11 ธ.ค. 2020 เวลา 11:30 • ธุรกิจ
อะไรคือการเรียนรู้แบบ 70-20-10 แล้วมันสำคัญอย่างไร
2
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้การเรียนรู้แบบ 70-20-10 ได้รับการพูดถึงกันมาก โดยเฉพาะการเรียนรู้ในองค์กร รวมไปถึงการ Reskill และ Upskill ของคนด้วย
6
จะว่าไปโมเดลนี้ไม่ได้ใหม่ครับ เพราะว่าถูกคิดตั้งแต่ปี 1980 โดยทีมนักวิจัยของ Center for Creative Leadership ซึ่งเป็นหน่วยงานไม่แสวงหากำไร จุดประสงค์ก็เพื่อจะสร้างบุคลากรในองค์กรที่ดี
6
ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่า สูตรนี้ยังทันสมัยอยู่และค่อนข้างเวิร์คทีเดียว และเอาไว้ใช้เป็นแม่แบบของการพัฒนาบุคลากรได้ แต่ว่าอัตราส่วนของ OSF (on-the-job, social, formal) อาจจะไม่ได้เป็น 70-20-10 แล้วก็ได้ อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับลักษณะงาน, ตัวผู้เรียน และอุตสาหกรรมที่แต่ละองค์กรอยู่ด้วย
เราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ครับ
7
1. 70% มาจากเวลาที่ใช้ในการเรียนจากประสบการณ์การที่ได้จากการทำงาน :
18
อันนี้ฟังดูเหมือนง่าย แต่จริงๆ ไม่ง่ายเท่าไร เพราะการทำงานบางทีทำไปเรื่อยๆ มันจะเริ่มวนลูปเดิม การเรียนรู้จากเรื่องงานจะน้อยลง ทำให้ความท้าทายน้อยลงไปด้วย เราอาจจะมีคำถามว่าจะทำยังไงให้คนได้เรียนรู้จากการทำงานมากขึ้น
2
จริงๆ ผมว่ามีหลายวิธีแต่ผมขอยกตัวอย่างมาซักอันละกันครับ
1
ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณเก่ง CEO ของ RGB 72 และผู้จัดงาน Creative Talk Conference ซึ่งมีอยู่เรื่องนึงที่คุณเก่งพูดแล้วผมชอบมาก ผมถามคุณเก่งว่า ทำยังไงถึงจะให้คนที่อยู่กับเรารู้สึกท้าทายตลอดเวลา ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา
2
คุณเก่งบอกว่า “ต้องสร้าง Challenge ให้เขา”
แล้วคุณเก่งก็เล่าเรื่อง Pixar ว่าทุกครั้งที่ Pixar สร้างภาพยนตร์ใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำคือสร้าง Challenge ใหม่อย่างน้อยหนึ่งเรื่องให้ทีมเสมอ อย่างเช่น ตอนที่ทำภาพยนตร์เรื่อง Finding Nemo ซึ่งเป็น ภาพยนตร์ที่จำลองฉากใต้ทะเลมา ซึ่งก่อนหน้านั้น ทีมทำงานกับฉากที่อยู่บนบกตลอด การเคลื่อนที่ของของที่อยู่บนบกกับใต้ทะเลนั้นต่างกัน ดังนั้น พวก Animator จึงต้องไปเรียนดำน้ำให้ได้ใบ Certificate มา เพื่อจะได้ทำ Movement ของสรรพสัตว์และสิ่งของใต้น้ำได้สมจริงที่สุด
10
ดังนั้นการสร้าง Challenge ก็ถือเป็นรูปแบบนึงของการเรียนรู้จากการทำงาน แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่ การเรียนรู้จากการทำงานนั้นจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดก็ต่อเมื่อ
3
- หัวหน้างานให้ความสำคัญในเรื่องนี้ : ให้เวลา ให้ความใส่ใจในการออกแบบประสบการณ์ในการเรียนรู้จากหน้างานให้กับลูกทีมของตัวเอง
- มี Feedback Loop : เพราะจะเรียนรู้ได้ดีต้องมี Feedback อย่างเป็นระบบครับ
4
2. 20% จากการทำงานร่วมกับผู้อื่น :
เรื่องนี้ก็สามารถทำได้หลายรูปแบบเช่นกัน เช่น การทำ Cross Function Team เอาคนจากหลายๆ แผนกมาร่วมกันทำโปรเจคอะไรบางอย่าง เป็นลักษณะของ Virtual Team คือทีมที่รวมกันมาเฉพาะเรื่อง และมาจากหลากหลายแผนก อย่างในกรณีของที่ศรีจันทร์ทีมนวัตกรรม (Innovation Team) จะมีลักษณะเป็น Virtual ทีมที่ผมเป็นคนนำทีมนี้เอง
4
หรือกิจกรรมอย่าง Knowledge Sharing คือการที่ใครก็ได้อยากมาแชร์เรื่องอะไรก็ได้ ไม่ต้องเกี่ยวกับเรื่องงานก็ได้ ซึ่งก็เป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยทำให้เราได้เรียนรู้การทำงานกับผู้อื่นเช่นกัน ส่วนตัวคิดว่าการเรียนรู้จากการทำงานกับผู้อื่นนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อหัวๆ ขององค์กรต้องเอาด้วย เพราะเรื่องนี้ต้องการแรงกระตุ้นเยอะครับ
3
3. 10% จากการเรียนอย่างเป็นทางการ :
1
อันนี้คือรูปแบบของการ Training ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น Online หรือ Offline ก็ได้ ความดีของโลกยุคนี้คือ ไม่ว่าเราจะต้องการเรียน Skill อะไรเพิ่ม เราแทบจะสามารถเลือกเรียนจากคนที่เก่งที่สุดในสาขานั้นๆได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนของโลกก็ตาม
6
เราอยู่ในยุคที่การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ มีความสำคัญไม่แพ้การทำงานแล้ว ดังนั้น Mindset ของการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) และ Mindset เรื่องการปรับตัว (Adaptabliity) ขององค์กรจะเป็นตัวเพิ่มความสามารถในการแข่งขันที่ดีทีเดียว
6
Anthony J. D'Angelo เคยกล่าวไว้ว่า
4
"Develop a passion for learning. If you do, you will never cease to grow."
6
“ถ้าหากคุณหลงใหลในการเรียนรู้ คุณจะไม่มีวันหยุดพัฒนาและเติบโต”
13
โฆษณา