ยุค Digital และยุค AI รวมถึงในอนาคตที่มีสิ่งที่เรียกว่ายุค Post-AI
ความแตกต่างจากการเลี้ยงดู ปูย่าตายายมีวิธีการเลี้ยงดูพ่อแม่ของเราที่แตกต่างจากรูปแบบที่พ่อแม่เลี้ยงเรามา
และเราจะเลี้ยงดูลูกในวิถีที่แตกต่างจากที่พ่อแม่เคยเรียนรู้มา
ทุกสิ่งเปลี่ยนไป ตามความเป็นไปของโลก แต่ที่เราเห็นความแตกต่างเป็นประเด็นของสังคมที่ใหญ่ขึ้น
เพราะ “มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น”
เพราะ “มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น”
ณ ปี 1850 ค่าเฉลี่ยของอายุขัยมนุษย์ คือ 29.3
ณ ปี 1950 ค่าเฉลี่ยของอายุขัยมนุษย์ คือ 45.7
ณ ปี 2019 ค่าเฉลี่ยของอายุขัยมนุษย์ คือ 72.6
Image for post
ถ้าให้อธิบายปรกฏการณ์ทางสังคมเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Generation ที่มีทั้งเรื่อง Social Media Platform / Echo Chamber / AI / Digital Economy คงยาว แต่เบื้องหลังเรื่องของความแตกต่างเหล่านี้มีบทสรุปง่ายๆว่า ที่มาของความแตกต่าง ส่วนใหญ่มาจากอายุขัยและรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต่างจากเดิม
การที่มนุษย์เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ในอดีต สร้างตัวตน (Identity) ผ่านสิ่งที่ตนเองเคยพบเจอ คนรุ่นก่อนย่อมมี Core Values จากการสร้างตัวตนมาหลายสิบปีที่ทำให้ตนเองรู้สึกมีคุณค่าและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข คนรุ่นปัจจุบันก็มีกรอบคิดของตนเอง คนรุ่นอนาคตก็จะมีกรอบคิดที่ต่างจากเรา
เราแค่มีอายุนานขึ้น
และต้องใชีชีวิตกับอยู่กับคนที่เรียนรู้และมีประสบการณ์ต่างจากเรา
เดิมคนอาจจะอยู่เพื่อเลี้ยงลูกให้โต
ต่อมาคนเลี้ยงลูก เพื่อเห็นหลานเติบโต
ต่อมาคนเลี้ยงลูก เห็นลูกของหลานเติบโต
และมันจะดำเนินต่อไปเพราะนักอนาคตศาสตร์คาดว่าคนจะมีเฉลี่ยอายุ 115 ปี ก่อนที่เราจะสามารถ Upload ตัวเองได้
ความแตกต่างเลยจะเป็นสิ่งที่ดำเนินงานไปอีกนาน
เป็นที่มาของการเผยแพร่ Growth Mindset
เพราะมันเป็นทางหลักที่เราจะอยู่รอดได้อย่างมีความสุข
ความคิดที่ต้องปรับตัวและไม่ยึดติดกับสิ่งที่ตัวเชื่อว่าอันนี้คือความจริงแท้ที่ต้องยึดถือและแตะต้องไม่ได้ เพราะในโลกที่หมุนไว
ความล้มเหลวเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
การละวางตัวตนเดิมเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ดูจะเป็นความสามารถที่ธรรมชาติให้มนุษย์ไว้
เพื่อจะได้อยู่รอดและมีพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม..
โฆษณา