2 ธ.ค. 2020 เวลา 10:44 • ประวัติศาสตร์
สรุปประเด็น Podcast The Western Schism (5 Ep) มาให้อ่านในบทความเดียว
โดย มะลิ x หมอเอ้ว
หมายเหตุ : บทความนี้สรุปโดย น้องมะลิ ชัชชญา จิตเกียรติกุล ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 5 โรงเรียนลาซาล บางนา นะครับ น้องมะลิชอบประวัติศาสตร์ ติดตามทั้ง fb และ podcast หลงไปในประวัติศาสตร์
พอแล้วก็อยากสรุปประเด็นสำคัญให้คนอื่นที่ไม่ได้ฟังได้อ่านด้วย เลยส่งสรุปมาให้ผมช่วยปรับปรุงให้นิดหน่อย

อ่านแล้วถ้าชอบก็คอมเมนต์ให้กำลังใจน้องเขาหน่อยนะครับ
The Western Schism หรือ ความแตกแยกอย่างรุนแรงภายในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของยุโรปยุคกลาง
ความแตกแยกนี้ นำไปสู่การแต่งตั้งพระสันตปาปาขึ้นมาหลายพระองค์ ที่มองว่าพระสันตปาปาองค์อื่นเป็นศตรู
ความแตกแยกนี้ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ร้ายๆ หลายๆเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามร้อยปี โรคระบาด และภาวะขาดอาหาร ที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน จนช่วงเวลานี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Late Medieval crises
ความแตกแยกนี้ ทำให้จิตใจของชาวยุโรปช่วงเวลานั้นรู้สึกสิ้นหวัง เสียศรัทธาที่มีต่อสถาบันศาสนา ยิ่งบวกกับวิกฤติอื่นๆที่ถาโถมเข้ามาพร้อมๆกัน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตแบบที่เป็นอยู่มองไม่เห็นอนาคต
และเป็นวิกฤติช่วงนี้เอง ที่มีส่วนผลักดันให้คนกลุ่มหนึ่งเริ่มมองโลกในมุมมองใหม่ คิดแบบใหม่ และเคลื่อนยุโรปเข้าสู่ยุคสมัยที่เรียกว่า เรเนอซองส์ หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
เราจะไปดูกันนะคะว่า เหตุการณ์ที่เรียกว่า Western Schism นี้ มันมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
Podcast ฉบับเต็ม สามารถรับฟังได้จากทางนี้
(Ep.1)
1 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนปลายของยุโรปกลาง ตอนนั้นชนชั้นสูงมักส่งบุตรคนรองเข้าวงการศาสนาเพราะสถาบันศาสนามีอำนาจมาก โดยหวังให้ลูกหลานได้เป็นพระคาร์ดินัลหรือพระสันตะปาปาเพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล
 
2 ในตอนนั้นมีนักบวชคนหนึ่งนาม "ปิเอโตร ดา โมโรเน่" (Pietro da Morrone) มีนิสัยรักสันโดษ ไม่สนใจเงินทองชื่อเสียง เรียบง่ายสมถะ ทำให้ชาวบ้านศรัทธามาก 
 
3 ในช่วงนั้นตำเเหน่งพระสันตะปาปาว่างมาถึง 2 ปีเพราะเหล่าคาร์ดินัลตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นโป๊ปองค์ต่อไป ที่ตกลงไม่ได้ส่วนหนึ่งมาจากคาร์ดินัลเเย่งอำนาจกันเองเนื่องจากมีผลประโยชน์ด้านการเมืองมาเกี่ยวข้อง 
 
4 ดามาโรเน่เขียนจดหมายไปตำหนิคณะคาร์ดินัลว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ถูกต้อง เเต่จดหมายนั้นเขียนได้ดีจนคณะคาร์ดินัลประทับใจเเละเห็นว่าการเลือกดามาโรเน่ที่เป็นคนกลางเข้ามาจะเป็นทางออกในเรื่องนี้ได้ 
 
5 สุดท้ายดาโมโรเน่ก็ได้รับการเเต่งตั้งเป็นพระสันตะปาปา (อย่างไม่เต็มใจนัก)โดยมีพระนามว่าพระสันตะปาปาเซเลสทีนที่ 5 (Celestine V) 
 
