ไม่ธรรมดา
ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดิน และมีความสุขในทุกย่างก้าว
ชีวิตเราเต็มไปด้วยเรื่อง ธรรมดา เช่น ตื่นมา อาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถไปทำงาน กินอาหารเที่ยงกับเพื่อนในที่เดิม ๆ
ตอนเย็นกลับมาก็เห็นหน้าภรรยาหรือสามีคนเดิม ใส่ชุดธรรมดา ๆ หน้าตาเราหรือก็ธรรมดา ๆ เราส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นคนธรรมดา ๆ มีชีวิตธรรมดา กันทั้งนั้น..
แต่ถ้าความ "ธรรมดา" นี้หมดไปล่ะ เช่น อยู่ดี ๆ ลูกเราเกิดเป็นมะเร็ง ไปมีเรื่องนอกบ้าน ติดยา คบเพื่อนไม่ดี..
หรือสามีเราตายไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หรือเราถูกไล่ออกจากงาน... เรื่องก็จะ ไม่ธรรมดา ไปในทันที และในเวลานั้นเอง เราจะหวนมาคิดเสียดายความ ธรรมดา จนใจแทบจะขาด...
ให้เรารีบชื่นชมกับความ ธรรมดา ที่เรามี และใช้ชีวิตประหนึ่งว่า สิ่งนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของ จักรวาล
เพราะสิ่งธรรมดา ๆ แท้จริงแล้วคือ สิ่งที่พิเศษที่สุดแล้ว สำหรับมนุษย์อย่างเรา
ความไม่ธรรมดา ที่ถูกหยิบยกมาจาก ความธรรมดา
สิ่งธรรมดา คือสิ่งพิเศษ" ถึงแม้มันจะทำให้ฉันคิดว่า "เป็นการยากที่เราจะรักษา ความธรรมดานั้นไว้ได้ ก็ตาม" แต่มันก็ยังแฝงแง่คิดอันลึกซึ้งอยู่ในประโยคนั้น..
พระพุทธศาสนา สอนให้เราไม่ยึดติด ยึดมั่นสิ่งใด นอกจากคุณความดี เท่านั้น อุปกรณ์การทำความดี ก็คือ "ตัวของเราที่พ่อแม่ให้มานั่นเอง" แต่มันเป็นอุปกรณ์ที่วิเศษ กว่าสิ่งใด ๆ ที่มีในโลกนี้เสียอีก..
ลองคิดดูสิ ถ้าโลกนี้ อุปกรณ์ชิ้นนี้ อยู่ในสภาพที่ดี สมบูรณ์ พร้อมใช้งาน นั่นแหละ เป็นทรัพย์ที่เลิศที่สุดแล้ว ท่านว่าจริงหรือไม่ ?
หลายคนบอกว่า จะจริงหรือ ? ฉันก็แอบคิดเอง เออเองว่า จริงสิ เพราะ ไม่มีทรัพย์ใด ในโลกจะตีราคาค่าตัวของเราได้เลย เช่น ดวงตา 1 ข้าง เราก็คงไม่ยอมจะขายแม้อาจมีคนขอซื้อ..
หรือ จมูกของเรา มีคนขอแลกกับเงินสัก ล้านบาท หรือมือของเรา จะมีคนมาขอซื้อ แค่คิด ก็ไม่ขายแล้ว..
ความธรรมดาคือสิ่งพิเศษ นี้มาก เพราะคนที่ให้ฉันและทุกคนเป็นคนธรรมดา ร่างกายครบ 32 ประการนี้แหละ แน่นอน ผู้ที่ให้สมบัติชิ้นนี้กับเรามา ย่อมมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด นั่นก็คือ พ่อและแม่ เจ้าของชีวิตและเลือดเนื้อในกายนี้ของเราใช่หรือไม่ ?
เพราะในโลกนี้ ใครเลยจะให้ของมีค่าที่มีมูลค่ามากกว่านี้ คงไม่มีอีกแล้ว...
zabax2