Monroe ไม่เคยรู้จักพ่อของเธอ จึงทำให้เธอ แอบคิดว่า คลาร์ก เกเบิล เป็นพ่อของเธอ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนพอว่า เกเบิล เคยพบหรือรู้จักกับ เกเบิล แม่ของ Monroe ผู้ซึ่งต้องทนทุกข์กับปัญหาทางจิต จนต้องถูกส่งตัว ให้ไปอยู่ในสถาบันทางจิตตั้งแต่ Monroe ยังเด็ก
นอกจากนี้ Monroe ยังมีน้องสาวลูกครึ่ง อีกสอง คน ซึ่งเธอไม่สนิทด้วยเลยแม้แต่น้อย พวกเขาจึงมักจะคุยและเลือกตกลงกัน ในรูปแบบพบกันครึ่งทางเสมอ ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ตาม
Monroe ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักแสดงหญิงเช่น Jean Harlow และ Lana Turner แต่หลังจากที่สามีของเธอถูกส่งตัวไปที่ แปซิฟิกใต้ เธอก็ได้เริ่มทำงานในโรงงานยุทโธปกรณ์ ที่ Van Nuys รัฐแคลิฟอร์เนีย และที่นั่นเธอก็ได้พบกับช่างภาพคนหนึ่งที่เป็นแมวมอง
สู่วงการ
และเมื่อสามีของเธอกลับมาในปี 1946 Monroe ก็ประสบความสำเร็จในฐานะนางแบบไปแล้ว ในปีนั้นเธอได้เซ็นสัญญาภาพยนตร์เรื่องแรก เธอจึงเริ่มเรียกตัวเองว่า "Marilyn Monroe" อีกทั้งยังเปลี่ยนสีผมเป็นสีบลอนด์อีกด้วย
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ในช่วงแรก Monroe ก็ไม่รับการย้อมรับว่าเป็น นักแสดงเลย จนกระทั่งไม่กี่ปีต่อมา ด้วยเสียงอันไพเราะ และหุ่นนาฬิกาทรายของเธอ จึงทำให้ Monroe กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอลลีวูด
Monroe as gangster's moll Angela in John Huston's The Asphalt Jungle (1950), one of her first performances to be noted by the critics
Monroe จึงกลายเป็นดาราระดับนานาชาติที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก แม้จะมีปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการแสดงของเธออยู่บ้าง จนทำให้เธอทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวลก่อนการแสดงบ่อยครั้งก็ตาม
จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1960 ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของ Monroe ก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย อีกครั้ง หลังจากความรัก และภาพยนตร์สองเรื่องสุดท้ายของเธอ Let's Make Love (1960) และThe Misfits (1961) ไม่ประสบผลสำเร็จ
Monroe as a 20th Century-Fox contract player in 1947. She had two small film roles while under contract and was let go after a year.
แต่เธอก็ยังคง พยายามและสู้ต่อไป จนทำให้ภาพยนตร์ที่เธอแสดงนั้น ทำรายได้สูงถึง 200 ล้านเหรียญ ซึ่งภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของ Monroe ได้แก่ :
The Asphalt Jungle' (1950) ,Niagara' (1953) ,How to Marry a Millionaire' (1954) ,The Seven Year Itch' (1955) ,'The Prince and the Showgirl' (1957) ,'Some Like It Hot' (1959) ,'The Misfits' (1961) และ 'Something's Got to Give' (1962)
Monroe มีสามีทั้งหมดสามคนในช่วงชีวิตของเธอ ได้แก่ : เจมส์ ดั๊กเฮอร์ตี้ (1942-1946); Joe DiMaggio (1954) และ Arthur Miller (1956-1961) นอกจากนี้เธอยังความทรงจำที่สุดแสนโรแมนติกกับ Marlon Brando , Frank Sinatra , Yves Montand และผู้อำนวยการ Elia Kazan.
Joe DiMaggio and Monroe after getting married at San Francisco City Hall, January 1954
“ผมไม่เคยรู้จัก Marilyn Monroe และผมก็ไม่เคยอ้างว่าผมมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเธอจนถึงทุกวันนี้ ผมเพียงแค่รู้จักและรัก Norma Jean (ซึ่งเป็นชื่อเดิมที่ Monroe ใช้ก่อนหน้าที่จะเข้าวงการ) ” Dougherty ออกมาเล่าในภายหลัง
ดังที่ Marilyn Monroe กล่าวไว้ว่า “เราทุกคนควรเริ่มทำอะไรสักอย่างตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะอายุมากเกินไป และจงยิ้มเข้าไป เพราะชีวิตเรายังมีสิ่งสวยงามมากมายที่ เราสามารถยิ้มให้กับมันได้เสมอ”