24 ธ.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# Marilyn Monroe หญิงสาวผู้อาภัพ
นักแสดงสาว มาริลีน มอนโร เอาชนะชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ และยั่งยืนที่สุดแห่งคนหนึ่งของโลก เธอเสียชีวิตด้วยการใช้ยาเกินขนาด ตอนอายุ 36 ปี แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
ชีวิตที่น่าสงสาร
Monroe เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1926 ใน ลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย Monroe มีชื่อเต็มตั้งแต่แรกเกิดว่า Norma Jeane Mortenson (ซึ่งเธอได้เปลี่ยนหลังจากรับบัพติศมา เป็น Norma Jeane Baker ) Monroe เติบโตและใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับบุคคลที่รับเธอไปอุปถัมภ์ และในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
จนกระทั่งในปี 1937 เกรซและหมอ ก็อดดาร์ด สามีของเธอ ก็ได้รับ Monroe ไปดูแลเป็นเวลากว่า 3 ปี โดย คุณหมอ ก็อดดาร์ด ได้รับเงิน 25 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์จากแม่ของ Monroe เพื่อให้เลี้ยงดูเธอให้
1
นอกจากนี้ เกรซ และ คุณหมอ ยังค่อนข้างเคร่งในศาสนา และปฏิบัติตามหลักคำสอน และข้อห้ามต่าง ๆ ของ ฟันดาเมนทัลลิสต์ จึงทำให้ Monroe ไม่ได้รับอนุญาตให้ดูหนังเลยสักครั้งเดียว
ข้อบังคับ และการจากลา
แต่หลังจากที่ คุณหมอ ถูกสั่งให้ย้ายไปที่ ชายฝั่งตะวันออก ทั้งคู่ก็ไม่สามารถพา Monroe ไปด้วยได้ เนื่องจากภาระหลาย ๆ อย่าง ซึ่งในตอนนั้นเธออายุเพียง 7 ขวบ Monroe จึงต้องกลับไปใช้ชีวิตในบ้านอุปถัมภ์อีกครั้ง
ที่นั้นเธอต้องทนทุกข์กับการถูกข่มขืนหลายต่อหลายครั้ง จนเธออายุได้ 15 ปี
Monroe จึงคิดหาทางออกจากวงจรนี้ ด้วยการแต่งงาน กับ จิมมี่ ดูเฮอร์ตี้ พ่อค้าอาหารทะเลในปี 1942 ด้วยวัย 16 ปี
หลบภัย
Monroe ไม่เคยรู้จักพ่อของเธอ จึงทำให้เธอ แอบคิดว่า คลาร์ก เกเบิล เป็นพ่อของเธอ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนพอว่า เกเบิล เคยพบหรือรู้จักกับ เกเบิล แม่ของ Monroe ผู้ซึ่งต้องทนทุกข์กับปัญหาทางจิต จนต้องถูกส่งตัว ให้ไปอยู่ในสถาบันทางจิตตั้งแต่ Monroe ยังเด็ก
นอกจากนี้ Monroe ยังมีน้องสาวลูกครึ่ง อีกสอง คน ซึ่งเธอไม่สนิทด้วยเลยแม้แต่น้อย พวกเขาจึงมักจะคุยและเลือกตกลงกัน ในรูปแบบพบกันครึ่งทางเสมอ ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตาม
Monroe ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดงหญิงเช่น Jean Harlow และ Lana Turner แต่หลังจากที่สามีของเธอถูกส่งตัวไปที่ แปซิฟิกใต้ เธอก็ได้เริ่มทำงานในโรงงานยุทโธปกรณ์ ที่ Van Nuys รัฐแคลิฟอร์เนีย และที่นั่นเธอก็ได้พบกับช่างภาพคนหนึ่งที่เป็นแมวมอง
สู่วงการ
และเมื่อสามีของเธอกลับมาในปี 1946 Monroe ก็ประสบความสำเร็จในฐานะนางแบบไปแล้ว ในปีนั้นเธอได้เซ็นสัญญาภาพยนตร์เรื่องแรก เธอจึงเริ่มเรียกตัวเองว่า "Marilyn Monroe" อีกทั้งยังเปลี่ยนสีผมเป็นสีบลอนด์อีกด้วย
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ในช่วงแรก Monroe ก็ไม่รับการย้อมรับว่าเป็น นักแสดงเลย จนกระทั่งไม่กี่ปีต่อมา ด้วยเสียงอันไพเราะ และหุ่นนาฬิกาทรายของเธอ จึงทำให้ Monroe กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอลลีวูด
เธอพิสูจน์ฝีมือด้วยการคว้ารางวัลเกียรติยศ มาได้มากมาย อีกทั้งเธอยังสามารถดึงดูดผู้ชมจำนวนมากมาชมภาพยนตร์ของเธอได้
Monroe as gangster's moll Angela in John Huston's The Asphalt Jungle (1950), one of her first performances to be noted by the critics
Monroe จึงกลายเป็นดาราระดับนานาชาติที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก แม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการแสดงของเธออยู่บ้าง จนทำให้เธอทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลก่อนการแสดงบ่อยครั้งก็ตาม
ซึ่งความวิตกนี้ เริ่มหนักมากขึ้น จนทำให้เธอป่วยทางร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของความล่าช้าในการถ่ายทำภาพยนตร์ของเธอ เนื่องจากคำดูถูกเมื่อครั้งเข้าวงการของเธอนั้นฝั่งใจ และรุนแรงมากขึ้น จนทำให้ผู้ร่วมแสดงและทีมงานของเธอมักจะอารมณ์เสียทุกครั้งที่ต้องแสดงร่วมกับเธอ
“เธอจะเป็นนักแสดงที่โด่งดังที่สุดถ้าเธอวิ่งได้เหมือนนาฬิกา” ผู้กำกับบิลลี่ ไวล์เดอร์ เคยพูดถึงเธอ
การกล่าวถึง
ด้วยเหตุนี้ สัญญาที่ Monroe เซ็นไว้จึงถูกฉีก และยกเลิกไปหลายฉบับ
ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 Monroe เริ่มเบื่อหน่ายกับบทบาทผมบลอนด์และความวิตกนี้ เธอจึงย้ายไป อยู่ที่ นิวยอร์กซิตี้ เพื่อเรียนการแสดงกับ ลี สตราสเบิร์ก ที่สตูดิโอนักแสดง
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1960 ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของ Monroe ก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย อีกครั้ง หลังจากความรัก และภาพยนตร์สองเรื่องสุดท้ายของเธอ Let's Make Love (1960) และThe Misfits (1961) ไม่ประสบผลสำเร็จ
Monroe as a 20th Century-Fox contract player in 1947. She had two small film roles while under contract and was let go after a year.
แต่เธอก็ยังคง พยายามและสู้ต่อไป จนทำให้ภาพยนตร์ที่เธอแสดงนั้น ทำรายได้สูงถึง 200 ล้านเหรียญ ซึ่งภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของ Monroe ได้แก่ :
The Asphalt Jungle' (1950) ,Niagara' (1953) ,How to Marry a Millionaire' (1954) ,The Seven Year Itch' (1955) ,'The Prince and the Showgirl' (1957) ,'Some Like It Hot' (1959) ,'The Misfits' (1961) และ 'Something's Got to Give' (1962)
Monroe มีสามีทั้งหมดสามคนในช่วงชีวิตของเธอ ได้แก่ : เจมส์ ดั๊กเฮอร์ตี้ (1942-1946); Joe DiMaggio (1954) และ Arthur Miller (1956-1961) นอกจากนี้เธอยังความทรงจำที่สุดแสนโรแมนติกกับ Marlon Brando , Frank Sinatra , Yves Montand และผู้อำนวยการ Elia Kazan.
Joe DiMaggio and Monroe after getting married at San Francisco City Hall, January 1954
โดย ความสัมพันธ์ของเธอกับ Dougherty เมื่ออายุ 16 ปี นั้น เธอได้ออกมาเล่าในภายหลังว่า “เพื่อนของแม่ฉัน แนะนำว่าหากฉันแต่งงานกับ Dougherty ฉันก็จะไม่ถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือบ้านอุปถัมภ์อีก”
ซึ่งเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน ทั้งคู่ออกเดทกันเพียงไม่กี่เดือน หลังจากนั้น 4 ปี Monroe ก็ก้าวเข้าสู่อาชีพนางแบบ เธอจึงก็ขอหย่ากับ Dougherty ในปี 1946
“ผมไม่เคยรู้จัก Marilyn Monroe และผมก็ไม่เคยอ้างว่าผมมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเธอจนถึงทุกวันนี้ ผมเพียงแค่รู้จักและรัก Norma Jean (ซึ่งเป็นชื่อเดิมที่ Monroe ใช้ก่อนหน้าที่จะเข้าวงการ) ” Dougherty ออกมาเล่าในภายหลัง
หลังจากการจากลา
Monroe เสียชีวิตที่บ้านใน ลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 1962 ด้วยวัยเพียง 36 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พบขวดยานอนหลับที่วางเปล่า ที่ข้างเตียงของเธอ
โดยมีการคาดเดา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า เธออาจถูกฆาตกรรม แต่สาเหตุการเสียชีวิตของเธอถูกตัดสินอย่างเป็นทางการว่าเป็นการกินยาเกินขนาด
ร่างของ Monroe ถูกสวมด้วยชุด เอมิลิโอปุชชี ที่เธอชื่นชอบ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "หีบศพคาดิลแลค" ซึ่งเป็นหีบศพระดับไฮเอนด์ ที่หาซื้อได้ยากที่สุด ซึ่งทำจากทองสัมฤทธิ์เนื้อหนาและบุด้วยไหมสีแชมเปญ
เรื่องที่น่าเศร้า
ในงานศพของเธอ มีเพียงเพื่อน และครอบครัวกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่เข้าร่วม โดย Hugh Hefner ได้ซื้อห้องใต้ดินที่อยู่ติดกับ Monroe's ไว้ให้
Monroe ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน จนกระทั่งปีสุดท้าย ของชีวิต เธอมีทรัพย์สินน้อยมากอย่างน่าประหลาดใจ โดยของที่มีค่าที่สุดของเธอ คือภาพถ่ายที่มีลายเซ็นของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งมีคำจารึกว่า "ถึงมาริลีน ด้วยความเคารพรักและขอบคุณ"
หลังจากการจากไปของเธอ ผู้คนก็ต่างนำเอกลักษณ์ของ Monroe มาเลียนแบบเป็นเวลาหลายปี โดยจำนวนของผู้คนเหล่านั้น ยังมีคนดังอย่าง มาดอนน่า , เลดี้กาก้า และGwen Stefani ด้วย
Posing for photographers while filming the subway grate scene in Manhattan for The Seven Year Itch
ในปี 2011 ภาพถ่ายหายากหลายชิ้น ของ Monroe ก็ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือภาพถ่าย โดยแซม ชอว์ ช่างภาพชื่อดัง
และหนังสือเกี่ยวกับเธอ ที่พบเห็นได้น้อยอีกเล่ม ก็ถูกนำมาวางจำหน่ายใน The Essential Marilyn Monroe โดย Joshua Greene ได้รีทัชภาพถ่ายเก่า ๆ ที่ถ่ายโดย Milton Greene ในปี 1950
นักแสดงสาว Marilyn Monroe ได้เอาชนะช่วงชีวิตวัยเด็กที่แสนทุกข์ทรมาน จนกลายเป็นนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ได้ และยั่งคงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยภาพยนตร์ของเธอทำรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญ เธอยังเป็นที่รู้จัก จากความสัมพันธ์ กับ อาร์เธอร์ มิลเลอร์ , โจดิ มักจิโอ และยังมี ประธานาธิบดี จอห์นเอฟเคนเนดี้ ที่เคยเป็นข่าวลือจนหนาหู อีกด้วย
ดังที่ Marilyn Monroe กล่าวไว้ว่า “เราทุกคนควรเริ่มทำอะไรสักอย่างตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะอายุมากเกินไป และจงยิ้มเข้าไป เพราะชีวิตเรายังมีสิ่งสวยงามมากมายที่ เราสามารถยิ้มให้กับมันได้เสมอ”
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄
โฆษณา