22 ธ.ค. 2020 เวลา 14:08 • ธุรกิจ
อัพเดทประเด็นร้อน ‼️
หลัง CPALL & CPF ปิดดีล TESCO LOTUS สำเร็จ
หากจะนึกถึงธุรกิจที่เข้ามาเปลื่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทยและเข้ามา Disrupt ร้านของชำแบบเก่าๆแล้วล่ะก็ คงจะเป็นธุรกิจไหนไปไม่ได้นอกจากร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่เพื่อนๆรู้จักกันดี
เรียกได้ว่า “กลุ่มซี.พี.” นั้นเป็นผู้ที่เข้ามาพลิกโฉมวงการร้านสะดวกซื้อและพฤติกรรมการบริโภคของคนในประเทศเราได้อย่างหมดจด จนหลายๆคนอาจมองว่ามันคือการผูกขาด
1
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ล่าสุดก็ได้มีข่าวออกมาแล้วว่า “ดีลการควบรวม TESCO LOTUS” ของทาง CPALL(บมจ. ซีพีออลล์) และ CPF(บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) นั้นได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้ คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า(กขค.) ได้เปิดไฟเขียวไปนั่นเอง
1
ซึ่งการลงทุนดังกล่าวนี้จะเป็นการลงทุนทั้งในเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ผ่านนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจอย่างบจ. ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง ที่เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบจ. ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นต์
โดยรายละเอียดของดีลนี้ก็คือ CPALL จะเป็นผู้ถือหุ้นใน TESCO LOTUS เอเชียอยู่ที่ 40% หรือคิดเป็นเงินลงทุน 3 พันล้านเหรียญ และ CPF ที่ 20% คิดเป็นเงินลงทุน 1.5 พันล้านเหรียญ
ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนของทั้ง CPALL และ CPF หลักๆนั้นก็จะมาจากการกู้ยืมในระยะสั้นที่จะมีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่5% และที่เหลือมาจากกระแสเงินสดภายในกิจการ ทำให้การควบรวม TESCO LOTUS ในรอบนี้ CPALL และ CPF ไม่ต้องทำการเพิ่มทุน
1
เรียกได้ว่าทำเอาทางกลุ่ม TESCO ที่ประเทศอังกฤษสบายใจกันไปสักที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ดีลการควบรวมนั้นต้องติดความล่าช้าจากการพิจารณาจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า(กขค.) กันมานานกว่า 8-9 เดือน
2
ซึ่งเงินในก้อนนี้ทาง TESCO UK ก็จะนำไปจ่ายปันผลคืนให้กับผู้ถือหุ้นและทำการเติมเงินให้กองทุนเกษียณอายุพนักงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องพบกับปัญหาการแข่งขันจนต้องทยอยปิดสาขาต่างๆทั่วโลกลงมาเรื่อยๆ
เริ่มจากกิจการในประเทศฝรั่งเศส ต่อมาที่จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ตามมาด้วยกิจการในตุรกี โปแลนด์ และล่าสุดก็คือกิจการในไทย&มาเลเซีย
1
โดยถ้าหากเราไปดูผลกระทบที่ “น่าจะ” มีกับ CPALL และ CPF จากบทวิเคราะห์ของบล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ก็จะพบว่าการเข้าซื้อ TESCO LOTUS ในรอบนี้อาจจะไปกระทบกำไรในปีหน้าหรือพ.ศ. 2564 ของ CPALL ที่ราวๆ 8-9% และ CPF ที่ 6%
แต่ถึงอย่างไรแล้วอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหรือ D/E ของ CPALL ก็จะเพิ่มขึ้นไปจาก 1 เท่าเป็นราวๆ 1.5 เท่าและ CPF จาก 1.1 เป็น 1.3 เท่า ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็จะไม่ถือว่าทำให้ทั้งสองหัวหอกของ ซี.พี. นี้มีภาระที่หนักจนเกินไป
และหลังจากที่พ้นปีแรก(พ.ศ.2564) ของภาระอันหนักอึ้งไปแล้วก็เชื่อว่า CPALL และ CPF จะสามารถใช้ประโยชน์จากการควบรวม TESCO LOTUS เพื่อสร้างผลกำไรและความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับตัวพวกเขาเองได้อย่างแน่นอน
2
เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เข้าซื้อ MAKRO เพราะตอนนั้นในปีแรก CPALL ก็มีกำไรที่ลดลง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นและกลับมาสร้างผลประกอบการให้เติบโตได้
1
CPALL และ CPF จะสามารถใช้ประโยชน์และสร้างการ Synergy กับ TESCO LOTUS ได้ดีขนาดไหน ??
การตัดสินใจครั้งนี้ของกลุ่ม ซี.พี. จะสำเร็จหรือล้มเลว ?
1
เรื่องนี้คงต้องมาติดตามกันต่อไป
สำหรับในวันนี้ สวัสดีครับ...
ติดตามบทความดีๆของพวกเราได้ทาง WEBSITE
หรือ BLOCKDIT
และช่องทางใหม่ YouTube ‼️
- - - -
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
โฆษณา