24 ธ.ค. 2020 เวลา 02:24 • ปรัชญา
หลวงพ่อ mask วัดอนามัย
เมื่อต้นปีช่วงที่ไวรัสโคโรน่าระบาดใหม่ๆ ผมเคยลงบทความที่เกี่ยวกับการสวมหน้ากากที่เชื่อมโยงกรอบคิดแบบปัจเจก และแบบมวลชน สามารถย้อนอ่านกันได้ในเรื่อง mass mask คราวนี้ผมจะลองมองในมุมความเชื่อและขวัญกำลังใจ
ตั้งแต่ผมซื้อสายคล้องหน้ากากอนามัยแล้วห้อยคอไว้ ผมรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บในการเดินทางเข้านอกออกในสถานที่ต่างๆ จะไปไหนมาไหนก็แค่สวมหน้ากากอนามัย เสร็จธุระก็นำออกจากใบหน้า หน้ากากก็ตกมาอยู่บริเวณหน้าอกเพราะมีสายคล้องคอเกี่ยวไว้อยู่ ราวกับว่าเรามีพระเครื่องที่มีพุทธคุณด้านแคล้วคลาดปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือไม้กางเขน หรือเครื่องรางตามศาสนาหรือความเชื่อแขวนคออยู่
ความเชื่อหรือศาสนา จะมีคำอธิบายในปรากฏการณ์ต่างๆ ของมนุษย์ตั้งแต่การเกิด การเจ็บป่วย การตาย ชีวิตหลังความตาย นำมาสู่วิธีปฏิบัติของแต่ละความเชื่อระหว่างมีชีวิตอยู่โดยควบคุมการกิน เซ็กซ์ แล้วให้ความเคารพนอบน้อมศรัทธาในบุคคล ธรรมชาติ เทพ และในโลกของความเชื่อนั้นหากมีเครื่องรางหรือสัญลักษณ์ท่องคาถา/อาราธนาประดับร่างกายแล้วก็ยิ่งเพิ่มขวัญกำลังใจ และเตือนสติในการดำเนินชีวิตไม่ให้ทำในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นบาป แล้วชีวิตก็จะพบแต่บุญกุศล ความสำเร็จ ปลอดภัย
ย้อนกลับมาในโลก secular ที่วิทยาศาสตร์อยู่หน้าความเชื่อ บอกว่าความเชื่อนั้นงมงาย มองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ จะพึ่งก็แต่การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ ที่จะอำนวยความสะดวกสบายและมีชีวิตแข็งแรงอายุยืนยาวในโลกทุนนิยมนี้ได้ หน้ากากอนามัยไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างเพื่อป้องกันไวรัสโคโรน่า เพียงแต่เป็นการนำของที่มีอยู่แล้วมาตระหนักใช้และให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ต่างอะไรกับที่เมื่อราว 60 ปีก่อนเราเพิ่งใช้กระดาษชำระหรือทิชชู่เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกาย แต่สิ่งใหม่ที่ถูกพัฒนาให้ใช้ง่ายแพร่หลายสำหรับผมคือแอลกอฮอลล์ ที่มีทั้งรูปแบบเจล สเปรย์ หรือทิชชู่เปียกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ในโลก secular เชื่อว่าจะคุ้มครองชีวิตและร่างกายให้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ เข้า-ออกสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกราบรื่นไม่ติดขัด โดยไม่ต้องคล้องพระเครื่อง หรือเครื่องราง บริกรรมท่องคาถาใดๆ
โฆษณา