29 ธ.ค. 2020 เวลา 02:31 • ธุรกิจ
#ถอดรหัสรวยด้วยคาร์แคร์
Ep11. ร้านคาร์แคร์ต้องทำการตลาดด้วยเหรอ?
.
การตลาดเป็นเรื่องที่คนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนมาทางนี้ ก็อาจจะสับสนได้ระหว่าง การตลาด กับ การขาย ความจริงเป็นคนละเรื่องเดียวกัน การตลาดสนับสนุนการขาย
.
การตลาดกับการขายจึงไม่เหมือนกัน วิธีคิด วิธีทำต่างกัน ผู้เขียนจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ที่คนทั่วไปไม่เคยเรียนการตลาด ให้นึกภาพตัวอย่าง ดังนี้
.
การตลาด ให้นึกถึง ตลาดสด เป็นแหล่งรวมคนขายและคนซื้อ แต่จะซื้อจะขายกันได้หรือไม่นั้นเป็นเรื่องของการขาย นึกภาพตามนะครับ มีคนขายหลายราย มีสินค้าเหมือนกันและสินค้าต่างกัน
.
มีคนซื้อจำนวนมาก ๆ อยู่ในตลาด ดังนั้น การตลาดจึงทำหน้าที่สร้างการรับรู้ด้วยเครื่องมือทางการตลาดหลายช่องทางไปยังคนซื้อ
.
เรื่องการขาย ให้นึกภาพว่ามีคนจะซื้อและมีคนจะขาย ต้องมีการนำเสนอสินค้าและบริการ มีการเจรจาต่อรองราคา เงื่อนไข และปิดการขาย ชำระเงินและส่งมอบสินค้า
.
ในบทความตอนนี้ผู้เขียนจะเล่าเฉพาะเรื่องการตลาดคาร์แคร์ก่อน ส่วนการขายบริการคาร์แคร์ ต้องติดตามบทความตอนต่อไปครับ
.
การตลาดคาร์แคร์ ที่ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังจากมุมมองและประสบการณ์ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจให้ชัดว่า ร้านคาร์แคร์เป็นธุรกิจบริการประจำท้องถิ่น
.
การทำการตลาดก็ต้องทำการตลาดแบบท้องถิ่น (Local Marketing) ที่บอกว่าร้านคาร์แคร์เป็นธุรกิจบริการประจำท้องถิ่น ผู้เขียนขอให้นึกภาพตามนะครับ
.
ร้านคาร์แคร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ เช่น หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด เป็นต้น ลูกค้าประจำที่มาใช้บริการจะเป็นคนในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ใกล้ร้านคาร์แคร์รัศมีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
.
และลูกค้าขาจรผ่านมาใช้บริการก็มีบ้างเล็กน้อย ฉะนั้น การทำการตลาดจึงทำเฉพาะพื้นที่ที่ร้านคาร์แคร์ตั้งอยู่ ไม่ใช่ทำไปทั่วทั้งประเทศไทย
.
เมื่อเข้าใจการตลาดท้องถิ่นแล้ว ก็มาคิดต่อว่าจะทำการตลาดอย่างไรให้ลูกค้ารับรู้ว่ามีร้านคาร์แคร์ของเราอยู่ตรงนี้นะ ชื่อร้านอะไร มีบริการอะไรบ้าง ภาพลักษณ์ของร้านน่าเชื่อถือพอที่จะกระตุ้นให้ลูกค้ามาใช้บริการ
.
เมื่อพูดถึงการตลาดก็ต้องมีการแข่งขัน เพราะไม่ใช่ว่าจะมีร้านคาร์แคร์ของเราร้านเดียวในพื้นที่ คู่แข่งเป็นอย่างไร “ต้องรู้เขา และรู้เรา” เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการแข่งขัน
.
เรื่องการตลาด ผู้เขียนจะพูดเฉพาะที่สำคัญเกี่ยวกับการตลาดคาร์แคร์ และเชื่อว่าผู้อ่านสามารถไปคิดต่อได้ โดยนำแนวทางการตลาดไปประยุกต์ใช้ได้ให้เหมาะสมกับการตลาดในพื้นที่ของตัวเองได้
.
ผู้เขียนจะใช้หลักการตลาดซึ่งเป็นหลักง่าย ๆ เพื่อความเข้าใจแบบชาวบ้านเข้าถึงและทำได้ ดังนี้
.
1.การตั้งราคา การพิจารณาตั้งราคาค่าบริการ เรื่องที่ต้องทำอันดับแรกคือ การสำรวจราคาคู่แข่งขันในพื้นที่และเลือกร้านคาร์แคร์คู่แข่งที่มาตรฐานใกล้เคียงกับร้านเรา
.
โดยตั้งราคาให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน +- ได้นิดหน่อยได้ เผื่อทำโปรโมชั่น ง่าย ๆ อย่างนี้แหละครับ ไม่ต้องแข่งขันเป็นสงครามราคาแล้วพากันเจ๊ง!
.
ร้านคาร์แคร์จะมีมาตรฐานไม่เท่ากัน เพราะมีต้นทุนไม่เท่ากัน ควรตั้งราคาต่างกันอย่างสมเหตุสมผลให้ลูกค้าเป็นผู้เลือกใช้บริการตามความพึงพอใจ พูดตรง ๆ ก็คือ “ต้องแข่งขันกันด้านมาตรฐานการบริการ”
.
