15 ธ.ค. 2020 เวลา 12:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Dr.No (1962) l พยัคฆ์ร้าย 007 : ปฐมบทเจ้าพยัคฆ์รหัสสังหาร 007
บทนำของภารกิจ : Mission introduction
ภาจกิจแรกบนจอเงินของสายลับ 007 James Bond สายลับผู้เก่งกาจของหน่วย MI6 แห่งสหราชอาณาจักร ได้รับภารกิจให้เดินทางไปยังประเทศจาไมก้าเพื่้อไขคดีการหายตัวไปของสายลับร่วมองค์กร และเมื่อไปถึงบอนด์ได้พบกับ Honey Rider (เออร์ซูลา แอนเดรส) สาวสวยปริศนาที่ภายหลังทั้งคู่ถูกไล่ล่าโดยคนของ Dr.No (โจเซฟ ไวส์แมน) นักวิทยาศาสตร์อาชญากรรม ผู้ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างอเมริกันและรัสเซีย (credit : MONOMAX)
เรื่องราวการผจญภัยสุดโลดโผนทั้งหมดเริ่มต้นจาก นิยายการจารกรรมในยุคสงครามที่ประพันธ์โดย Ian Fleming นักประพันธ์ชาวอังกฤษ ซึ่งตัวละครอ้างอิงจากสายลับที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ 2 คน คือ Sidney Reilly สุดยอดสายลับแห่งศตวรรษที่ 20 ผู้มีความสามารถในการปลอมแปลงตัวอย่างแนบเนียน และ William Stephenson สายลับนักประดิษฐ์และนักวางแผนผู้ใช้รหัสแทนตัว Interpid
โดยชื่อของตัวละคร James Bond นั้นหยิบยกมาจากชื่อของผู้ประพันธ์หนังสือชื่อ Birds of the West Indies นักปักษีวิทยาชาวเมริกัน เนื่องจาก Fleming นั้นมีกิจกรรมยามว่างในการส่องนก
Ian Fleming ได้ประพันธ์นิยายชุด 007 ออกมาทั้งหมด 12 เล่มและรวมเรื่องสั้นอีก 2 ตอน โดยเล่มแรกมีชื่อว่า Casino Royale ซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปีค.ศ. 1953 ส่วนความพยายามที่จะนำตัวละครเจมส์ บอนด์ขึ้นสู่จอเงินนั้นเริ่มต้นขึ้นในปี 1959 เมื่อ Kevin McClory และ Jack Whittingham ร่วมมือกับ Fleming ในการสร้างบทภาพยนตร์ชุดแรกบนจอเงินของเจมส์ บอนด์ขึ้นมา แต่จนแล้วจนรอดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นแต่อย่างใด Fleming จึงนำบทของภาพยนตร์ไปสร้างเป็นนิยายหนึ่งเล่มโดยมีชื่อตอนว่า Thunderball
จนในปี 1961 Albert R. Broccoli และ Herry Saltzman ได้ซื้อลิขสิทธิ์นิยายเพื่อนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้รีบสร้างภาพยนตร์ เนื่องจากต้องทำให้บทภาพยนต์นั้นออกมาสมบูรณ์ เพราะในนิยายนั้นเนื้อหาค่อนข้างโหดและไม่เหมาะกับผู้ชมในยุคสมัยนั้น จนต้องหาผู้กำกับที่จะเข้ามาขัดเกลาบทภาพยนต์ให้เหมาะกับคนทั่วไป ซึ่งผู้ที่รับการทาบทามคือ Terence Young ผู้กำกับผู้ที่สร้างแนวทางในการขัดเกลาบทภาพยนต์และตัวละครให้ออกมาถูกปากผู้ชมทั่วไป
จากนั้นจึงทำการคัดเลือกนักแสดงเพื่อจะมารับบทเป็นเจมส์ บอนด์ จนได้ Sean Connery พ่อหนุ่มหล่อล่ำ Mister Universe ชาวสกอตแลนด์ที่บุคลิกแตกต่างจากนิยาย แต่สุดท้ายก็ได้รับบทเจมส์ บอนด์ เนื่องจากภรรยาของ Broccoli ถึงกับออกปากว่า Connery เป็นชายที่มีแรงดึงดูดทางเพศสูงพอควร จึงทำให้ Connery เป็นพยัคฆ์ร้ายคนแรกของครอบครัว 007
ในตอนแรกทางผู้สร้างมีความคิดที่จะนำนิยายเจมส์ บอนด์ตอน Thunderball มาทำเป็นภาพยนตร์เนื่องจาก Fleming เองมองว่านิยายชุดนี้เป็นบทภาพยนตร์ที่จะนำขึ้นจอเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ McCloryและWhittingham นั้นไม่ยอมเนื่องจากตนมีส่วนในการเขียนบทนี้ขึ้นมาและอาจมีการขึ้นโรงขึ้นศาล ผู้สร้างทั้งสองจึงนำนิยายลำดับที่หก Dr.No ขึ้นมาสร้างแทนเพื่อเป็นการตัดปัญหา
เจมส์ บอนด์ ขณะหลบหลีออกจากห้องคุมขังของ ดร.โน
ภาพยนตร์ชุดนี้ใช้ทุนสร้าง 1,000,000 $ แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่มีความซับซ้อนไม่มากจนเกินไป ฉากการต่อสู้ที่ระทึกเร้าใจ สาวบอนด์ผู้มีเสน่ห์ล้นจอ ฉากการต่อสู้ที่เสี่ยงตายและฐานทัพศัตรูที่มีความใหญ่โตมโหฬาร งานสร้างที่มีความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมในยุคนั้น จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ไปถึง 59,000,000 $ กลายเป็นปฐมบทที่ยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ และเป็นบทส่งให้ Sean Connery กลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียงในทันที แฟนๆภาพยนตร์ต่างพากันเฝ้ารอภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเจมส์ บอนด์อย่างใจจดใจจ่อ
อีกทั้งภาพยนตร์ยังได้ทำการทิ้งเชื้อองค์กร SPECTRE (Special Executive for Counter-intelligence, Terrorism, Revenge and Extortion) ไว้อีกด้วย ทำให้โดยรวมแล้วภาพยนตร์ชุดนี้ทำให้วงการภาพยนตร์ ตื่นตัวกับการสร้างภาพยนตร์แนวสายลับการจารกรรม กลายเป็นแม่แบบให้แก่ภาพยนตร์ในยุคต่อๆไปรวมถึงแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์เองด้วย
สำหรับใครที่ต้องการภาพยนตร์สายลับที่มีความคลาสสิค ไม่ได้เวอร์วังอลังการหรือขี้โม้มากจนเกินไปหวังว่าภาพยนตร์เรื่อง Dr.No จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการรับชมภาพยนตร์สายลับ ซึ่งสามารถหามารับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ได้แล้วที่ MONOMAX
สำหรับบทความต่อไป จะกล่าวถึงภาพยนตร์ลำดับที่สอง ที่มีความเข้มข้นน่าติดตามและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ชุดนี้และมีความเกี่ยวข้องกับสงครามเย็นที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องอย่างไร? สามารถติดตามอ่านกันได้ในบทความหน้าครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา