หนึ่งในลีกกีฬาที่ขึ้นชื่อกับการจบอาชีพของนักกีฬาก่อนเวลาอันควรคือ NBA ลีกบาสเกตบอลอันดับหนึ่งของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นลีกแห่งความฝันของนักบาสทั่วโลก
แต่การจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการบาสเกตบอลมีความเสี่ยง หากผิดพลาด ล้มเหลวในการไขว่คว้าดวงดาว ณ ยอดภูเขาที่ชื่อ NBA ... เมื่อตกลงมาแล้วชีวิตนักกีฬาของใครหลายคน อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Main Stand จะพาไปพบกับเรื่องราวของลีก NBA ลีกบาสในฝันของคนรักบาสทุกคน กับความฝันที่แตกสลายของนักบาสบางคนที่ไปไม่ถึงดวงดาว บนถนนแสนโหดร้ายที่ชื่อว่า “NBA”
ลีกซึ่งไม่มีที่ว่าง สำหรับผู้แพ้
เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟนบาส และคอกีฬาว่า NBA (National Basketball Association) คือลีกที่โหดเหี้ยมและไร้ความปราณี โดยเฉพาะผู้เล่นดาวรุ่งหน้าใหม่ที่เข้าสู่ลีกได้ไม่นาน
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นใน NBA ต้องแบกรับความคาดหวังจากผู้คนรอบสารทิศมากขนาดนี้ เนื่องจากลีกบาสเกตบอลอันดับหนึ่งของโลก ไม่ใช่ลีกที่ใครจะมาวาดลวดลายได้ง่ายๆ
เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นใน NBA ต้องแข่งขันมากพอสมควรเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ แต่หากย้อนมองเส้นทางของผู้เล่นก่อนเข้า NBA แล้ว ความยากลำบากของพวกเขาได้เริ่มมาตั้งแต่ก่อนเป็นผู้เล่นในลีกด้วยซ้ำ
มีการเก็บข้อมูลเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา โดยทาง NCAA องค์กรที่จัดการแข่งขันกีฬาในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลที่แสนน่าตกใจของการเข้าสู่ลีก NBA
ด้วยความยากลำบากของการเข้าสู่ลีกบาสเกตบอล ทำให้ผู้เล่นทุกคนที่ถูกดราฟต์เข้าสู่ NBA ถูกเชื่อโดยสนิทใจ ว่าเขาคือผู้เล่นที่ดีจริงเท่านั้น ถึงสามารถถูกเลือกเข้ามาเล่นลีกนี้ได้ NBA จึงเป็นลีกกีฬาที่จ่ายค่าเหนื่อยให้นักกีฬาแพงมากที่สุดในโลก
สวิฟท์ถูกพบว่า เขายังไม่พร้อมกับการเล่นใน NBA การตัดสินใจที่จะไม่เข้าลีกมหาวิทยาลัย และข้ามมาเล่นลีกอาชีพเลยคือความผิดพลาดอย่างร้ายกาจ ตลอดช่วงเวลา 4 ฤดูกาลใน NBA (ปี 2004-2006 และ 2007-2009) เขาไม่เคยทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนที่ทุกคนคาดหวังไว้ ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ลีก
และสวิฟต์ต้องปิดอาชีพตัวเองในฐานะนักบาสของ NBA ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น
“ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงทีมได้ตามที่ผู้คนคาดหวัง ด้วยการเล่นที่เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป มันทำให้ผมไปได้ไม่ดีใน NBA ผมไม่มีความสุขเลยตลอดช่วงเวลาที่เล่นในลีก สุดท้ายผมต้องออกมาเพื่อหาความสุขให้ตัวเองอีกครั้ง”
Photo : celebritynetworthnow.com
สวิฟท์ตัดสินใจหนีความกดดันอันหนักอึ้งใน NBA ลงไปเล่นในลีกรองอย่าง NBA D-League (ชื่อปัจจุบัน NBA G-League) แต่กลับต้องออกจากลีกอีกครั้ง หลังเล่นไปได้เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น
ความฝันที่พังทลาย จากความกดดันของผู้เล่นใน NBA กลายเป็นปัญหาใหญ่ของลีกบาสเกตบอลอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งทาง NBA ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามหาทางออกให้กับปัญหานี้
Photo : dailyknicks.com
NBA G League (เอ็นบีเอ จี ลีก) หรือชื่อเก่าซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง NBA Development League (เอ็นบีเอ ดีเวล็อปเมนต์ ลีก) คือทางออกของเรื่องนี้ ซึ่ง G League คือลีกรองที่ NBA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2001 เพื่อเป็นลีกทางเลือกให้ผู้เล่น ซึ่งไม่ถูกดราฟต์เข้า NBA ได้มาเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักบาสเกตบอลที่ลีกนี้
หลังจากปัญหาของผู้เล่นหลายคน ซึ่งต้องเผชิญมรสุมชีวิตหลังต้องออกจาก NBA ก่อนเวลาอันควร ทำให้ในช่วงระยะหลัง NBA พยายามผลักดันให้อดีตผู้เล่นของ NBA ย้ายมาเล่นที่ G League เพื่อให้เหล่านักบาส มีโอกาสหวนคืนสู่สนามอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังกลับเข้าไปร่วมในลีกใหญ่ ซึ่งผลสุดท้ายมักจบด้วยการไม่ถูกเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม
มีการสำรวจในปี 2013 ว่า ผู้เล่นถึง 33 เปอร์เซนต์ใน G League เคยเล่นใน NBA มาก่อน และจวบจนถึงปัจจุบัน อดีตผู้เล่นของ NBA หันมาเล่นในลีกรองนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะลีกนี้กลายเป็นโอกาสสำคัญที่ ทำให้ผู้เล่นได้โชว์ฝีมือและเรียกความมั่นใจกลับมา ในลีกที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก
แอนโทนี เบนเน็ตท์ (Anthony Bennett) หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกเรียกขานว่าล้มเหลวที่สุดตลอดการของ NBA ในฐานะดราฟต์อันดับหนึ่งของปี 2013 แต่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงตลอด 4 ปีกับ 4 ทีม ใน NBA จนต้องอพยพไปเล่นที่ตุรกี ได้รับโอกาสกลับมามีที่ยืนในวงการบาสอเมริกาอีกครั้งที่ G League
เบนเน็ตท์ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในลีกรองกับทีมนอร์เทิร์น แอริโซนา ซันส์ (Northern Arizona Suns) ในปี 2017 ที่เขากลับมาทำผลงานได้ดีจนกลับไปมีชื่อติดทีมชาติแคนาดาอีกครั้ง และเจ้าตัวยังคงเล่นอยู่ใน G League เพื่อรอวันกลับไปเล่นใน NBA อีกครั้ง
Photo : www.dcourier.com
นอกจากนี้แล้ว G League ยังเป็นลีกที่เปิดพื้นที่ให้จอมยัดห่วงสูงอายุหลายราย ที่เคยเลิกเล่นหลังหมดอายุการใช้งานใน NBA ได้กลับมาเล่นบาสอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น บารอน เดวิส (Baron Davis) อดีตผู้เล่นดีกรีออล-สตาร์ ที่เคยต้องเลิกเล่นบาสนานถึง 4 ปี จากอาการบาดเจ็บ ก็ได้โอกาสกลับมาคืนสนามที่ G League
รวมถึง อีเมกา โอคาฟอร์ (Emeka Okafor) อดีตดราฟต์อันดับสองของปี 2004 ซึ่งต้องหยุดเล่นบาสไปเมื่อปี 2013 ด้วยอาการบาดเจ็บบริเวณคอ ได้กลับมาเล่นบาสอีกครั้งในปี 2017 ที่ G League
ก่อนที่โอคาฟอร์จะทำในสิ่งที่ช็อคแฟนบาสทั่วโลก เมื่อเขากลับสู่ NBA ได้อีกครั้ง ด้วยการเซ็นสัญญากับทีมนิวออร์ลีนส์ พีลิแกนส์ (New Orleans Pelicans) ในฤดูกาล 2018 ได้รับโอกาสลงสนามไปถึง 26 เกม รวมถึงมีส่วนร่วมกับทีมในรอบเพลย์ออฟอีกด้วย
NBA G League อาจไม่ใช่ลีกชื่อดังเป็นที่รู้จักของแฟนบาสแบบ NBA คุณภาพของการแข่งขัน, รายได้และมูลค่าของลีกล้วนยังห่างไกลกับลีกบาสอันดับหนึ่งของโลกมากนัก
แต่การจะเล่น NBA ลีกไหน คงไม่สำคัญเท่ากับการมีลีกแข่งขัน ซึ่งเป็นพื้นที่ให้นักบาส ได้รักษาความฝันที่จะเล่นใน NBA ให้คงอยู่ไม่สูญสลายไป เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเจ็บปวด จากความฝันที่พังทลาย และเกิดเรื่องราวน่าเศร้าแบบโรเบิร์ต สวิฟท์ และ เกร็ก โอเดน กับผู้เล่นบาสคนอื่นในอนาคต