23 ธ.ค. 2020 เวลา 02:24 • ครอบครัว & เด็ก
“ทำบุญตลอด.. ช่วยให้รอดจาก.. คุก” revised
เมื่อศาลสืบพยานเสร็จ.. จะเลื่อนคดีไป และกำหนดวันนัดให้โจทก์ และจำเลยมาฟังคำพิพากษา..
ก่อนถึงวันฟังคำพิพากษา..
ด้วยไม่รู้ชะตากรรมว่าศาลจะตัดสินอย่างไร.. จำเลยหลายราย.. หันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์..
บางคนไหว้พระ.. บนเทพเจ้า.. บางคนขอให้ร่างทรงช่วย.. บางคนพึ่งผีให้ดลใจผู้พิพากษา..
บางคนใช้มนต์คาถาให้รอดคุก.. บางคนใช้เครื่องรางของขลังติดตัวมาฟังคำพิพากษาเพราะเชื่อว่าจะทำให้ศาลยกฟ้องได้..
แต่ผมไม่เคยเชื่อ..
เพราะคนตัดสินย่อมรู้อยู่ว่า..ไม่มีอะไรมาสิงสู่ดลใจให้ศาลพิพากษาให้ใครแพ้ ใครชนะคดีได้..
ความจริงแล้ว..คดีจะแพ้หรือชนะนั้น ขึ้นกับพยานหลักฐานเป็นหลัก..
ผมเคยถามจำเลยที่ศาลนัดให้มาฟังคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องนี้..
หลายคนเล่าว่าไปตระเวนทำบุญ บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาหลายแห่ง.. เพื่อขอให้ศาลตัดสินยกฟ้อง..
ท่านผู้อ่านคิดว่า.. การทำบุญ จะทำให้รอดจากคุกได้จริงมั้ย ..
เราลองมาดูคดีนี้กัน..
ก็ คดีเดิมล่ะครับ 555..ที่ศาลปล่อยจำเลยกลับบ้านไป.. แล้วนัดให้มาฟังคำตัดสินอีก 1 เดือนถัดมา..
แม้คดีนี้ จะเป็นความผิดเล็กน้อย.. แต่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว..
โอกาสที่จะรอดคุกในคดีนี้ ยากเต็มทีครับ..
ถึงวันนัดฟังคำพิพากษา.. ปรากฎว่า จำเลยมาศาลตามนัด..
จำเลยสวมเสื้อยืดแขนสั้น สีแดงซีด.. สวมกางเกงยีนส์เก่าๆ.. ยืนรอฟังคำพิพากษาอยู่ข้างหน้าบัลลังก์..
จำเลยน่าจะคาดเดาชะตากรรมตนเองได้..
ภริยาจำเลยนั่งหน้าเศร้าอยู่ข้างหลังจำเลย.. ตรงที่นั่งสำหรับประชาชน..
เธอคงอยากมายืนเป็นเพื่อนจำเลยตรงหน้าศาลด้วย..
แต่ติดที่ลูกคนชายเล็กกำลังกอดแม่กินนมอยู่กับอก.. และยังมีลูกคนสาวอีกคนนั่งกุมมือแม่อยู่..
“เป็นยังไงจำเลย.. วันนี้มาศาลตามนัดนะ.. เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมรึยัง..”
ศาลถามยิ้มๆ.. ราวกับเป็นคนใจดี 55
จำเลยตอบติดๆขัดๆ.. ด้วยสีหน้ากังวลชัดเจน..
“.. เออ.. เออ ผม.. ผม ยังไม่พร้อมครับท่าน..”
ตอบเสร็จ ก็หันหลังไปมองภริยากับลูกทั้งสอง..
 
ภริยา มองหน้าสามีแล้ว.. แล้วชิงน้ำตาไหลพราก ร้องไห้ก่อนแล้ว.. ตั้งแต่ศาลยังไม่อ่านคำพิพากษา..
“ท่านครับ.. ผมขอโอกาสเถอะครับ.. วันนี้ผมติดคุกไม่ได้.. ผมทำใจไม่ได้..
ภริยาผมอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ.. เราอยู่กันแค่สองคน.. แค่ดูแลลูก ก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว..