2.กำหนดเมนูบริการ พิจารณาจากความรู้ที่เราและพนักงานได้ไปอบรมมา ทักษะฝีมือที่ฝึกฝน และความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ที่ร้านคาร์แคร์ตั้งอยู่ ที่แน่ ๆ เมนูล้างสีดูดฝุ่น เป็นพื้นฐานต้องมี
.
ส่วนงานขัดและเคลือบ งานซักเบาะ ซักพรม งานเคลือบแก้ว ต้องพิจารณาให้เหมาะสมในพื้นที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบไหน เป็นกลุ่มคนรักรถ หรือกลุ่มคนใช้รถ สัดส่วนไหนมากกว่ากัน
.
3.ช่องทางการสื่อสารการตลาด พิจารณาจากเจ้าของร้านคาร์แคร์ว่ามีความถนัดแบบออนไลน์ หรือแบบออฟไลน์ หรือว่าถนัดทั้งสองแบบ เพื่อเป็นการสร้างรับรู้ไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
.
สื่อสารให้ชัดว่าร้านคาร์แคร์ของเรา มีชื่อร้านอะไร มีบริการอะไรบ้าง พิกัดอยู่ตรงไหน ภาพลักษณ์ของร้านเป็นระดับไหนแบบมาตรฐาน หรือแบบธรรมดา ลูกค้าจะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าจะมาใช้บริการหรือไม่
.
หากถนัดแบบออนไลน์ เครื่องมือที่ใช้ได้ เช่น Facebook, Line, Instagram, TikKok, You tube เป็นต้น เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ต้องใช้ทั้งหมดนะครับ
.
การทำการตลาดแบบออนไลน์ก็ต้องขยันถ่ายรูปผลงาน หรือถ่ายวีดีโอผลงาน เขียนคอนเทนต์ เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อการโพสต์ประมาณ 3 โพสต์ต่อวัน ผู้เขียนแนะนำให้ใช้แชร์ลิ้งค์ไปที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ แทนการบูทเพจเพราะเสียเงินครับ
.
หากถนัดออฟไลน์ เครื่องมือที่ใช้ได้ เช่น รถแห่กระจายเสียง, ใบปลิว, ป้ายโฆษณา เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องมือแบบเก่า ๆ ที่มีต้นทุนสูง แต่ใช้แค่ระยะสั้นของการสร้างการรับรู้ไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
.
โดยส่วนตัวผู้เขียนขอแนะนำให้ใช้เครื่องมือออนไลน์ดีกว่าครับ เพราะต้นทุนต่ำกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า และทันยุคทันสมัย
.
4.การส่งเสริมการขาย วิธีที่เราคุ้นเคย เช่น ลดราคา ขายเป็น Set การแถมพิเศษ เป็นต้น การพิจารณากำหนดแผนส่งเสริมการขายเพื่อการกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เช่น
.
4.1 การลดราคา ค่าบริการจากเมนูปกติในแต่ละช่วงเวลาพิเศษ และช่วงเทศกาล ประมาณ 30-50 %
.
4.2 การขายแบบ Set ซึ่งราคาจะถูกกว่าราคาปกติ 30-50% เป็นต้น
.
4.3 การแถมพิเศษ เช่น ล้างสีดูดฝุ่น แถมเคลือบ หรือ อบโอโซน เป็นต้น
การตลาดขั้นพื้นฐานที่เล่าให้ฟัง เจ้าของร้านไปคิดต่อยอดได้ครับ
.
แต่ที่สำคัญในงานบริการของร้านคาร์แคร์ คือ การรักษามาตรฐานของร้านคาร์แคร์ อย่าลดมาตรฐานตัวเองเป็นอันขาด เพราะร้านคาร์แคร์จะเสียลูกค้าทันทีและลูกค้าที่เหลือจะค่อยๆ หายไปใช้บริการร้านคาร์แคร์อื่นที่มีมาตรฐานที่ดีกว่า
.
ฟังให้ดีนะครับ “รถทุกคันบนถนนไม่ใช่ลูกค้าของร้านเราทุกคัน” กลุ่มคนรักรถจะเลือกเข้าร้านคาร์แคร์ที่มีมาตรฐานและยอมจ่ายในราคาที่สูง ส่วนกลุ่มคนใช้รถจะเข้าร้านคาร์แคร์ที่ราคาประหยัดหรือถูก ๆ
.
แม้จะมีสถานการณ์ covid-19 ร้านคาร์แคร์ที่มีมาตรฐานก็ยังอยู่ได้ แม้จะมีจำนวนรถลดลงบ้าง เพราะลูกค้าไม่กล้าออกจากบ้าน เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายแล้ว ร้านคาร์แคร์มาตรฐานก็มีลูกค้ากลับแน่นเหมือนเดิม
.
ร้านคาร์แคร์กลัวฤดูฝนที่สุด แต่ความกลัวไม่ได้ช่วยให้ร้านเกิดรายได้ ร้านคาร์แคร์ที่มีมาตรฐานยังไงลูกค้าประจำก็มาครับ แต่จะมีอะไรกระตุ้นให้ลูกค้าออกจากบ้านแม้ว่าท้องฟ้ามีเมฆมาก เหมือนฝนทำท่าจะตก
.
ร้านคาร์แคร์ที่มีมาตรฐาน มีลูกค้าประจำมาก โปรดรักษาลูกค้าประจำ โปรดรักษามาตรฐานของร้าน ไม่ว่าวิกฤตอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมเชื่อว่าเรารับมือได้ อยู่ได้ อยู่เป็นครับ
.
(โปรดติดตามต่อนต่อไปครับ)
ผู้เขียน: กฤตภาส ธำรงราชภัฏ
2
โฆษณา