หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า Tesla ได้พูดคุยเจรจากับทางรัฐบาลอินโดนีเซียเรื่องการเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า กลายเป็นคำถามว่า Tesla ได้เลือกแล้วที่จะลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งคันในอินโดนีเซียเลยหรือไม่? แสดงว่าไทยจะพลาดโอกาสการฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ไปแล้วหรือเปล่า? เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ก็ได้พูดคุยกับทาง Tesla เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเหมือนกัน
อุปสรรคต่อมาก็คือ รสนิยมการซื้อรถของชาวอินโดนีเซีย ที่นิยมรถยนต์ประเภทรถอเนกประสงค์ หรือ SUV มากกว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลประเภทอื่นๆ ทั้งเก๋ง และกระบะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ทั้งจากญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ต่างถอนการลงทุนและไลน์การผลิตรถยนต์ประเภทอื่นออกจากอินโดนีเซียกลับมาประเทศไทย เพราะรถเก๋งและกระบะไม่ค่อยได้รับความนิยม และยังคงไลน์การผลิตรถยนต์ SUV ที่ตลาดต้องการเอาไว้แทน
หากลองนำรุ่นรถยนต์ของ Tesla มาแมทช์กับตลาดอินโดนีเซียจะเห็นช่องโหว่ทันที เพราะรุ่นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของ Tesla ก็คือรุ่น Model 3 เป็นรถเก๋งที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในตลาด ส่วนรุ่น SUV อย่าง Model X ก็ไม่ใช้รถราคาตลาดทั่วไปเนื่องจากมีราคาค่อนข้างสูง อย่างในอเมริการถรุ่นนี้ตัวเริ่มต้นคือ TESLA MODEL X 75D ซึ่งค่าตัวเริ่มต้นที่ 81,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเท่ากับประมาณ 2.84 ล้านบาทไทย แต่ในอินโดนีเซียราคาอยู่ที่ 3,000 ล้านรูเปีย หรือราว 6.4 ล้านบาท แพงกว่ากันถึง 1.5 เท่า
ดังนั้นตลาดภายในประเทศอินโดนีเซียแม้จะมีประชากรมหาศาลก็จริง แต่กำลังซื้อของประชากรและรสนิยมการซื้อรถยนต์อาจจะไม้ตอบโจทย์หรับการขายในประเทศแน่นอน เพราะราคารถยนต์ของ Tesla ค่อนข้างสูงอย่างปฏิเสธไม่ได้
อีกเรื่องก็คือการครองตลาดของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีไทยเป็นฐานการผลิตหลักมาเนินนาน อาจเป็นตัวขวางการเข้ามาลงทุนของ Tesla ได้เช่นกัน เพราะแน่นอนว่าค่ายรถญี่ปุ่นจะต้องพยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ และกดดันเหล่าซัพพลายเออร์ และซัพลลายเชนของตัวเองไม่ให้ผลิตส่วนประกอบของรถยนต์ให้ Tesla ด้วยการอ้างสิทธิบัตรทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งอาจจะต้องไปแก้ไขในขั้นของกฎหมายก็เพื่อลดการผูกขาด และอาจกลายเป็นแต้มต่อให้อินโดนีเซียใช้จุดนี้ในการให้ซัพพลายเออร์ในประเทศสามารถส่งวัตถุดิบการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ Tesla ได้แทน
อย่างไรก็ตามเวลานี้ Tesla ยังไม่ได้เลือกว่าจะปักหมุดลงทุนที่ประเทศไหน เพราะทั้งไทย และอินโดนีเซียต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าหมุดหมายสำคัญจะปักลงที่หัวใคร เพราะถ้าปักถูกประเทศเมื่อไหร่ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศนั้นอาจจะได้รับอานิสงส์ทันที