ถ้าเขาต้องอยู่คนเดียว.. งานในร้านมีหลายอย่าง.. งานทุกอย่างมีผมทำได้คนเดียว..
แกลำบาก.. ทุกวันนี้ก็เหนื่อยมากแล้ว..
ตอนผมติดคุกคราวก่อน.. เมียผมอุ้มลูกมาเยี่ยมผมทุกวัน..
เมียผมร้องไห้ทุกวัน.. ผมก็ร้องไห้ทุกครั้ง.. คิดถึงลูก คิดถึงเมียครับ..
ผมไม่อยากเข้าไปอีกแล้วครับท่าน.. มันทรมานใจมาก..
ใครไม่เคยเข้าไป ไม่รู้หรอกครับ.. ว่ามันทุกข์แค่ไหน..
ผมขอโอกาส.. รอลงอาญาให้ผมอีกสักครั้งนะครับ..
ผมจะไม่ทำผิดอีกแล้ว.. ผมจะทำแต่ประโยชน์..
จะให้ผมไปทำอะไร ก็ได้.. ให้ไปทำงาน หรือทำอะไรแทน.. จะปรับผมเท่าไหร่.. ผมยอมหมดครับ..
เพราะเมียผม ทั้งทำงานในร้านด้วย เลี้ยงลูกด้วย.. เขาทำคนเดียวไม่ไหวจริงๆ..”
ศาลให้โอกาส จำเลยระบายความในใจ เพื่อช่วยลดความอึดอัด..
 
“นี่วันก่อน.. ผมก็เพิ่งไปทำบุญมา..”
จำเลยเล่าให้ฟังต่อ..
“ผมกับเพื่อนชวนกันทำโครงการ.. เอาน้ำเปล่า.. เอานมกล่อง.. ไปทำบุญเลี้ยงเด็กที่สระบุรี..
ก่อนหน้านี้ ผมก็ทำบุญมาตลอดนะครับ..
ยิ่งใกล้วันจะมาฟังคำตัดสินนี่ ผมทำบุญหนักมาก..”
จำเลย เปิดโทรศัพท์ให้ศาลดูรูปตอนไปทำบุญหลายแห่ง..
ศาลดูแล้ว ถามกลับว่า..
“คุณคิดว่า.. ถ้าทำบุญแล้ว.. บุญจะช่วย ให้รอดจากคุกได้หรอ..”
“ครับ.. ผมเชื่ออย่างงั้น”
จำเลยตอบละล่ำละลัก..
“แต่ผมว่า.. แรงบุญไม่สามารถแทงทะลุกรอบของกฎหมายไปได้หรอกนะ..”
ศาลยืนยัน.. ว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย..
จำเลยหมดหวัง..เงียบ.. ไม่พูดอะไรอีก..
ได้แต่หันไปมองภริยาที่กำลังเช็ดน้ำตา กับลูก..
ด้วยสายตาอาวรณ์..
.. บรรยากาศในห้องพิจารณาคดี เงียบงัน ไปสักพัก..
มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ เบาๆ..
แล้วจู่ๆศาลก็ถามขึ้น ทำลายความเงียบ..
“คุณมั่นใจแค่ไหนว่า.. ถ้าวันนี้ไม่ติดคุก.. คุณจะไม่ทำผิดอีก”
คำถามประโยคนี้ของศาล เหมือนแกล้งโยนไฟแห่งความหวังซึ่งกำลังจะมอดดับลง.. ให้กลับมีประกายลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง..
แม้แสงไฟนั้น สุดแสนจะริบหรี่ก็ตามที..
ที่ถามไปเช่นนั้น เป็นเพราะ ศาลเองก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง..
มันเป็นข้อกฎหมายมาตราหนึ่ง.. ที่ศาลเองไม่ค่อยได้หยิบยกมาใช้กันบ่อยนัก..
“ทำไมเพิ่งนึกขึ้นมาได้..”
ศาลคิดในใจ ..
“ผมมั่นใจครับท่าน.. เพราะหลังจากออกจากเรือนจำมาคราวก่อน.. ผมก็ตั้งใจสร้างครอบครัวตลอดมา..
