29 ธ.ค. 2020 เวลา 04:49 • ความคิดเห็น
Departure
ผมเคยดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง Departure สัปเหร่อคนที่ทำหน้าที่ประจำเตาเผาศพพูดประโยคหนึ่งว่า.... เขามีหน้าที่พาคนตายก้าวข้ามจากประตูของชีวิตมนุษย์ไปสู่อีกที่หนึ่ง สุดท้ายมนุษย์​ทุกคนต้องเดินทางมาถึงจุดนี้ในที่สุด....
ภาพที่เห็นในเย็นวันนี้เป็นภาพของร่างที่ไร้วิญญาณ​ของลูกศิษย์​สาขาการจัดการธุรกิจภายในโลงศพ.... ที่เปลวเพลิงกำลังลุกมอดไหม้
ย้อนไปช่วงเดือนมกราคมของปีนี้ การสอบคัดเลือก​เข้ามหาวิทยาลัยโดยพิจารณา​จาก Portfolio​ หรือที่เรียกกันว่า TCAS1 ดำเนินขึ้น ผมในฐานะกรรมการสอบคัดเลือกถูกมอบหมายให้มาสัมภาษณ์ร่วมกับอาจารย์ในสาขาอีก 4 ท่าน
จำนวนรายชื่อผู้สมัครมีสูงมาก...ห้องที่ผมสัมภาษณ์​กับอาจารย์​อีกท่านใช้เวลากันทั้งวันในการสัมภาษณ์​ มีนักเรียนจากโรงเรียนผดุงราษฎร์​รายหนึ่งเข้ามาสัมภาษณ์​กับผม ดูเหมือนมีความมั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อเจอคำถามที่ผมเช็กทัศนคติและความมั่นใจ... นักเรียนรายนี้เสียความมั่นใจ​ไปเลย เขาเรียนรู้ว่ายังมีจุดอ่อนที่เขาควรปรับปรุงอีกมาก
การระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำให้ชั้นเรียนในภาคเรียนที่ 1 เป็นการสอนแบบออนไลน์ นักเรียนรายนั้นได้กลายมาเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 ในสาขาการจัดการธุรกิจและเรียนเทอมแรกในวิชาที่ผมสอน
นิสิตรายนี้เป็นคนตั้งใจเรียน มักแสดงความเห็นในชั้นเรียนเสมอ ไม่ค่อยขาดเรียน คะแนนแสดงความเห็นในชั้นเต็มเรียบร้อย​ก่อนเพื่อนในกลุ่มเรียนเดียวกัน
ผมเคยถามนิสิตในชั้นเรียนว่า "มนุษย์​เกิดมาเพื่ออะไร?" นิสิตแต่ละคนต่างให้เหตุผลแตกต่างกัน ก่อนที่ผมจะชี้แนะในมุมมองของผมว่า "มนุษย์​เกิดมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาตนเองจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต"
ทุกครั้งที่เรียน... จะให้นิสิตเขียนคีย์เวิร์ด​สรุปใจความสำคัญจากเนื้อหาที่เรียน เมื่อโควิด-19 ไม่ระบาดรุนแรงแล้ว นิสิตทั้งหมดกลับมาเรียนในห้องเรียนตามปกติ ตอนเรียนชั้นเรียนหัวข้อการสื่อสาร ผมหยิบประโยคนี้ขึ้นมาอธิบาย "การพบใครสักคนอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ความรักเป็นเรื่องความตั้งใจของคนสองคน" ดูเหมือนนิสิตรายนั้นจะถูกใจเป็นพิเศษกับประโยคดังกล่าว สะท้อนออกมาจากสีหน้า ส่งเสียงดังในห้องเรียนอย่างพอใจและคีย์เวิร์ด​ที่เขียนส่งในชั้นเรียน
นิสิตรายนั้นมักพูดอยู่บ่อยๆในชั้นว่ายังโสดอยู่แต่ผมไม่เชื่อแบบนั้น...อะไรหลายๆอย่างจากสายตา คำพูด ทำให้เชื่อว่าเขาน่าจะคบกับใครอยู่อย่างเงียบๆ แล้วอยู่ๆก่อนหมดภาคเรียนเขาก็ขาดเรียน สอบถามเพื่อนในชั้นปีเดียวกันว่าเขาผิดหวังในรักและเดินทางไปค้นหาตัวเอง... แต่เขาก็ยังรับผิดชอบมาสอบปลายภาค แม้ว่านิสิตรายนี้จะไม่ได้ A แต่คะแนนโดยรวมอยู่ในเกณฑ์​ B+ ประดับใน Transcript
ภาคเรียนที่ 2 ในวันซ้อมใหญ่ของพิธีพระราชทาน​ปริญญาบัตร​ของมหาวิทยาลัย กลางเดือนธันวาคม อาจารย์​ที่ปรึกษานิสิตชั้นปีที่ 1 แจ้งข่าวนิสิตรายนั้นประสบอุบัติเหตุ​อาการหนัก เลือดคั่ง​ในสมอง จากการขี่มอเตอร์​ไซด์ชนกับอุโมงค์ลอดใต้ถนนอย่างแรงโดยไม่สวมหมวกกันน็อก​
สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือช่วยกระจายข่าวการรับบริจาคเลือดไปยังนิสิตชั้นปีต่างๆรวมทั้งรุ่นพี่สาขาการจัดการธุรกิจหลายรุ่นที่จบไปแล้วเพื่อใช้เตรียมผ่าตัดสมองให้นิสิตรายนั้น.... แต่ตอนญาติส่งข่าวมาแจ้งว่าทีมแพทย์พยายามช่วยสุดความสามารถแต่อาการความดันต่ำ โอกาสเสี่ยงสูงถ้าลงมือผ่าตัด ทางญาติเลยตัดสินใจประคองดูอาการนิสิตรายนี้แทน...ระหว่างที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ... ทุกคนหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์​ แต่สุดท้ายก็ไม่มีจริง ตอนเที่ยงเศษของวันคริสต์มาส​นิสิตรายนั้นก็จากไป.....
