28 ธ.ค. 2020 เวลา 05:43 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ชาวจีนโวย รัฐบาลประหยัดพลังงานเกินเหตุ ประชาชนเดือดร้อน ธุรกิจชะงัก
จีน เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตอุปกรณ์ตกแต่งต้นคริสต์มาส และบรรดาของตกแต่งช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะเมืองอี้อู (Yiwu) ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งถือว่าเป็นเมืองค้าส่งของโลก ถูกขนานนามว่า เป็น “เมืองคริสต์มาส” ของจีน (Christmas Town) ส่งออกสินค้าของตกแต่งไปทั่วโลก และมักจะมีง่วนกับการผลิตสินค้าอย่างมากในช่วงเทศกาลทุกปี
แต่ การผลิตเกือบจะหยุดชะงักกลางเดือนธ.ค.ปีนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดับไฟ ใช่ค่ะ ดับไฟฟ้าเลย
คนงานโรงงานผลิตกระดาษตกแต่งสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่แต่รายหนึ่งกล่าวว่า โรงงานของเขาพยายามที่จะผลิตให้ได้ทันต่อความต้องการ แต่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ทำงานเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น แม้จะมีคำสั่งผลิตเป็นจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่มีเวลาเพียงพอที่จะผลิต
เจ้าหน้าที่รัฐในมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang) กำลังเร่งรีบที่จะให้การใช้พลังงานตรงตามเป้าหมายแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ที่กำหนดโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 ธ.ค. ปีนี้ ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. ทางการท้องถิ่นได้ให้บรรดาธุรกิจงดใช้ลิฟท์ในชั้นที่ต่ำกว่าชั้น 3 และใช้เครื่องทำความร้อน เมื่ออุณหภูมิข้างนอกลดต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียสเท่านั้น
เลขาธิการ คณะกรรมการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีน (National Development and Reform Commission หรือ NDRC) กล่าวว่า การดับไฟฟ้าในเจ้อเจียง ไม่ได้เกิดจากการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าแต่อย่างใด แต่เกิดจากในบางเมืองได้นำมาตรการต่างๆมาใช้จำกัดการใช้ไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การผลักดันที่จะลดการใช้พลังงานได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน อย่างในเมืองอี้อู ซึ่งมีประชากรหนึ่งล้านคน มีการปิดเครื่องทำความร้อนในสำนักงาน ในห้าง โรงเรียน และโรงพยาบาล เนื่องจากว่าในเวลากลางวัน อุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 10 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ ยังมีการดับไฟส่องสว่างบนท้องถนน ทำให้ผู้ขับขี่ และผู้ที่เดินบนท้องถนน มีความยากลำบากในการสัญจรไปมาในความมืด มาตรการการจำกัดการใช้เครื่องทำความร้อนยังมีการประกาศใช้ในเมืองเวินโจว (Wenzhou) ซึ่งเป็นเมืองใกล้เคียง มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 9 ล้านคน
การลดการใช้ไฟฟ้าแบบกะทันหันในเจ้อเจียงนี้ ทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และหลุมพรางของระบบการเมืองของรัฐบาลจีน ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้คำมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลดการปล่อยก๊าซ แต่การดำเนินการที่เป็นการบังคับประชาชนเพื่อให้ได้ตามเป้า อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนเพื่อให้ได้บรรลุประโยชน์สูงสุด
การจำกัดการใช้พลังงานในเมืองอี้อูนั้น ได้รับความสนใจเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากที่มีการโพสต์ภาพ(https://weibo.com/5702292295/JzF4m8RVc?type=comment#_rnd1609126422763) วีดิโอ (https://weibo.com/5145725878/JyRI39nRz?type=comment) ของถนนอันมืดมิดไปทั่วสังคมออนไลน์ในจีน ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองอี้อู ได้โพสต์บ่นใน Weibo แพลทฟอร์มออนไลน์ของจีนที่เหมือน Twitter ว่า ไฟบนท้องถนนนั้นถูกปิด และการขับรถกลับบ้านฝ่าการจราจรมีความวุ่นวายมาก และหัวข้อดังกล่าวเป็นที่สนจอย่างมาก มียอดวิวถึง 120 ล้านวิว และการแสดงความคิดเห็นเป็นพันๆ (https://weibo.com/5702501155/Jz08ckpkS?type=comment#_rnd1609124815885)
