คนคณะจิตรกรรมนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับถาปัทม์มาตลอด ตึกเรียนอยู่ชิดเกือบจะติดกัน สาเหตุก็คงเป็นเรื่องแข่งกันโชว์หญิง
โดยเฉพาะจิตรกรรมรุ่น32 จะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันพร้อมใจกันทั้งรุ่น เรามีจอมเตะซ้ายขะเบ็ด3ชั้นอย่างนักมวย(กองเกตุ ชนะพันธ์)
มีเบี้ยวประสพโชคผู้มีควายธนูอยู่ในกาย พร้อมจะปลุกให้ไล่ขวิดศัตรูคู่อริได้ทุกเมื่อ. คืนหนึ่งดึกมากเวลาประมาณ4-5ทุ่ม
พวกเราทำงานกันดึก ได้ยินเสียงตะโกนของคนเมาร้องท้าตีท้าต่อยอยู่ใต้ตึกคณะตรงโถงกลางก่อนขึ้นบันไดตึก
(ปัจจุบันนี้เป็นหอศิลป์ของคณะจิตรกรรม) คืนนั้นไม่มีจิตรกรรมคนไหนตั้งวงดื่มเลย คงจะเป็นช่วงเร่งส่งงานเวลาจี้ก้นเอามากๆ
พวกเราทุกคนต่างวางมือจากงานที่ทำอยู่ มาสนองเพื่อนบ้านเรือนเคียง นักบู๊ถาปัทม์ทั้งไอ้ขี้ ไอ้แคม ไอ้โย ไอ้คางคกไฟ...
และอีกเยอะ เข้าตะลุมบอนกันนัวเนียหลายคู่ประหนึ่งการเต้นแทงโก้สะบัดหน้าขาแข้งกันเป็นคู่ๆ เพื่อนเบี้ยวเที่ยวนี้ไม่มีเวลาปลุกควายธนู
เพราะกระชั้นชิดตั้งตัวไม่ทัน หันไปขว้าฟุตเหล็กยาวอุปกรณ์ของห้องภาพพิมพ์ ระหว่างฟาดฟันศัตรูเบื้องหน้า(ไอ้คางคกไฟ)
เลือดอาบเต็มหน้า ในขณะที่เงื้อฟุตเหล็กมาข้างหลังก็มาเฉาะเอาข้อมือขวาของข้าพเจ้าจนเอ็นขาด กำหมัดต่อยต่อไม่ได้
นิ้วมือเหยือดออกบังคับให้เคลื่อนไหวไม่ได้เลย รุ่นพี่ทั้งสองฝ่ายเข้าแยกทุกคู่ออกจากกัน ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ตามพื้น
(ตึ๋งพร ใช้วิชาไมท์ไทสัน กัดหูคู่ต่อสู้จนพี่ปู่เกษมศักด์ต้องดึงที่ผมตึ๋งขึ้นมาจึงยอมปล่อย) รามายาณะ มหาภารตะยุทธก็สิ้นสุดลง
กองทัพทั้งสองฝ่ายก็พากันถอนทัพข้ามเจ้าพระยาด้วยเรือคุณหญิงสุภัทรา สิงหลกะ นั่งหน้าระห้อยรอหมอทำแผลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
รพ.ศิริราช.ดึกๆอย่างนี้หมออินเทิร์นมีหนูทดลองได้ฝึกมือกันตรึม โดยเฉพาะการเย็บต่อเอ็นข้อมือขวาของข้าพเจ้าคงไม่มีมาให้ทำบ่อยๆ
อาจารย์หมอก็เล็กเชอร์ให้นักเรียนแพทย์ฟังกันยาวเหยียด จนยาชาที่ฉีดไว้ค่อยๆลดประสิทธฺภาพลง รู้สึกเจ็บขึ้นเรื่อยๆ
ต้องร้องขอซ้ำอีกเข็ม กว่าจะเย็บต่อเอ็นที่ขาดและใส่เฝือกอ่อนได้ก็เกือบเที่ยงคืน เรือข้ามฝากจะหมดพอดี กลับมานอนปวดข้อมือที่คณะ
มือขวาใส่เฝือกอ่อนใช้งานอะไรไม่ได้เลยเป็นเวลา2เดือน พอถอดเฝือกแล้วก็ต้องทำกายภาพให้กลับมายืดงอได้เหมือนเดิมอีกหลายเดือน
เพราะหมอดึงเอ็นมาทบกันแล้วเย็บติดกันมันลั้งฝ่ามือให้ตั้งฉากกับแขนเป็นตัวแอล เหมือนนางรำ...การบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้ได้ฝึกการใช้มือซ้าย
