17 ธ.ค. 2020 เวลา 07:27 • การศึกษา
ถ้าพูดถึงปลาคาร์พ (Carp) หลายคนจะนึกถึงปลาสวย ๆ สีสันหลากหลายกันใช่ไหมคะ
แต่จริง ๆ Carp หรือ Common carp คือ ปลาไน
ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay
ปลาไน เป็นปลาน้ำจืดที่อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน เป็นปลาน้ำจืดที่เชื่อกันว่าเป็นปลาชนิดแรกของโลกที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร
โดยเลี้ยงที่ประเทศจีน เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว โดยเริ่มเลี้ยงพร้อมกับปลาทอง จากนั้นมีการนำไปเลี้ยงที่อังกฤษ ฝรั่งเศส ทวีปอเมริกา และแพร่หลายไปประเทศต่าง ๆ สำหรับไทย เริ่มนำมาเลี้ยงโดยชาวจีนที่กรุงเทพฯ
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.watnongmuang.com/news/detail.asp?id=2068
และประเทศญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ปลาไนดั้งเดิมให้มีสีสันสวยงามอยู่เป็นระยะเวลานานจนได้เป็นปลาแฟนซีคาร์พ (Fancy carp) หรือที่เราเรียกสั้น ๆ กันว่าปลาคาร์พ นั่นเอง
โดยมีหลายสายพันธุ์ เช่น โคฮากุ, ตันโจ, ซันโกกุ และมีการประกวดและทำฟาร์มเพาะเลี้ยงกันจนเป็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น และปลาคาร์พกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay
สำหรับการเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์พในประเทศไทย เกิดขึ้นในปี 2493 โดยนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนั้นถือเป็นปลาสวยงามที่มีราคาสูง
ในปี 2498 พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนำเข้าปลาชนิดนี้จากญี่ปุ่นเพื่อเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ และให้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า "ปลาอัมรินทร์"
ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay
ในขณะที่กรมประมงเรียกปลาชนิดนี้ว่า "ปลาไนญี่ปุ่น" หรือ "ปลาไนสี" หรือ "ปลาไนแฟนซี" จากนั้นก็มีการเลี้ยงกันแพร่หลายกันในปัจจุบันจนราคาถูกลงจนไปถึงหลักสิบ
เราเองยังไม่เคยเพาะพันธุ์ปลาแฟนซีคาร์พ แต่ได้เลี้ยงสะสมพ่อแม่พันธุ์ไว้และนำไปให้เพื่อนเพาะไขว้สายพันธุ์และแบ่งลูกกัน โดยใช้วิธีผสมเทียม เป็นปลาแฟนซีคาร์พสายพันธุ์บ้านเราซึ่งราคาไม่แพง แต่ถ้าเกรดนำเข้าจากญี่ปุ่นจะราคาสูงกว่า
ส่วนสายพันธุ์ปลาไนนั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ เช่น
ปลาไนเกล็ด (Scaly carp) เป็นสายพันธุ์ที่มีในธรรมชาติและเลี้ยงมากในแถบเอเชีย รวมถึงบ้านเราด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก http://feeding-fish.blogspot.com/2008/11/blog-post_18.html?m=1
ปลาไนหนัง (Leather carp) เป็นสายพันธุ์ที่มีในธรรมชาติและเลี้ยงมากในแถบยุโรป
ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay
ปลาไนกระจก (Mirror carp) เป็นสายพันธุ์ที่มีในธรรมชาติและเลี้ยงมากในแถบยุโรป
ขอบคุณภาพจาก https://www.seafishpool.com/mirror-carp-difference-between-common-and-mirror-carp/
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น Grass carp , Crucian carp ส่วน Koi carp หรือแฟนซีคาร์พ นับเป็นอีกสายพันธุ์ของปลาไน (Koi เป็นภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ปลาคาร์พ ) แต่เลี้ยงในเชิงปลาสวยงาม
ปลาไนที่เราเคยเพาะจำหน่ายจะมีทั้งแบบสีส้มและแบบสีเงินปนเทา ส่วนปลาไนที่กรมประมงเพาะพันธุ์เพื่อแจกจ่ายหรือปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติมักจะเป็นปลาไนสีเงินปนเทา
ปลาไนสีส้ม
การเลี้ยงปลาไน
ปลาไนเป็นปลากินพืชที่นิยมเลี้ยงควบคู่ไปกับปลาตะเพียนและปลานิล เนื่องจากปลาไนมีนิสัยขุดคุ้ยเก่งจึงเป็นการกระตุ้นให้ปลาอื่นกระตือรือร้นในการหากิน ช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดี
1
และตลาดของปลาไนมีไม่กว้างเหมือนปลาอื่น ๆ การเลี้ยงในปริมาณมาก ๆ จึงต้องคำนึงถึงตลาดด้วย
อาหารที่ใช้เลี้ยง ใช้อาหารปลาดุกทั่วไป และปลาไนยังเป็นปลาที่กินอาหารในธรรมชาติด้วย เช่น จุลินทรีย์ในน้ำ ลูกน้ำ แหน พืชน้ำ
ควรให้อาหารแค่วันละครั้งในช่วงเช้า และอย่าให้มากจนน้ำเสีย เพราะปลาไนเป็นปลาต้องการออกซิเจนสูง
ถ้าให้อาหารช่วงเย็น เมื่อปลากินอิ่มบวกกับกลางคืนออกซิเจนในน้ำลดลง อาจทำให้ปลาขาดอากาศ ซึ่งจะมีอาการลอยหัว คือ โผล่ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำ ถ้าปล่อยไว้ปลาอาจตายได้
ด้านการขาย ปลาไนสีเงินปนเทาจะนิยมบริโภคกันมากกว่าเพราะคล้ายปลานิลและปลาตะเพียนและหาได้ทั่วไปในธรรมชาติ ส่วนปลาไนสีส้มมีสีสันที่สวยงามคล้ายกับปลาคาร์พ
ขอบคุณรูปภาพจาก https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1884124971607071&id=1179131115439797
ซึ่งหลายคนมองว่าสวยงามเกินกว่าจะนำมาบริโภค และเวลาเลี้ยงมองเห็นได้ชัด เป็นตัวล่อให้นกมากินปลาได้ง่ายกว่า ต้องคลุมตาข่ายไว้
1
ระยะเวลาเลี้ยง ประมาณ 6 เดือน จะได้น้ำหนักที่ประมาณครึ่งกิโลกรัม น้ำหนักตัวที่นิยมเลี้ยง คือ 1 ก.ก. ราคาขายที่ 60-80 บาท/ก.ก.
1
หวังว่าจะทำให้ทุกคนได้รู้จักปลากันมากขึ้นนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่แวะมาทักทายกันค่ะ ❤️
โฆษณา