งานศพถูกจัดในเวลาสั้นๆเพียงแค่สามคืน มีอาจารย์และเพื่อนๆทะยอย​ไปร่วมงานสวดในแต่ละคืน ผมแจ้งผ่านทางอาจารย์ที่ปรึกษาของนิสิตรายนั้นให้ช่วยแจ้งทางญาติของนิสิตรายนั้นว่าสาขาการจัดการธุรกิจขอเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมให้แก่นิสิตรายนั้นในคืนวันที่ 27 ธันวาคม
คืนที่สาขาวิชาการจัดการธุรกิจเป็นเจ้าภาพ มีโอกาสได้สนทนากับครอบครัวของนิสิตรายนั้นภายในงานศพซึ่งมีเพื่อนชั้นปี 1 มาร่วมงานคืนนั้นด้วย และมีโอกาสเจอนิสิตชั้นปีที่ 2 มาร่วมฟังพระอภิธรรม​ด้วย ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นพี่รหัสแต่นิสิตรายนั้นมาเฉลยว่าเป็นแฟนกับนิสิตผู้เสียชีวิต
เนื่องจากวัดที่จัดงานศพอยู่ในเมืองเขตสนามบินเก่าซึ่งไกลจากมหาวิทยาลัย​ที่ตั้งในเขตหนองอ้อซึ่งห่างออกไปร่วม 14 กิโลเมตร จึงไม่สะดวกสำหรับนิสิตปี 1 จำนวนมากที่ไม่มีรถยนต์​ส่วนตัว พวกนิสิตชั้นปี 1 นัดหมายกันจะมาร่วมงานฌาปนกิจในวันรุ่งขึ้น
วันจันทร์​ที่ 28 ธันวาคม​เวลา 15:00 น. เริ่มพิธีมัตติกาบังสุกุล​ ก่อนจะเคลื่อนโลงศพจากศาลาวนรอบเมรุมาศ​และเชิญไปบนหน้าเตาเผาศพเพื่อทำพิธี แฟนของนิสิตผู้ตายเป็นคนถือรูปนิสิตผู้ตายเดินวนรอบเมรุมาศ​ในมือจับรูปภาพนิสิตผู้ตายไว้แน่น... เหมือนเป็นการสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย​
ทางครอบครัวของนิสิตผู้วายชนม์​ให้เกียรติผมเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจวันนี้ อาจเป็นเพราะผมสัมภาษณ์​นิสิตรายนี้เข้ามาเรียน ผมเคยสอนนิสิตรายนี้ ตอนที่เขาเรียนในชั้นเรียนที่ผมสอนดูเขามีความสุข ผมรู้จักนิสิตรายนี้ดีในระดับหนึ่งจากปฏิสัมพันธ์​ที่ค่อนข้างบ่อยในชั้นเรียน และอาจจะด้วยเหตุผลในฐานะหัวหน้าสาขาวิชาการจัดการธุรกิจ
ประโยคที่มัคทายก​กล่าวไว้อาลัยแก่นิสิตที่เสียชีวิต.... หลายถ้อยคำบีบรัดหัวใจคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ตาย ที่คิดว่าจะควบคุมอารมณ์​ไม่ร้องไห้ในพิธี... เมื่อได้ยินคำกล่าวถึงผู้ตายที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจมาเรียนในสาขาการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร.... อารมณ์สะเทือนใจทำให้น้ำตาผมไหลออกมาเอง
ผมเคยพูดกับนิสิตชั้นปีที่ 1 รุ่นเดียวกับผู้ตายในชั้นเรียนว่า "รุ่นพวกคุณเข้ามา 142 คน รักกันไว้ ในวันที่สำเร็จการศึกษา ถ่ายภาพในชุดครุยพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นบนแสตนด์ถ่ายภาพจะเป็นภาพแห่งความทรงจำและเป็นความประทับใจที่สุดในชีวิตการได้เรียนที่นี่" คำพูดนี้.. สำหรับนิสิตรายนี้ เขาไม่มีโอกาสได้ทำพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว....
ในวัยเพียง 19 ปีเศษ.... โชคชะตา​ได้กำหนดให้เขามีโอกาสได้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้เพียงเท่านี้ เขาเกิดมาและได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เป็นแบบอย่างของนิสิตที่ดีที่มีความรับผิดชอบต่อการเรียน ตั้งใจเรียน เป็นที่รักของเพื่อน ครูอาจารย์และครอบครัว จะเสียดายก็ตรงที่เคยเตือนเขาและเพื่อนในชั้นปี 1 ให้สวมหมวกกันน็อก​ทุกครั้งที่ขี่มอเตอร์ไซค์​ พวกเขาฟังคำเตือนของผมแต่ไม่ใส่ใจจะสวมกันอย่างจริงจัง อุบัติเหตุ​ของเขาจนเสียชีวิตจะเป็นตัวอย่างเตือนสติเพื่อนในชั้นปีเดียวกันได้ไหม? ผมไม่อยากให้เหตุการณ์​แบบนี้เกิดกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก
ทางครอบครัวของผู้ตายให้ผมเป็นประธานในการประชุมเพลิงวางดอกไม้จันทน์​ใต้โลงศพ ก่อนที่แขกคนอื่นทะยอยวางดอกไม้จันทน์​เคารพศพ สิ่งที่ผมสัมผัสได้ลูกศิษย์​รายนี้เป็นคนมีมนุษย์​สัมพันธ์​ดี เขาน่าจะดีใจที่มีคนเป็นจำนวนมากทั้งคนที่เขารักและคนที่รักเขาตั้งใจมาร่วมพิธีอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย
เพื่อนชั้นปีที่ 1 จำนวนหนึ่งเหมารถสองแถวสีม่วงจากหอพักนิสิตภายในมหาวิทยาลัยเพื่อมาร่วมงานฌาปนกิจ บางคนก็ขี่รถจักรยานยนต์​ บางคนก็ขับรถยนต์​ส่วนตัว ตั้งใจมาส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศ​โศกเศร้าเสียใจของคนที่เคยผูกพันกับตัวเขา.... เพราะนี่คือการอำลาจากกัน
คุณอาของลูกศิษย์ที่เสียชีวิตรายนี้มาเชิญให้ผมช่วยทำพิธีโยนดอกไม้จันทน์ที่จุดไฟเพื่อฌาปนกิจจริงในโลงศพที่มีร่างของลูกศิษย์​รายนี้อยู่ข้างใน ถือเป็นเกียรติที่ทางครอบครัวให้ความสำคัญแก่ผมในการเป็นคนสุดท้ายที่ได้อำลาเขาและเป็นคนส่งเขาเดินทางไปสู่อีกภพภูมิ
ดอกไม้จันทน์​ที่แขกมาร่วมงานวางเคารพศพกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟที่ลุกอยู่ภายในโลงศพแรงขึ้น.... ก่อนสัปเหร่อจะปิดประตูเตาเผาและเร่งความแรงของไฟโดยใช้เตาไฟฟ้าในการเผาร่างที่ไร้วิญญาณ
ภายหลังจากลูกศิษย์รายนี้ตายแล้วเขาจะไปไหนต่อ? ผมหาคำตอบไม่ได้
มีสุภาษิตญี่ปุ่นกล่าวไว้ว่า 一期一会 หมายถึง การพบใครซักคน เราไม่รู้ว่าจะพบเขาอีกเมื่อไหร่ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขาแม้จะสั้นแค่ไหน เราทำสิ่งดีงามระหว่างกันไว้ เมื่อจากกันความดีงามเหล่านั้นยังคงระลึกถึงอยู่ตลอดไป
กรรมได้จัดสรรให้ผู้คนมาเกี่ยวข้องกับลูกศิษย์​รายนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะสั้นมาก และกรรมได้กำหนดให้เขาจากลาพวกเราไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่เรื่องดีงามและความประทับใจในตัวเขายังคงอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป
ขอให้ดวงวิญญาณ​ของคุณไปสู่ภพภูมิที่ดี 🙏
โฆษณา