ทำงานทุกอย่าง รวมถึงวาดรูปด้วยมือซ้าย การกะระยะ แรงกดน้ำหนักของภู่กันต้องนับหนึ่งใหม่เลย ถ้าไม่ส่งงานก็คงตกในวิชานั้นๆ
วิชาเพ้นท์อาจารย์ให้ฟรีซับเจค ก็เลยเลือกวาดตัวเอง เป็น Self portrait สีน้ำมัน บันทึกช่วงเหตุการณ์บาดเจ็บใหญ่ร้ายแรง
ที่จะส่งผลต่ออาชีพที่เรารักไป ต้องขอบคุณเบี้ยว และเพื่อนๆถาปัทม์ (มหาภารตะยุทธคือการทำสงครามรบพุ่งกันที่ทุ่งกุรุเกษตร
ระหว่าง พี่น้องสองตระกูล คือตระกูลเการพ และตระกูลปาณฑพ สืบเชื้อสายมาจากท้าวภรตต้นธารเดียวกัน พวกเราชาวศิลปากร
ก็เช่นกันเป็นพี่น้องกันถือกำเนิดมาจากอาจารย์ศิลปคนเดียวกัน ผู้วางรากฐานมหาวิทยาลัยศิลปากร.)จากนั้นก็ค่อยๆเลิกบาดหมางกัน
ทุกๆปีหลังการซ่อมน้องรวมทุกคณะผ่านไป ชาวศิลปากรจะจัดงานแสดงแสงสีเสียงของแต่ละคณะมาแสดงสดที่เวทีใหญ่สนามบาส
หน้าตึกยูเนี่ยน เบี้ยวเป็นผู้เขียนบท กำกับการแสดง เลือกตัวนักแสดง เลือกเพลงประกอบ *เปี๊ยกซุปเปอร์แมน
(สมศักด์ หรือชื่อปัจจุบันคือ ศักย ขุนพลพิทักษ์ เพื่อนร่วมรุ่นจิตรกรรม32) ก็ได้ถือกำเหนิดขึ้นจากการเป็นผู้เข้ามาห้ามศึก ระหว่าง2แก๊งค์ที่มีเรื่องบาดหมางชกต่อยทำร้ายกัน จากหนังเรื่องTHE WANDERERS. ปีค.ศ.1979 เอามาผนวกรวมกันกับซุปเปอร์ฮีโร่อย่างซุปเปอร์แมน บทคลากเค้ทน์สวมแว่นตา เข้ากันได้ดีกันรูปร่างสูงใหญ่ของเปี๊ยก แม้จะเป็นคนขี้อายแต่ถูกกล่อมด้วยคารมของเบี้ยวแล้ว เสร็จทุกราย การแสดงจบลงอย่างสวยงามแฮปปี้เอนดิ้ง ได้รับเสียงตบมือดังกึกก้องยาวนาน โดยมีเปี๊ยกยืนอุ้มเบี้ยวไว้ในอ้อมกอดด้วยชุดกางเกงในสีแดงยูนิฟร์อมของซุปเปอร์แมนมองเห็นเด่นท่ามกลางนักแสดงทั้งหมดของคณะจิตรกรรมยืนเรียงแถวโค้งคำนับเสียงเชียร์ของผู้ชมทั้งหมดในคืนนั้น. เรื่องราวความรักระหว่างเพื่อนหรือหนุ่มสาวและการทะเลาะของแก๊งค์เตอร์ในช่วงวัยรุ่น ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของพวกเราชาวศิลปากร.
เมื่อเบี้ยวเรียบจบในสาขาภาพพิมพ์ในเวลา5ปีตามกำหนดหลักสูตรศิลปะบัณฑิตปริญญาตรี ของคณะจิตรกรรม
ได้เข้าไปร่วมในทีมงานกำกับฉากหนังกับท่านมุ้ยซึ่งมีรุนพี่ๆจิตรกรรมเช่นพี่ตั๋ง-พี่เตี้ย-กบรุ่นน้องด้วย ส่วนรุ่นพี่โบราณคดี
ก็มีพี่หน่อยอภิชาติ โพไพโรจน์-พี่หวิลและพี่หรั่ง.ผลงานสร้างฉากอันยิ่งใหญ่อลังการงานช้างของภาพยนต์*ตำนานสมเด็จพระศรีสุริโยทัย
และเป็นผู้ออกแบบโลโก้ตัวหนังสือของเรื่องนี้ได้อย่างสวยงามลงตัวเข้ากับเรื่องราวมองเห็นภาพ.
เบี้ยวได้ฝากผลงานอันยิ่งใหญ่ไว้กับโลกภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชาติไทย มอบความสนุกสนานให้กับเพื่อนร่วมสถาบัน
เสียงหัวเราะและตาตี่เป็นเส้นตรงจะอยู่ในความทรงจำของเพื่อนๆไปตลอด...