ที่ทำผิดครั้งนี้ ตอนทำก็ไม่คิดว่า มันจะมีผลหนักขนาดนี้ครับ..
เพราะผมไม่รู้กฎหมาย.. ไม่รู้ว่าถ้าเคยติดคุกมาก่อนแล้ว ศาลจะรอการลงโทษอีกไม่ได้..
ผมสัญญา..
ผมรับรอง..
ต่อไป ผมจะไม่ทำผิดอีก..
ต่อไปนี้ ผมจะทำประโยชน์ให้สังคมตลอดไป..
.. ผมมั่นใจครับ..
ให้โอกาสผม.. ให้โอกาสลูกเมียผมสักครับเถอะครับ..”
จำเลยทำเสียงและสีหน้าบอกไม่ถูก..
“ผมขอเวลาลงไปปรึกษาองค์คณะอีกสักครู่.. ประเดี๋ยวจะออกมาอ่านคำพิพากษาให้ฟัง..”
ศาลลงบัลลังก์หายไปเกือบ 10 นาที.. ก่อนเดินขึ้นมาบนบัลลังก์อีกครั้ง..
“ขอโทษที่ให้รอนานนะ.. พร้อมจะฟังคำพิพากษาแล้ว ใช่มั้ย..”
ศาลถามด้วย สีหน้าเบิกบานขึ้น.. เหมือนกำลังจะได้ทำบุญ..
ส่วนจำเลย.. ยืนนิ่ง คิ้วขมวด.อยู่ที่เดิม.. พยักหน้ารับ..
“พร้อมครับ.. “
ศาลอ่านข้อความในกระดาษที่ยกร่างมาเสียงชัดเจน..
“คดีนี้ จำเลยให้การรับสารภาพ.. ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องจริง...
ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับ 60,000 บาท..
 
จำเลยให้การรับสารภาพ.. ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง..
เป็น จำคุก 3 เดือน และปรับอีก 30,000 บาท..”
 
ศาลหยุดอ่าน.. เงยหน้าขึ้นมามองจำเลยที่หมดเรี่ยวแรง.. ทำท่าเหมือนกำลังจะทรุดตัวลงกองกับพื้นห้อง..
ส่วนภริยา ก็ร้องไห้หนักขึ้น..
ศาลก้มหน้าอ่านคำพิพากษาต่อ..
“.. พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า.. แม้จำเลยจะเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน.. แต่คดีนี้ ศาลจะลงโทษจำคุกจำเลยเพียง 3 เดือน..
ปัจจุบันนี้.. จำเลยมีงานการทำเป็นหลักแหล่ง.. ทั้งยังมีภาระต้องเลี้ยงดูภริยาและบุตรเล็ก.. ต้องเป็นเสาหลักที่พึ่งพิงสำคัญของครอบครัว..
การลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน เป็นเพียงโทษระยะสั้น.. และน่าจะเป็นผลร้ายแก่จำเลยและสังคมมากกว่าผลดี..
อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 55..
จึงเห็นควรให้ยกโทษจำคุกเสีย.. คงไว้แต่เพียงโทษปรับ..”
ศาลอ่านคำพิพากษาจบ..
จำเลยร้องไห้โฮ..โผเข้าสวมกอดกับภริยาที่อุ้มลูกอยู่..
น้ำตาท่วมห้อง.. ทั้ง พ่อ แม่ ลูก..
ศาลค่อยๆลุกขึ้น.. เดินลงบัลลังก์ไปอย่างเงียบๆ..
พอเดินกลับมาถึงห้องพัก.. ก็มานั่งโต๊ะทำงาน..
คิดทบทวนเหตุการณ์..
“ความจริง.. วันนี้จำเลยคนนี้ น่าจะต้องติดคุกแล้วนะ..
แล้วทำไม.. ทำไมเขาถึงไม่ติด.. ทำไมเราเพิ่งนึกกฎหมายมาตรานี้ขึ้นมาได้..
เออ.. รึว่า.. แรงบุญที่จำเลยทำมา..จะส่งผลให้จริงๆ..
รึว่า.. #บุญ.. ทำให้คนรอดพ้นจากคุกได้จริง.. “
โฆษณา