27 ธ.ค. 2020 เวลา 08:21 • นิยาย เรื่องสั้น
เริ่มต้นอาชีพแรกของฉันกับงาน Sale Executive
Part I - สัมภาษณ์งาน
เราคือบัณฑิตจบใหม่คนหนึ่งที่เคยรู้สึกเคว้งคว้างกับการหางานหลังเรียนจบ
เราเรียนจบคณะวิทยาศาสตร์ค่ะ ใช้เวลาเกือบ 4 ปี ในการฝึกทักษะเฉพาะในสาขาที่เรียน ทั้งการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ สารเคมี อ่านเปเปอร์ ทำแลปต่างๆมาในระดับหนึ่ง
แต่พอถึงเวลาที่จะต้องเลือกงานจริงๆ กลับรู้สึกว่าถ้าตอนทำงานมาทำแบบนี้อีกคงไม่ชอบสักเท่าไหร่แล้ว
แต่ก็ยังเห็นตัวเองไม่ชัดว่าเหมาะกับการทำอาชีพอะไรกันแน่ นึกๆไปแล้วก็เสียดายเวลา ทรัพยากรต่างๆที่ใช้ไปเหมือนกันนะ
เริ่มต้นอาชีพแรกของฉันกับงาน Sale Executive
มหาลัยเรารับปริญญาช่วง ปลายปี 2562 เพื่อนบางคนมีงานทำตั้งแต่เดือนแรกๆที่เรียนจบ บางคนก็อยู่ในระหว่างหางานอยู่ เราเป็นประเภทหลังค่ะ ส่ง resume
หางานไปเรื่อยๆ
งานที่อยากได้ตอนนั้นเป็นงาน Sale Executive ขายพวกเคมีภัณฑ์ หรืออุปกรณ์วิเคราะห์ที่ใช้ในแลป อย่างน้อยก็ได้ใช้ความรู้เก่าบ้างนิดหน่อย
การหางานแรกของเราค่อนข้างยากพอสมควร โปรไฟล์เป็นเด็กจบใหม่จากมหาลัยรัฐ เกรดระดับกลางๆ TOEIC 640 กิจกรรมทำบ้างนิดหน่อย ทุกอย่างดูกลางไปหมด และงานที่เราเลือกก็ดูไม่ตรงสายด้วย
ช่วงนั้นมีข่าวการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ การลดการจ้างงาน หรือการย้านฐานผลิตจากไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน มีข่าวโควิด19 บ้างนิดหน่อย
ตอนนั้นเรียกว่า “อู่ฮั่นไวรัส” ความน่ากลัวของอู่ฮั่นไวรัส ตอนนั้นไม่ได้ดูร้ายกาจมาก ในความรู้สึกคิดว่าหนักประมาณไข้หวัดนกตอนปี2547 ใครไหนเลยจะรู้ว่าผ่านไปเพียง 3-4 เดือน เราต้องมา ShutDown ประเทศกัน
เราเข้า Website หางานทุกวัน กดส่ง resume ไปในกลุ่มอาชีพ Sale Executive ทั้งที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราเรียนมาบ้าง หรือไม่เกี่ยวบ้าง และรอรับสายโทรศัพท์ รอเช็คเมลล์ที่เรียกไปสัมภาษณ์
ได้ผลค่ะ... มีสายโทรเข้าเรียกไปสัมภาษณ์ แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันชีวิต ซึ่งเรา ไม่ได้สมัครงานกลุ่มนั้นไป ไม่ใช่งานขายประกันไม่ดีนะคะ เราแค่ไม่ได้สนใจงานส่วนนั้น
มีบริษัท Recruit โทรมาบ้าง และเรียกไปสัมภาษณ์เพื่อเก็บโปรไฟล์ของผู้สมัครสำหรับส่งให้ผู้ประกอบการ