บางคนกล่าวหาว่ารัฐบาลอี้อู ยอมสละความปลอดภัยของประชาชนเพื่อให้ได้มีการรายงานเรื่องการปฏิบัติตามรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก รัฐบาลท้องถิ่นอี้อู ก็เปิดไฟบางดวง โดยเจ้าหน้าที่สายฮอตไลน์ของรัฐบาลรายหนึ่งกล่าวว่า การปิดไฟนั้น ปิดเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ขณะนี้ได้มีการเปิดไฟเกือบทั้งหมดแล้ว
แต่การจำกัดอื่นๆ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ผู้จัดการร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านช้อปปิ้งของเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ กล่าวว่า เครื่องทำความร้อนนั้นถูกปิดมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว และป้ายโฆษณาที่ต้องใช้ไฟฟ้าก็ถูกปิด รวมถึงบันไดเลื่อนก็ใช้ไม่ได้
พนักงานต้อนรับรายหนึ่งจากโรงพยาบาลกลางอี้อู (Yiwu Central Hospital) กล่าวกับ CNN ว่า มีการปิดเครื่องทำความร้อนในบริเวณส่วนกลาง และเธอก็ต้องใส่เสื้อผ้าให้หนาขึ้นอีกหลายชั้นเพื่อให้อุ่น (https://edition.cnn.com/2020/12/25/business/china-power-shortage-intl-hnk-dst/index.html) นอกจากนี้ เหล่าพนักงานที่ทำงานกับ Weibo ต่างก็บ่นเรื่องทำงานไปหนาวสั่นไปในที่ทำงาน (https://weibo.com/5702292295/JzF5c76hm?type=comment#_rnd1609126378100)
ทางด้านบรรดาร้านค้าและโรงงานของเมืองนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสอยู่แล้วเมื่อช่วงต้นปี ก็ได้รับคำสั่งให้ลด หรือหยุดการผลิตในช่วงเวลาที่มีคำสั่งซื้อทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เมืองอี้อู เป็นเมืองที่จะมีความคึกคัก วุ่นวายมากที่สุดในเดือนธ.ค.ของทุกปี อีกทั้งเมืองนี้ยังเป็นเมืองที่ผลิตซองจดหมายสีแดงสำหรับช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่บรรดาโรงงานและร้านค้า ถูกสั่งให้ทำงานสองวัน และปิดทำการสองวัน จนกว่าจะสิ้นปี เพื่อประหยัดพลังงาน และแน่นอน ผลกระทบต่อธุรกิจนั้นมหาศาล คำสั่งผลิตซองจดหมายสีแดงกำลังมา แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำให้ผลิตได้ทันได้ และจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธคำสั่งซื้อเหล่านั้น
เรียกได้ว่า จีนเป็นประเทศที่ปฏิบัติตามรัฐบาลโดยแท้จริง
เหตุการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นในจีนแล้วในอดีต ในระดับที่ใหญ่กว่า และเกิดขึ้นหลายเดือน นั่นก็คือเมื่อปี 2553 (https://uk.reuters.com/article/china-energy-idAFB9N2A2084) ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่จีนใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ส่งผลให้ไม่ใช่แค่เจ้อเจียง แต่ยังมีอีกหลายสิบมณฑลต้องมีประกาศมาตรการการจำกัดการใช้ไฟฟ้า โดยสื่อรายงานว่า บางแห่งมีการประกาศใช้มาตรการตั้งแต่เดือนก.ค.ในปีนั้น เพื่อจำกัดหรือหยุดการผลิตในโรงงานที่ใช้พลังงานสูง และ งดการใช้เครื่องปรับอากาศในสำนักงาน โรงเรียน (https://www.reuters.com/article/idCNCHINA-3042820100920)
เมื่อเป็นเรื่องของพลังงาน ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ได้ประกาศสงครามกับ “มลภาวะเป็นพิษ” พร้อมนำพาประเทศให้ลดการพึ่งพาถ่านหิน ซึ่งในปี 2562 การใช้พลังงานจากถ่านหิน ยังคิดเป็นเกือบ 60% ของการใช้พลังงานทั้งหมดในจีน และเมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ยังได้ปฏิญาณให้คำมั่นว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Neutral) ภายในปี 2603
แม้จะมีความตั้งใจดี แต่ความพยายามดังกล่าว บางครั้งก็ส่งผลกระทบที่รุนแรงจากการวางแผนที่ไม่ดีและการดำเนินการขั้นรุนแรง
เมื่อปี 2560 มีการรณรงค์ครั้งยิ่งใหญ่เพื่อที่จะเปลี่ยนการจากใช้ถ่านหินทำความร้อนในช่วงฤดูหนาวทางตอนเหนือของจีนมาใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดกว่า แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระงับการใช้ถ่านหินก่อนที่เตาทำความร้อนด้วยก๊าซธรรมชาติจะมีการติดตั้ง หรือการส่งก๊าซธรรมชาติมีความเสถียร ทำให้ประชาชนผู้อยู่อาศัย ชาวบ้าน ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น (https://cn.nytimes.com/china/20180213/china-coal-smog-pollution/dual/)
การปฏิบัติตามของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเคร่งครัดนี้ เป็นเรื่องปกติในจีน เนื่องจากว่าที่จีนไม่มีการเลือกตั้ง และการได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นไปของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ได้รับการประเมินจากผลการทำงาน ซึ่งพุ่งเป้าที่การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพของสังคม และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พวกเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง เจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น จากรัฐบาลกลาง เพื่อให้บรรลุนโยบายที่กำหนดโดยรัฐบาล เช่น มาตรการต่างๆจาก แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี แต่ละฉบับ
การกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี เป็นสิ่งที่ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลประธานาธิบดี เหมา เจ๋อ ตุง เพื่อที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13 นี้ครอบคลุมตั้งแต่ปี 2559-2563
จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13 นี้ มณฑลเจ้อเจียง ถูกกำหนดให้ลดการใช้ปริมาณพลังงานในการผลิตต่อหน่วยของผลผลิตทางเศรษฐกิจลง 17% จากระดับที่ใช้ในปี 2558 และได้รับอนุญาตให้ใช้พลังงานเพื่อการบริโภคเท่ากับ 23.8 ล้านตันจากถ่านหิน ซึ่งเป็นระดับที่มากกว่าระดับที่ใช่ในปี 2558 ให้ใช้ได้จนถึงปี 2563 อย่างไรก็ตาม มีการรายงานว่ามณฑลนี้มีการใช้พลังงานมากเกินไป
ข้อมูลจาก คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนแห่งมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang Provincial Development and Reform Commission) เปิดเผยในปี 2562 ระบุว่า เจ้อเจียงใช้พลังงานไป 97% ของโควต้าพลังงานพิเศษในช่วงสามปีแรกของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13 นี้ และในเดือนต.ค. ที่ผ่านมาทางรัฐบาลกลางได้ส่งคณะมาตรวจสอบมณฑลเจ้อเจียงเพื่อประเมินการใช้พลังงาน โดยคณะดังกล่าวได้ให้เจ้อเจียง “ทำให้ดีที่สุด” เพื่อบรรลุเป้าหมาย (https://mp.weixin.qq.com/s/vt4s-9XTINz20-M1qVc9Vg)
ปัญหาก็คือ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเจ้อเจียง ก็พยายามที่จะบรรลุเป้าหมายอื่นเช่นเดียวกัน เช่น เรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ การจ้างงาน และรายได้ของภาครัฐ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การปิดล็อคเมือง และการหยุดกิจกรรมทางด้านธุรกิจช่วงการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ในช่วงแรก ได้ช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซได้ แต่การเร่งรีบที่จะให้เศรษฐกิจฟื้นตัวนั้น ได้ทำให้การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซล่าช้า เนื่องจาก การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนจากการแพร่ระบาดของไวรัสนั้น ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมหนักที่ใช้พลังงานมหาศาล การกลับมาของการผลิตเหล็ก ทำให้การปล่อยก๊าซของจีนกลับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ลดฮวบไปในช่วงของการปิดล็อคดาวน์
ด้านการผลิตในอี้อู ได้มีการกลับฟื้นตัวอย่างมากหลังจากคำสั่งซื้อมหาศาล แต่ก็อยู่ในช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น เนื่องจากมีการจำกัดการใช้พลังงาน
ผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งช่วงเทศกาลรายหนึ่งกล่าวว่า ปกติแล้วจะทำรายได้ ได้มากกว่า 1 ล้านหยวน หรือ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ปีนี้เป็นปีที่เจออุปสรรคมากมาย และยังไม่ทราบเลยว่าจะมีรายได้ปีนี้เท่าไหร่
ภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา