3 ธ.ค. 2020 เวลา 06:25 • ประวัติศาสตร์
Battle of Austerlitz 2 ธันวาคม ค.ศ.1805
สงครามนโปเลียนระเบิดขึ้นเพราะปัญหาต่างๆที่ยังคาราคาซังมาตั้งแต่ช่วงปฎิวัติฝรั่งเศสกอปรกับความทะเยอทะยานส่วนตัวของนโปเลียน ชาติพันธมิตรต่างๆทั้ง อังกฤษ รัสเซีย ออสเตรีย ต้องการทำลายอิทธิพลฝรั่งเศสที่ยังคงอยู่เหนืออีตาลี เยอรมัน และ ดัตซ์ โดยการบุกโจมตีจากหลายด้านๆ แต่กองทัพของพวกเขานั้นกระจายกันเกินกว่าจะทำการรุกได้พร้อมๆกัน ฝ่ายออสเตรียนั้น ได้ตรึงกองทัพใหญ่ไว้ที่ ทางใต้ของเยอรมัน และ ทางเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นทิศทางที่ฝรั่งเศสจะสามารถบุกมาได้ โดยพวกเขาเพียงรอให้พันธมิตรรัสเซียมาสมทบ ในขณะเดียวกันกองทัพพันธมิตรนั้นยังคงมีการจัดระบบแบบเก่า ทั้งการจัดกำลังที่ระดับใหญ่สุดรองจากกองทัพคือ "กรม" ทำให้การเคลื่อนทัพไม่ยืดหยุ่นเท่าฝรั่งเศส โดยฝ่ายออสเตรียภายใต้การนำของ จอมพลแม๊ค ได้เคลื่อนทัพลึกเข้าไปใจกลางของ บาวาเรีย ที่เมือง อูล์ม เพราะไม่คิดว่าสถานที่นี้จะเป็นภัย
ตรงข้ามกับกองทัพนโปเลียนที่เป็นทหารผ่านศึกได้รับการฝึกมาอย่างโชกโชน มีการจัดระบบกองทัพน้อย หรือ Corps กองทัพขนาดเล็กที่มีทุกเหล่าในตัวสามารถทำการรบและเคลื่อนทัพได้อิสระโดยไม่ต้องพึ่งกองทัพใหญ่ ทหารฝรั่งเศสถูกฝึกให้สามารถเข้าโจมตีพร้อมกันทีละมากๆโดยไม่สับสน ทำให้กองทัพของพวกเขาเคลื่อนที่อย่างว่องไวและน่ากลัวยิ่งนัก ช่วงกันยายน ค.ศ.1805 กองทัพนโปเลียน 200,000 นายได้เคลื่อนทัพจากบูโลญและเขาล้อมกรอบกองทัพของแม๊คอย่างรวดเร็วที่ อูล์ม จนยอมจำนนทั้งทัพ ออสเตรียเสีย ทหารไป 60,000 นายฝ่ายฝรั่งเศสเสียไปแค่ 200 นาย
ฝ่ายพันธมิตรรัสเซียซึ่งนำโดย คูตูซอฟ เร่งเดินทัพมาช่วยก็พบว่าสายไปเสียแล้วจึงรีบถอยกลับ และทิ้งกรุงเวียนนาให้ฝรั่งเศสยึดง่ายดาย คูตูซอฟ ตั้งใจถอยไป แคว้นโมราเวีย อันมีชัยภูมิเป็นหุบเขาสลับไปมาเพื่อกองหนุน กองทัพนโปเลียนซึ่งไล่ตามต้องกระจายกองทัพไปเพื่อดูแลเขตยึดครองและแนวหลัง ทำให้เขาเหลือทหารราวๆ 68,000 นาย ในขณะที่กองหนุนฝ่ายรัสเซียมาเพิ่มทำให้ พันธมิตรมีทหาร 89,000 นาย ทางพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์แห่งรัสเซียที่เสด็จตามกองทัพมาด้วยต้องการชัยชนะอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง ส่วนฝ่ายจักรพรรดิฟรานซ์แห่งออสเตรียก็อยากยึดเวียนนาคืนได้เร็วๆเช่นกัน จึงเข้าแทรกแซงการบังคับบัญชาของ คูตูซอฟ และเร่งเผด็จศึกกับนโปเลียน
ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งทัพบริเวณ ออสเตอร์ลิตซ์ โดยฝ่ายนโปเลียนก็ส่งสัญญาณให้พันธมิตรเห็นถึงความอ่อนแอหลายอย่างเช่นส่งทูตมาเจรจาขอพักรบหรือถอยทิ้งเนินพาสเซิน อันเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทำให้พันธมิตรคิดว่าฝ่ายนโปเลียนน่าจะมีกำลังทหารไม่มากและกำลังถอย เสนาธิการของออสเตรียวางแผนจะตีตลบเข้าปีกขวาของกองทัพฝรั่งเศสซึ่งวางกำลังเบาบาง ด้วยกำลังทหารกว่า 40,000 นาย ก่อนจะใช้ปีกซ้ายและขวาของตนขนาบฝรั่งเศสให้เป็นคีม โดยฝ่าย เสธ.ออสเตรีย คิดเพียงว่านโปเลียนกำลังจะถอย..
ซึ่งฝ่ายนโปเลียนวางแผนโดยการล่อให้พันธมิตรเข้าตีปีกขวาของตน เมื่อทหารฝ่ายพันธมิตรลงจากเนินพาสเซินหมด กองทัพส่วนใหญ่ที่ซุ่มซ่อนตามเนิน ซูราน ก็จะรุกขึ้นเนินพาสเซิน และเขาทะลวงกองกลางพันธมิตรให้แตก ส่วนปีกขวาของนโปเลียนนั้นจะถูกเสริมกำลังโดยกองทัพน้อยที่ 3 ของ จอมพลดาวูต์ที่เร่งเดินทัพหามรุ่งหามค่ำเพื่อมาสมทบ แน่นอนว่าฝ่ายพันธมิตรไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
ถึงวันรบช่วงเช้าวันที่ 2 ธันวาคม หมอกลงจัด ฝ่ายพันธมิตรทำตามแผนคือทุ่มกำลังเข้าตีปีกขวาแต่การเดินทัพของพวกเขาล่าช้า เพราะกองทัพผสมขนาดใหญ่หลายเชื้อชาติและแผนการรบยังกระจายไปไม่ทั่วถึงทำให้ทหารบางหน่วยยังคงสับสน แน่นอนว่าพอฝ่ายพันธมิตรพากันเฮโลลงจากเนิน ทหารฝรั่งเศสจากกองทัพน้อยที่ 4 จำนวน 2 กองพล อาศัยหมอกยามเช้ากำบังสายตา จนกว่าฝ่ายพันธมิตรรู้ตัวก็เวลา 8 โมงเช้า ยามแสงแดดส่อง ทำให้พวกเขาเห็นทหารฝรั่งเศสจำนวนมากกรูขึ้นเนิน!!! เนินพาสเซิน เสียให้ฝรั่งเศสอย่างง่ายดาย ตรงกันข้ามกับปีกขวาของฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการป้องกันจากแนวคลองและปราสาทเล็กๆหลายแห่ง ฝ่ายพันธมิตรตีปีกขวาฝรั่งเศสไม่แตกเสียที ซ้ำร้ายกองทัพน้อยที่ 3 ของ ดาวูต์ ยังเดินทัพ มาช่วยหนุนปีกขวา
ปีกซ้ายของฝั่งพันธมิตรก็โดนทหารฝรั่งเศสดันกลับไป ตอนนี้ฝ่ายพันธมิตรกำลังวิกฤต พระเจ้าซาร์เลยสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ชั้นหัวกะทิของตนไปยึดเนินคืนมาให้ได้ ซึ่งในตอนแรกก็เหมือนจะทำสำเร็จ แต่นโปเลียนส่งทหารรักษาพระองค์ของตนมาตีโต้และดันพวกรัสเซียลงจากเนิน คราวนี้กองกลางของพวกพันธมิตรจึงแตกออก
ทหารฝรั่งเศสเลยวกกลับมาตีฝ่ายพันธมิตรที่อัดกันอยู่บริเวณปีกขวาของฝรั่งเศสจนถอยไปทางใต้ที่มีทะเลสาบน้ำแข็ง นโปเลียนสั่งให้ยิงปืนใหญ่ใส่ทะเลสาบน้ำแข็งจนทหารรัสเซียจมน้ำตายไปกว่า 2,000 นาย การยุทธนี้จบลงด้วยชัยชนะงดงามของฝรั่งเศส โดยฝ่ายฝรั่งเศสเสียชีวิตไป 1,3000 นาย บาดเจ็บราวๆ 7,000 นาย ส่วนฝ่ายพันธมิตรเสียชีวิตไป 16,000 นาย ถูกจับเป็นเชลย 20,000 นาย ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลทำให้รัสเซียต้องล่าถอยกลับไปเลียแผล ส่วนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ก็ล่มสลายลงและถูกแทนที่ด้วยจักรวรรดิออสเตรีย แต่อำนาจของจักรพรรดิออสเตรียไม่ได้มีเหนือเยอรมันอีกต่อไป เพราะพวกเขาไปอยู่ใต้อำนาจของนโปเลียนแทน
ชัยชนะครั้งนี้นับเป็นการประสบความสำเร็จทางทหารของนโปเลียนครั้งยิ่งใหญ่และทำให้จักรวรรดิฝรั่งเศสผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของยุโรป
สำหรับบทความเต็มๆแอดทยอยลงในกลุ่มเฟสบุ๊ค Napoleonic & Early Modern History ประวัติศาสตร์ยุคนโปเลียนและยุคใหม่ตอนต้น
โฆษณา