2 ธ.ค. 2020 เวลา 02:45 • สิ่งแวดล้อม
ขอโทษนะคะ “แคมเปญรักษ์โลก” ไม่ได้ช่วยโลกเรา”จริงๆ”ค่ะ
just saying :)
ที่จริงแล้ว นอกจากการมองเพียงว่า
เราต้องลดการใช้ถุงพลาสติก / ลดคาร์บอนฟุตพรินท์
เราควรตระหนักควบคู่ไปกับ
การมอง”ต้นเหตุของปัญหา”
ที่ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหา Climate Change ได้
ซึ่งนั้นก็คือ “สังคมบริโภคนิยม” และ “การแก้ปัญหาแบบตลาด”
จะเห็นว่าทั้งนโยบายรัฐ องค์กร บริษัท ต่างๆ
ต่างรณรงค์แคมเปญรักษ์โลกนี้ บลา ๆๆๆ
ซึ่งดูแล้วในทางปฏิบัติเป็นเพียง “ภาพสวยหรู” ค่ะ
หากแต่ไม่พูดถึงรากปัญหาที่แท้จริงเลยซึ่งคือ
“สังคมบริโภคนิยม”
ซึ่งทำไมนะหรอ เพราะถ้าพูด คนก็จะไม่ซื้อของเยอะๆน่ะสิ
เค้าต้องการทำให้เราซื้อของเค้าเยอะๆกันนะ
หลายๆบริษัทจึงพยายามทำตัวเขียวๆ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แต่มันดูเป็น “Greenwashing” อะค่ะ
อารมณ์แบบ เรามาชุบตัวกันค่ะ
หมายถึงว่าชุบตัวเป็นคนรักษ์โลก
1
มันเป็นโอกาสทางธุรกิจเพื่อขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น
ผ่านการสร้าง “ภาพลักษณ์” มากกว่าเนื้อหาสาระ
ดังตัวอย่างง่าย ๆ เช่น
แต่เดิมโรงงานปล่อยควันมาก บริษัทก็แค่ทำการบำบัดควันเสียแล้วติดฉลากรักษ์โลกมากกว่าการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตอย่างสะอาด ( เช่น เปลี่ยนจากการใช้ฟอสซิลไปสู่พลังงานที่สะอาดกว่า)
หรือพวกแบรนด์ fast fashion ต่างๆ ก็เห็นชอบทำนะคะ
แต่ก็เข้าใจได้นะคะ เพราะถ้าเราเป็นผู้ผลิต เราอาจจะทำแบบนี้
จะว่าไปมันเป็นการแก้ปัญหาที่ยึดโยงกับตลาด
ก็ไม่ได้ช่วยให้ “การบริโภค” ซึ่งเป็นแก่นสำคัญที่บั่นทอนระบบนิเวศให้หายไป
หรืออีกตัวอย่าง สมมติทุกคนขับรถแบบประหยัดน้ำมัน
ทุกคนก็ยิ่งใช้รถ ขับรถมากกว่าเดิมใช่ไหมละค่ะ
เข้าใจได้แหล่ะ <3
ด้วยแนวคิดที่ว่า
“มันง่ายสะยิ่งกว่าที่จะนึกถึงจุดจบของโลกมากกว่าจุดจบของทุนนิยม” (ซึ่งผู้เขียนก็ยังคิดว่าจริงอยู่)
อย่างไรก็ดีค่ะ ก็ต้องยอมรับว่าการที่ทุกคนเห็นต้นตอของปัญหาสิ่งแวดล้อมและวิพากษ์การแก้ปัญหาแบบกระแสหลัก (ตลาด) รวมทั้งเห็นปัญหารากแท้ซึ่งคือ สังคมบริโภคนิยม
ก็น่าจะเป็น “ก้าวแรก” ของการนำไปสู่การแก้ไขที่เป็นพื้นฐานเพื่อการปฏิรูปทั้งแนวคิดและการปฏิบัติได้
งงมั๊ยอะคะ
idgaf ค่ะ
โฆษณา