17 ธ.ค. 2020 เวลา 11:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
แนวโน้มทิศทางของตลาด Cryptocurrency ในปี 2021
1
หลังจากการ Halving Bitcoin ในปี 2020 และการทำราคาทะลุ ATH อีกครั้งของ Bitcoin ทำให้ตลาด Cryptocurrency ในปัจจุบันกลับมาอยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าเฟื่องฟูอยู่พอสมควร หลังจากผ่านช่วงตลาดหมีที่ตกต่ำเป็นเวลากว่า 3 ปี ซึ่งก็มีหลายคนคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะไปถึงที่เท่าไรกันไปต่างๆ นานา
1
วันนี้ผมจะวิเคราะห์ตลาดในมุมมองส่วนตัว แต่อย่าลืมว่าตลาด Cryptocurrency เป็นตลาดที่ผันผวนและยังมีมูลค่าน้อย อาจมองว่า Upside ค่อนข้างสูง แต่เป็นตลาดที่สามารถเกิดอะไรขึ้นก็ได้ สิ่งที่ผมวิเคราะห์ทั้งหมดจึงเป็นการคาดการณ์เท่านั้น
ฐานใหม่ของราคา Bitcoin ที่แข็งแกร่งขึ้น
หลังจาก Bitcoin ขึ้นมาทำราคาที่สูงกว่า 16,000 ดอลลาร์ และกลายเป็นฐานใหม่ของราคา Bitcoin ได้สร้างฐานใหม่ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว จากเทคนิคการวิเคราะห์ของหลายๆ แห่ง ซึ่งดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง จากการที่ราคา Bitcoin นั้นไปอยู่ในช่วงสะสมฐานในตลาดหมีถึง 3 ปี
2
ในด้านกระแสของภาคเอกชนก็มีส่วนจากการที่ PayPal เปิดซื้อขาย PayPal ทำให้ Bitcoin กลายเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปมากขึ้น และที่น่าตลกไปกว่านั้น คือการเปิดรับ Cryptocurrency ของ Pornhub เพราะโดนปิดกั้นการชำระเงินของ Visa ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้จัก Bitcoin มากขึ้น
2
ส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ฐานของ Bitcoin เข้มแข็งขึ้น คือการเข้าซื้อ Bitcoin ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น Grayscale หรือ MicroStrategy เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเข้ามาของสถาบันต่างๆ ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือ ผู้มีอิทธิพลหรือองค์กรจำนวนหนึ่งที่อาจเคยมีความเห็นเชิงลบกับ Bitcoin แต่ในปัจจุบันกลับให้ความเห็นในทางตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด
โดยสรุปแล้วในระยะยาวนั้น ราคา Bitcoin มีแนวโน้มที่จะผันผวนได้ แต่ฐานราคา 16,000 ดอลลาร์ นั้นเป็นฐานที่แข็งแกร่งมากที่ยากจะถูกทำลายลงได้
1
การเติบโตของ DeFi
1
หลังจากการล่มสลายของตลาด ICO ที่อยู่ในภาวะตกต่ำจนแทบเรียกได้ว่าล่มสลาย หลังจากที่ราคา Bitcoin อยู่ในตลาดหมี สิ่งที่ดูเหมือนจะมาแทนที่ได้อย่างสวยงามคือโครงการ DeFi ทั้งหลาย ซึ่งแม้โครงการเหล่านี้จะมีการสร้าง Governance Token ออกมาไม่ต่างกับ ICO แต่สิ่งที่มีภาษีดีกว่าอย่างชัดเจนคือ โครงการ DeFi เหล่านี้มีการใช้งานจริงๆ และมีเงิน Lock Up อยู่มากถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
1
แม้ว่าโครงการ DeFi เหล่านี้ยังมีอายุไม่นานนักและมูลค่ายังน้อย แต่ไอเดียของโครงการ DeFi นับว่าแปลกใหม่ และฉีกกฎเกณฑ์ข้อบังคับทั้งหมดที่ถูกเขียนไว้ในระบบการเงินเดิม เช่น การสร้าง Synthetic Asset ที่เป็นสินทรัพย์จำลองสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ ขึ้นมาอย่างเช่น หุ้น โดยไม่ต้องไปขออนุญาตหน่วยงานกำกับใดๆ อาจดูเป็นการทดลองทางการเงินที่บ้าคลั่งและความเสี่ยงสูง แต่ถ้ามีกระแสอะไรสักอย่างจะถูกจุดติดในปีหน้า DeFi เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจับตามองไว้
1
ปัจจุบันหนึ่งในสิ่งที่ยังเป็นคอขวดในโลก DeFi คือความล่าช้าของ Ethereum ที่ทำธุรกรรมได้เพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งปัญหานี้จะหมดไปเมื่อ Ethereum 2.0 เปิดใช้งานเต็มที่ ซึ่งยากมากที่เราจะคาดเดาได้ว่าเมื่อไรจะถึงวันนั้น อาจจะเป็นปีหน้าหรือหลายปีข้างหน้า แต่ถ้ามันใช้งานได้เมื่อไร คุณจะเห็นเม็ดเงินที่มหาศาลกว่านี้ไหลลงไปยังโครงการ DeFi แน่นอน
1
การแข่งขันของ Stablecoin
Stablecoin เป็นหนึ่งในกระแสที่น่าจะมาแรงในปี 2021 โดยหากดูจากปัจจุบัน Stablecoin อันดับ 1 อย่าง Tether นั้นต้องประสบกับปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากภาครัฐ หรือข้อครหาด้านการตรวจสอบบัญชี เป็นเหตุผลว่า Stablecoin อื่นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา จึงมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมากจากความไม่ไว้ใจในตัวของ Tether
นอกจากนี้ถ้าเราไปสังเกตที่มูลค่ารวมของ Stablecoin ทั้งหมด เราจะพบว่ามีมูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นเพียงไม่ถึง 5% ของมูลค่าตลาด Cryptocurrency ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายกลับสูงถึง 40% ของปริมาณการซื้อขายรวมในแต่ละวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราอาจเห็นได้ชัดว่า ตลาดนี้มีการแข่งขันที่มากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าการแข่งขันนั้นดีต่อผู้บริโภคเสมอ
CBDC กับการเติบโตของตลาด
ในส่วนของ CBDC เป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่า มูลค่าของมันจะเข้ามาสู่โลก Cryptocurrency หรือเปล่า เพราะโครงการทั้งหลายอยู่ในระหว่างทดลองใช้งานที่อาจจะใช้เวลาเป็นปี โครงการที่ดูเหมือนว่าจะไปได้เร็วที่สุดก็คือ Digital Yuan ของจีน ที่เพิ่งมีการทดสอบให้ประชาชนได้ลองใช้งานจริง
1
ซึ่งจนกว่า CBDC จะเปิดใช้งานอย่างเต็มตัว อาจจะมีผลต่อตลาด Cryptocurrency ไม่มากเท่าไรนัก เพราะในช่วงต้นรัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการใช้งานในภาคเศรษฐกิจทั่วไปก่อน จนกว่าภาคประชาชนจะเข้าใจรูปแบบของเงินดิจิทัลในลักษณะต่างๆ และเริ่มหันมาสนใจใน Cryptocurrency ก็อาจใช้เวลานานกว่าที่คิด
Security Token กับการปรับตัวของภาครัฐ
การที่หลักทรัพย์และสินทรัพย์จะขึ้นมาโลดแล่นบนโลก Cryptocurrency เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะทำให้ตลาด Cryptocurrency เติบโตอย่างมหาศาลได้ ด้วยการที่มูลค่าตลาด Cryptocurrency มีมูลค่าเพียงแค่ 5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ในขณะที่ตลาดหุ้นมีมูลค่าอยู่ที่ 67.5 ล้านล้านดอลลาร์ แค่มูลค่าเพียง 1% ของตลาดหุ้นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ตลาด Cryptocurrency เติบโตขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดาย เพราะการที่หลักทรัพย์ถูกกฎหมายควบคุมนั้นจะต้องผ่านกฎเกณฑ์มากมายที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าแนวคิดนี้จะเป็นที่พูดถึงมาตั้งแต่ปี 2018 แล้วก็ตาม
1
แต่ทางหน่วยงานกำกับนั้นได้รับความกดดันพอสมควร เพราะตลาดไม่เคยรอ ปัจจุบันมีโครงการนำร่องออกมาบ้าง โดยให้ Broker ที่ได้ License ถือหุ้นแทนแล้วแปลงหุ้นเป็น Token ที่มีหุ้น Back เช่น การเทรดหุ้นบน FTX ที่เป็นพันธมิตรกับ CM Equity AG ของเยอรมนี และ Digital Asset AG ของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อโครงการนำร่องเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยดี ในไม่ช้าตลาดจะเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับนั้นเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เหล่านี้ในไม่ช้า
1
#DigtalAsset #Bitcoin #Cryptocurrency #
โฆษณา