28 ธ.ค. 2020 เวลา 06:29 • ไลฟ์สไตล์
"แม่.....หนูอยากไปเล่นแบบเพื่อนคนอื่น "
เป็นเสียงร้องงอแงของฉันเมื่อตอนครั้นยังเป็นเด็ก ในขณะที่เพื่อนมาเรียกอยู่หน้าบ้าน
"ไปเล่นกัน " ในขณะที่ฉันกำลังมัดผักกำละบาทช่วยแม่ เพื่อส่งให้แม่ค้าส่งผัก ช่ายค่ะฟังไม่ผิด ผักกำละ1บาท 1บาทถ้วน
ฉันได้แต่ชะเง้อมองเพื่อนๆ ที่กำลังปั่นจักรยานจากไป เพราะฉันคงไปเล่นด้วยไม่ได้ ในความสงสัยของเด็กในตอนนั้น " ทำไมลูกบ้านอื่น เขาไม่ต้องทำงาน"
บ้านของฉันเป็นบ้านไม้ยกสูง แผ่นไม้ไม่ได้ตีครบทุกแผ่น หลังคาสังกะสีเก่าๆ ห้องน้ำอยู่ห่างจากตัวบ้าน ฉันกลับมาจากโรงเรียน หน้าที่ของฉันคืองานบ้านทุกอย่าง ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน กอกน้ำแช่ ก่อไฟหุงข้าว (ข้าวก้นหม้อไหม้ๆอร่อยสุดๆเลยละ) ถ้าใครเคยหุงเตาถ่านจะรู้.....
ฉันไม่เคยมีของเล่นจากห้างสรรพสินค้า ฉันไม่เคยมีบาร์บี้ ฉันไม่เคยมีชุดกระโปรงสวยๆ ของเล่นที่ยังจำได้ของฉัน ฉันมีม้าก้านกล้วยจากตาทำให้ ปืนจากก้านกล้วย ฉันเคยได้ของฝากจากลุงของฉันเป็นต๊กตาหมีตัวใหญ่ ตอนนั้นฉันดีใจมาก ฉันนอนกอดทุกคืน ฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี มันทำให้ฉันชอบนอนกอดตุ๊กตามาจนโต..
ทุกเสาร์อาทิตย์ วันหยุดที่เด็กหลายๆคนชอบ
นั่นไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันไม่เคยได้ดูการ์ตูนมากนัก ฉันต้องตื่นเช้าไปช่วยงานที่ไร่ และไปทำงานกลางแดดร้อนๆ และก็ต้องไม่ลืมซักผ้า(ด้วยมือ)ของทุกคนในบ้าน ไม่มีเครื่องซักผ้า ตอนเด็กๆฉันจึงทำทุกอย่างเองเป็น
ฉันไม่รุ้ด้วยซ้ำว่า ฉันไม่เหมือนเด็กคนอื่นขนาดนี้ ฉันขาดช่วงชีวิตความสนุกในวัยเด็กไปขนาดไหน จนกระทั่งเมื่อฉันโตขึ้นเรียนในระดับม.ปลาย เพื่อนๆของฉันในห้องพูดถึงการ์ตูนในวัยเด็กที่ฮิตกัน "อันนี้สนุกสุดๆ " "เรื่องนี้ตรูตื่นมาดูแต่เช้า" เสียงเพื่อนคุยกันสนุกสนาน
ฉันกลับไม่รู้จักการ์ตูนในวัยเด็กแม้เเต่เรื่องเดียว
" เพื่อนพูดอะไรกันนนนนน"
เรื่องราวในวัยเด็กของฉัน ทำให้ฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองเป็น รู้จักอดทน ขยัน และเติบโตเป็นผู้ใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้....
โฆษณา