6 โป๊ปเซเลสทีนสนใจการปฎิบัติตามหลักศาสนามากกว่าการเมืองการปกครองเเละไม่สามารถบริหารงานหรือหาเงินเข้ามาในศาสนาได้ สถาบันศาสนาตอนนั้นจึงเกิดปัญหา
2
เซเลสทีนซึ่งไม่อยากเป็นโป๊ปจึงออกกฏหมายให้พระสันตะปาปาสามารถลาออกจากตำเเหน่งได้ หลังจากนั้นไม่นานโป๊ปเซเลสทีนที่ 5 ก็ประกาศลาออกจากตำเเหน่ง 
 
7 เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น เพราะตำเเหน่งพระสันตะปาปาเป็นตำเเหน่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าอยากจะออกก็ลาออกได้ เเต่สุดท้ายก็มีการเลือกโป๊ปพระองค์ใหม่ มีพระนามว่า "บอนิเฟซที่8" (Boniface Vlll) 
 
8 บอนิเฟซไม่สนใจคำสอนทางศาสนามากนัก จนถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปเปรียบเทียบกับโป๊ปเซเลสทีน
และยังกล่าวหาว่าบอนิเฟซเป็นโป๊ปเถื่อนที่ขึ้นมาแบบไม่ถูกต้องเพราะโป๊ปองค์ก่อนหน้าไม่มีสิทธิ์จะลาออก บอนิเฟซจึงคิดว่าถ้ากำจัดดาโมโรเน่ ไปซะ แรงต่อต้านก็อาจจะหมดไป
โป๊ปบอนิเฟซจึงจับอดีตโป๊ป มาคุมขังไว้ และอาจจะมีการทรมานจนเสียชีวิต
แต่เรื่องยังไม่จบลงตรงนี้ โป๊ปบอนิเฟซที่ 8 คงนึกไม่ถึงว่า ในเวลาอีกไม่นาน เขาก็จะถูกจับคุมขังเช่นเดียวกัน และเพราะการคุมขังก็จะทำให้เขาเสียชีวิตลง เช่นเดียวกับอดีตโป๊ป ดาโมโรเน่
(Ep.2)
9  ในเวลาต่อมาเมื่อประมาณค.ศ.1285ถึงค.ศ.1314 กษัตริย์ฝรั่งเศสนามฟิลิปที่4 (Philip IV  of France) เเละขุนนางคู่ใจนาม กีโยม เดอ โนกาเร (Guillaume de Nogaret) ต้องการเงินไปทำสงครามจึงไปรีดไถเงินจากวัดในฝรั่งเศส ทำให้นักบวชชาวฝรั่งเศสไม่พอใจเเละนำเรื่องไปฟ้องโป๊ปบอนิเฟซที่ 8 
 
10 โป๊ปบอนิเฟซเขียนจดหมายไปเตือนกษัตริย์ฟิลิปว่าที่ทำไปไม่ถูกต้อง เพราะกษัตรย์ไม่มีสิทธิ์เก็บเงินจากวัด แต่กษัตริย์ฟิลิป ก็ไม่อ่อนข้อให้ แล้วยังสั่งห้ามให้มีการส่งเงินจากวัดฝรั่งเศสไปที่กรุงโรมอีกเด็ดขาด
สุดท้ายเมื่อขาดรายได้ โป๊ปบอนิเฟซจึงต้องยอมอ่อนข้อให้กษัตริย์ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส
11 กษัตริย์ฟิลิปยังไม่หยุดที่จะท้าทายอำนาจโป๊ป เพื่อแสดงให้เห็นว่าสถาบันกษัตริย์มีอำนาจเหนือสถาบันศาสนา
12 ส่วนโป๊ปเองก็ออกจดหมายทางการมาว่า สถาบันศาสนาอยู่เหนือสถาบันกษัตริย์ โป๊ปมีอำนาจเลือกหรือปลดกษัตริย์ได้ เเละวางแผนจะสั่งปลดกษัตริย์ฝรั่งเศส โดยอ้างว่าไม่มีความชอบธรรมในการปกครองอีกต่อไป
13 เมื่อความขัดแย้งมาถึงจุดนนี้ กษัตริย์ฟิลิปจึงส่งกองทหารที่นำโดยกีโยม เดอ โนกาเรไปจับโป๊ป คุมขังไว้ในบ้านของตัวเอง
แต่หลังจากถูกจับกุมอยู่ประมาณสามวัน ชาวเมืองก็ลุกฮือขึ้นและไปช่วยปลดปล่อยโป๊ปได้สำเร็จ แต่อาจจะเพราะอายุมากบวกกับอาจจะโดนทำร้ายร่วมด้วย หลังจากเป็นอิสระได้ไม่นาน โป๊ปบอนิเฟซก็มรณภาพไป
14 ถึงตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าสถาบันกษัตริย์อยู่เหนือสถาบันศาสนา
แต่สถาบันศาสนาจะตกต่ำลงไปอีก จากความขัดแย้งระหว่างโป๊ปด้วยกันเอง
จนถึงจุดที่ช่วงเวลาหนึ่ง มีโป๊ปถึง 3 พระองค์ด้วยกัน
(Ep 3)
15 หลังสิ้นโป๊ป บอนิเฟซที่ 8 โป๊ปเบเนดิกส์ที่11ได้ขึ้นมาเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ซึ่งอ่อนข้อให้กับกษัตริย์ฟิลิปอย่างชัดเจน เเต่พระองค์ดำรงตำเเหน่งได้ไม่นานก็มรณภาพไป (คาดว่าอาจถูกวางยาพิษโดย โนกาเร) 
 
16 ตำเเหน่งพระสันตะปาปาว่างลงอีกครั้ง ทุกอย่างวนลูปเหมือนเดิม เกิดการเเก่งเเย่งกันจนต้องเชิญคนนอกเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ผู้ถูกเลือกคือบิชอปชาวฝรั่งเศส มีพระนามว่า โป๊ปเคลเมนต์ที่ 5 (Clement V) ซึ่งเลือกที่จะประทับอาศัยอยู่ที่เมืองอาวีญงของฝรั่งเศส แทนที่จะเดินทางไปที่กรุงโรม
17 ทางด้านกษัตริย์ฟิลิปก็ยังไม่หยุดท้าทายอำนาจโป๊ป (ซึ่งโป๊ปเคลเมนต์ก็ยอมๆไปบ้างเพราะกลัวจุดจบเเบบโป๊ปบอนิเฟส) เเละในคราวนี้ กษัตริย์ฟิลิปอยากได้สมบัติจากอัศวินเทมพล่าร์ (Knight Templar ซึ่งถือได้ว่าเป็นกองทัพส่วนตัวของโป๊ป) เพื่อนำเงินไปทำสงครามกับอังกฤษ 
 
18 ในตอนเเรกกษัตริย์ฟิลิปยืมเงินจาก knight Templar เเต่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ จึงคิดว่า ถ้ากำจัดไนท์เทมพล่าร์ไปซะ ก็ไม่ต้องจ่ายหนี้ เเละถือเป็นการกำจัดกองทัพของโป๊ปไปในตัว  
 
19 กษัตริย์ฟิลิปเริ่มเเผนกำจัดไนท์เทมพล่าร์ โดยอาศัยข่าวลือต่างๆที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง มารวมเข้าด้วยกันและโจมตีว่า อัศวินคณะนี้มีพิธีกรรมนอกรีต
20 ในคืนวันศุกร์ที่13 ตุลาคม ค.ศ.1307 กษัตริย์ฟิลิปจับกุมไนท์เทมพล่าร์ได้ทั่วฝรั่งเศสโดยไม่ทันให้รู้ตัว มีการทรมานอัศวินให้ยอมรับข้อกล่าวหา เเละใช้คำสารภาพของอัศวินเหล่านั้นในการจับไนท์เทมพล่าร์ไปเผาทั้งเป็น
แล้วยังบีบให้โป๊ปเคลเมนต์ออกคำสั่งจับกุมไนท์เทมพล่าร์ทั่วยุโรปมาลงโทษ ถือเป็นการตัดกำลังกองทัพของโป๊ปไปโดยสมบูรณ์ 
ความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์ฝรั่งเศสและสถาบันศาสนาจึงยิ่งร้าวลึกลงไปอีก และเป็นความขัดแย้งระหว่างสองสถาบันนี้ที่ในเวลาต่อมาจะทำให้เกิดรอยร้ายภายในสถาบันศาสนา
(Ep 4)
21 ด้วยความที่กษัตริย์ฝรั่งเศสต้องการจะควบคุมโป๊ปไว้ให้อยู่ในอำนาจ กษัตริย์ฝรั่งเศสจึงหาทางขัดขวางไม่ให้โป๊ปเดินทางกลับไปกรุงโรมได้
22 แต่การที่โป๊ป ซึ่งมีสถานะเป็นบิชอปแห่งกรุงโรม ไม่กลับไปประจำที่โรม ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวคริสต์มากมาย
 
23 เเต่ที่เดือดร้อนที่สุดคงไม่พ้นชาวโรม เพราะพระสันตะปาปาคือผู้มีอำนาจการจัดการทางเศรษฐกิจเเละการเมืองของโรมเมื่อไม่มีพระสันตะปาปาเเละคณะคาร์ดินัล ก็ไม่มีการจ้างงาน ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเเสวงบุญจนเมืองขาดรายได้ เเถมตระกูลใหญ่ๆก็ตีกันเอง โรมตอนนั้นจึงเดือดร้อนมาก 
 
24 เเต่พระสันตะปาปาเคลเมนต์ไม่มีความคิดจะกลับโรมนัก เพราะพระองค์มีอายุมากเเล้ว ข้าวของที่อยู่มานานก็เยอะมาก เเถมเหล่าคาร์ดินัลเเละพระองค์เองก็เป็นชาวฝรั่งเศส เลยไม่อยากอยู่ไกลบ้าน เเน่นอนโป๊ปองค์ต่อๆมา ก็คิดเช่นเดียวกับโป๊ปเคลเมนต์ จนไม่ได้ย้ายไปโรมซักที 
 
25 เวลาล่วงเลยมาถึงปีค.ศ.1377 โป๊ปเกรกอรีที่ 11 ย้ายกลับไปกรุงโรมได้สำเร็จ เเม้จะถูกคัดค้านจากเหล่าคาร์ดินัลเเละกษัตริย์ฝรั่งเศส
เเต่โป๊ปเกรกอรีอยู่กรุงโรมได้ 4 เดือนก็ป่วยหนักจนมรณภาพไป 
 
26 เหล่าคาร์ดินัลประชุมกันเพื่อเลือกโป๊ป แต่การคัดเลือกโป๊ปครั้งนั้นก็ยังโดนกดดันโดยม็อบชาวโรม เพราะไม่ต้องการให้เลือกโป๊ปเป็นชาติอื่น เพราะกลัวจะย้ายออกไปจากกรุงโรมอีกครั้ง
27 สุดท้ายเหล่าคาร์ดินัลก็ไปเลือกคนนอกเป็นโป๊ปอีกครั้ง เเม้จะไม่ใช่ชาวโรมตามที่หวัง เเต่ก็ยังเป็นชาวอิตาลีอยู่ ทำให้ม็อบชาวโรมพอยอมรับได้ 
 
28 โป๊ปที่ถูกเลือกมีพระนามว่าโป๊ปเออร์บันที่ 6 (Urban VI)
เรื่องราวเหมือนจะเรียบร้อยดี แต่การเลือกโป๊ปพระองค์นี้ขึ้นมา สุดท้ายจะกลับกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ...
(Ep5)
29 หลังจากเเต่งตั้งโป๊ปเออร์บันเเล้ว เหล่าคาร์ดินัลก็ได้พบว่า โป๊ปเออร์บันที่ 6 มีนิสัยฉุนเฉียว มักระเบิดอารมณ์รุนเเรงใส่เหล่าคาร์ดินัลไม่เว้นเเม้ในที่สาธารณะ เเถมยังมีนิสัยเผด็จการจนเหล่าคาร์ดินัลทนไม่ไหว 
 
30 เหล่าคาร์ดินัลบางส่วนเลยแยกตัวมาประชุมกันเเละเห็นว่าการเลือกโป๊ปครั้งนี้มาจากการถูกชาวโรมกดดัน จึงถือเป็นโมฆะเเละเลือกโป๊ปขึ้นใหม่ โป๊ปพระองค์ใหม่มีพระนามว่า เคลเมนต์ที่ 7 (Clement VII) เเละโป๊ปเคลเมนต์ที่ 7 ได้ไปอยู่ที่เมืองอาวีญงขอฝรั่งเศสในเวลาต่อมา 
 
31 ตอนนี้เลยมีโป๊ปอยู่สองพระองค์ด้วยกัน โดยมีโป๊ปเออร์บันที่ 6 ของโรม เเละโป๊ปเคลเมนต์ที่ 7 ของเมืองอาวีญง 
 
32 โป๊ปทั้งสองต่างกล่าวหาว่าอีกคนเป็นตัวปลอม เกิดความสับสนทั่วยุโรปว่าจะนับถือโป๊ปองค์ไหนดี (ตอนนั้นมีความเชื่อว่า ถ้าเลือกนับถือโป๊ปผิดพระองค์ ก็จะไม่ไปสวรรค์ แต่ต้องตกนรกไปตลอดกาล) แต่ไม่มีใครรู้ว่าโป๊ปพระองค์ไหนเป็นโป๊ปพระองค์จริง
 
33 สุดท้ายเเต่ละเมืองก็เลือกนับถือโป๊ปของตนเอง ฝรั่งเศสเลือกโป๊ปของฝรั่งเศส อิตาลีเลือกโป๊ปของโรม การเมืองก็ยังมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น อังกฤษเป็นศตรูกับฝรั่งเศส ก็เลือกที่จะยอมรับโป๊ปแห่งกรุงโรม
 
34 ยุโรปตอนนั้นเกิดความเเตกเเยกอย่างมาก เมืองไหนเลือกโป๊ปต่างกันก็จะไม่ขายสินค้าให้กัน กษัตริย์เเต่ละเมืองเเม้จะเลือกโป๊ปต่างกันเเต่ก็อยากให้เรื่องนี้จบลงไวๆ ทางโป๊ปเองก็ไม่มีใครยอมใคร ต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายเป็นตัวปลอม ชาวยุโรปได้เเต่รอให้โป๊ปองค์ใดองค์หนึ่งมรณภาพไป โป๊ปจะได้เหลือคนเดียวเหมือนเดิม ทุกอย่างจะได้กลับมาปกติ 
 
35 ในที่สุด โป๊ปเออร์บันที่ 6 ก็มรณภาพไป เเต่อิตาลีไม่สามารถยอมรับโป๊ปจากฝรั่งเศสได้ จึงเลือกโป๊ปพระองค์ใหม่ขึ้นมาอีก มีพระนามว่าบอนิเฟซที่ 9 

พอโป๊ปทางฝรั่งเศสมรณภาพ ฝรั่งเศสก็ไม่ยอมรับโป๊ปจากโรมเเละตั้งโป๊ปใหม่อีก จนเกิดเป็นวังวนไม่สิ้นสุด 
 
36 โป๊ปทั้งสองฝั่งไม่สนใจสถานการณ์ตอนนี้เลย ต่างคิดเกาะอำนาจของตนให้นานที่สุด เหล่าคาร์ดินัลทั้งสองฝ่ายได้ประชุมกันเเละเห็นว่าเป็นแบบนี้คงไม่มีทางออกจึงมีการประชุมกัน แล้วปลดโป๊ปทั้งสองออก พร้อมกับการแต่งตั้งโป๊ปพระองค์ใหม่ขึ้น มีพระนามว่า อเล็กซานเดอร์ที่5
1
37 อย่างไรก็ตาม ก็มีคนเชื่อว่า เหล่าคาร์ดินัลไม่มีอำนาจจะปลดโป๊ปได้ตามใจ จึงยังคงมีคนสนับสนุนโป๊ปเดิมทั้งสองพระองค์อยู่
ตอนนี้ก็เลยมีโป๊ปเป็น 3 พระองค์ เเน่นอนปัญหาเรื่องโป๊ปตัวจริงหรือปลอมยังคงอยู่ให้ชาวยุโรปปวดหัวกันต่อไป 
 
38 สุดท้ายจักรพรรดิ์ ซิกิสมุนท์ (Sigismund) แห่ง Holy Roman Empire จึงตัดสินใจเข้ามาเกี่ยวข้องและสนับสนุนให้มีการเรียกประชุมเพื่อแก้ปัญหานี้อีกครั้ง สุดท้ายเหล่าคาร์ดินัลจึงสั่งปลดโป๊ปทั้งสามพระองค์ออก และแต่งตั้งโป๊ป มาร์ตินที่ 5 (Martin V) ขึ้นมาเป็นพระสันตปาปาพระองค์ใหม่
และอาจจะเป็นเพราะอำนาจของจักรพรรดิ์ บวกกับความเบื่อหน่ายกับความแตกแยกที่มีมานาน การแต่งตั้งโป๊ปครั้งนี้จึงเป็นอันจุดสิ้นสุดของการเเตกเเยกทางศาสนา
ก็จบลงแล้วนะคะ สำหรับเรื่องราวความแตกแยกครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก จริงๆอยากให้ทุกคนได้ลองฟัง podcast เวอร์ชั่นเต็มกันค่ะ เพราะมันมีรายละเอียดที่น่าสนใจ และข้อคิดให้ได้เรียนรู้มากมาย
1
ก็หวังว่าสรุป podcast นี้จะทำให้เห็นภาพรวมๆของเรื่องราวที่ซับซ้อนนี้นะคะ ไว้โอกาสหน้ามะลิจะมาทำสรุปเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจของหมอเอ้วให้อ่านกันใหม่ค่ะ
ไม่อยากพลาดการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์หรือบทความใหม่ๆ
Add Line เพื่อรับการแจ้งเตือนต่างๆได้ที่นี่ค่ะ
🔔 Line: @chatchapolbook
โฆษณา