เราได้ไปสัมภาษณ์กับบริษัท Recruit ประมาณ 3 ที่ค่ะ แต่ละที่ก็จะถามคล้ายกันหมด เหมือนเป็นคำถามบังคับคนสัมภาษณ์งานเลย แนะนำตัว ทำไมอยากทำอาชีพนี้
แนะนำตัวเองภาษาอังกฤษบ้างนิดหน่อย
บางที่เล่นใหญ่หน่อยให้เขียน essay ส่ง
อยากรู้จริงๆว่าเค้าได้ของคนที่เขียนส่งครบทุกคนมั้ย
เราว่าเราเองไม่ค่อยรุ่งกับการหางานผ่านบริษัท recruit ค่ะ เราคิดว่าการสัมภาษณ์แบบที่มีโอกาสได้สูง คือการสัมภาษณ์กับคนที่ทำอาชีพนั้นโดยตรงเลย ผู้สัมภาษณ์จะมีความสามารถในการประเมินเราว่าเราเหมาะกับงานขนาดไหน ด้วยคำถามที่กลั่นมาจากประสบการณ์การประกอบอาชีพนั้นโดยตรง เข้าใจความกดดันในอาชีพนั้นจริงๆ
ในช่วงที่ว่างงานเวลาต่อวันเยอะมากเลยค่ะ เยอะมากจนรู้สึกว่า แต่ละวันมีเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงเลย หนังเรื่องยาวๆที่เคยอยากดูก็ได้ดูจนครบ ช่วงนั้นเราดูหนังไปเยอะมาก บางวันก็ดูซีรี่ย์ยันเช้าเลย รีบทำอะไรที่อยากทำไว้ก่อน เพราะคิดว่าถ้าได้งานคงทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ส่วนกิจกรรมที่มีสาระสุด คือ การเรียนภาษาญี่ปุ่น ตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ คิดว่าพัฒนาทักษะไปเรื่อยๆสักวันนึงคงจะมีประโยชน์ต่อตัวเราเอง
วันหนึ่งในช่วงปลายเดือนธันวา มีสายโทรมาเรียกเราไปสัมภาษณ์งานค่ะ เป็นบริษัทขนาดเล็ก ที่จำหน่ายสินค้าอินทีเรีย เราเองไม่ได้รู้สึกอินกับโปรดักส์
ของบริษัทมากขนาดนั้น แต่ก็อยากได้งานแล้ว อยากมีงานทำสักที ที่ทำงานเองอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรามาก นั่ง Mrt ไปทำงานได้ บริษัทอยู่ในซอยแคบๆ ลักษณะดูเหมือนรีโนเวทบ้านมาทำบริษัท มีพนักงานประมาณ 20 คน
“คุณแต้ว” (นามสมมติ) หุ้นส่วนบริษัท เป็นผู้สัมภาษณ์เรา คุณแต้วเป็นผู้หญิงวัยประมาณ 50 ปี ลุคทอมๆ พูดจาตรงไปตรงมา ก็เริ่มการแนะนำตัว สอบถามเรื่องต่างๆของเรา ถามเรื่องประสบการณ์ ครอบครัว
อธิบายลักษณะงาน เป็นงานที่ต้องใช้รถ ออกไปหาลูกค้าเกือบทุกวัน
แต่เรายังไม่มีรถ ...ก็ลองมาทำงานดูก่อนได้ หาลูกค้าค่อยเบิกค่า TAXI ไป
คุณแต้วกล่าวชมบริษัทตัวเองว่าอยู่กันแบบครอบครัว พร้อมหันไปสบตากับ Hr วัยใกล้เคียง ที่นั่งข้างๆก็พยักหน้ายิ้มรับ เราเองอยากได้งานสุดๆแล้วจึงตอบตกลงข้อเสนอ คุณแต้วเองตกลงที่จะจ้างเราในตำแหน่ง Sale Executive โดยกำหนดเริ่มงานเป็นเดือนมกราปี 2563 เลย
เราขอจบ Part I ไปก่อนนะคะ
เดี๋ยวมาเล่า Part II ลักษณะงานที่ทำและชีวิตในที่ทำงานใหม่
โฆษณา