Blockdit Logo (Mobile)
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
30 ธ.ค. 2020 เวลา 02:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ไกรสร จันศิริ จากเด็กชงน้ำชา สู่ผู้ก่อตั้ง Thai Union
2
“วิกฤติที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ผลักดันให้กิจการของผมเจริญเติบโตยิ่งขึ้น”
คำพูดของคุณไกรสร จันศิริ ชายผู้ก่อตั้ง ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
ผู้ผลิตและส่งออกปลาทูน่ากระป๋อง และอาหารทะเลแปรรูปรายใหญ่ของโลก
จากอดีต เด็กชงน้ำชาที่มีต้นทุนชีวิตไม่สูง
เขาสามารถสร้างบริษัท ที่มีรายได้หลักแสนล้านบาท ได้อย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณไกรสร จันศิริ ผู้ก่อตั้งไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เกิดในปี 2478
ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง
จึงทำให้เขาต้องทำงานและเรียนไปด้วยตั้งแต่เด็ก
โดยเริ่มตั้งแต่เป็นเด็กชงน้ำชา เด็กส่งจดหมาย ไปจนถึงรับส่งสินค้า
เมื่ออายุประมาณ 16-17 ปี คุณไกรสร ต้องหยุดเรียน
แล้วออกมาทำงานเต็มตัวเพื่อหารายได้ช่วยครอบครัวอย่างเต็มที่
จนถึงอายุประมาณ 30 ปี คุณไกรสรมีเงินเก็บประมาณ 10,000 บาท ซึ่งถือว่ามากพอสมควรในตอนนั้น และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนทำธุรกิจนำเข้าสีพ่นรถยนต์ น้ำยาขัดเงารถยนต์ รวมไปถึงทำธุรกิจขายผ้าที่สำเพ็งร่วมกับเพื่อน
1
ปี 2520 เมื่ออายุได้ประมาณ 42 ปี คุณไกรสร ก็เริ่มมาจับธุรกิจทูน่ากระป๋อง
และก่อตั้งบริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแปรรูป และส่งออกทูน่ากระป๋อง
โดยมีพนักงานในช่วงเริ่มต้นเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น
2
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ที่ต่อมาได้กลายมาเป็น “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ซึ่งเป็นบริษัทที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า และอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกได้อย่างทุกวันนี้
Cr. Thai Union
คุณไกรสร บอกว่า นับจากวันนั้นถึงวันนี้
ตัวเขาและไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ผ่านวิกฤติการเงินครั้งใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง
ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง แม้จะสร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจบ้าง
แต่กลับกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญ
ที่ช่วยให้ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มีโอกาสขยายกิจการ ผ่านการเข้าซื้อกิจการต่างๆ
วิกฤติครั้งแรก คือ ปี 2540 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในไทย
ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างหนัก หลายบริษัทประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและหนี้สินเพิ่มขึ้นภายในชั่วข้ามคืน
แต่สำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจส่งออกอย่างไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป นี่กลับเป็น “โอกาสทอง”
เนื่องจากการอ่อนค่าลงอย่างรุนแรงของเงินบาท
ทำให้สินค้าส่งออกมีราคาถูกลงอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
และทำให้รายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
กำไรของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ที่เพิ่มขึ้น
ทำให้คุณไกรสร มีเงินทุนเพียงพอในการเข้าไปซื้อกิจการในต่างประเทศ
1
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “Chicken of the Sea International”
ผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
Cr. Chicken of the Sea
วิกฤติครั้งที่ 2 คือ วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ในปี 2551
ที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาจนลุกลามไปที่ยุโรป
สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจทั้ง 2 ภูมิภาคดังกล่าวอย่างมาก
หลายบริษัทในยุโรปประกาศขายกิจการ
รวมทั้งบริษัทปลาทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่ชื่อว่า “MWB”
จึงเป็นโอกาสให้คุณไกรสร ตัดสินใจเข้าไปซื้อกิจการบริษัทแห่งนี้
1
เรียกได้ว่า ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เป็นนักชอปตัวยง ในช่วงวิกฤติเลยก็ว่าได้..
ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป คือบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง และอาหารทะเลกระป๋องชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก
โดยที่รายได้ของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มาจาก
- ต่างประเทศ 88%
- ในประเทศไทย 12%
3
และถ้าแยกตามกลุ่มสินค้าจะมาจาก
- อาหารทะเลแช่แข็ง 45%
- ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป 40%
- ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และอื่นๆ อีก 15%
ผลประกอบการของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ปี 2561 รายได้ 136,724 ล้านบาท กำไร 3,256 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 129,186 ล้านบาท กำไร 3,816 ล้านบาท
วันนี้ คุณไกรสร ได้มอบหมายหน้าที่การบริหาร ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ให้กับลูกชาย
คือ คุณธีรพงศ์ จันศิริ ได้เข้ามาทำหน้าที่ดูแลกิจการของบริษัทต่อจากเขา
ในวันนี้ คุณไกรสร ก็เป็นอีกตัวอย่างของนักธุรกิจไทย ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกเลยก็ว่าได้
2
ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้เริ่มต้นจากการมีต้นทุนชีวิตที่สูงมาตั้งแต่แรก
แต่ด้วยความขยันและอดทน คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เขามีวันนี้ได้ นั่นเอง..
1
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า นอกจาก ตระกูลจันศิริ จะเป็นเจ้าของธุรกิจแปรรูปอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกแล้ว ตระกูลนี้ยังเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในอังกฤษอีกด้วย
เนื่องจากในปี 2015 คุณเดชพล จันศิริ ลูกชายของคุณไกรสร จันศิริ ได้ซื้อหุ้นสโมสรฟุตบอลเชฟฟีลด์เวนส์เดย์ ซึ่งอยู่ในลีกแชมเปียนชิปของอังกฤษ ด้วยมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท..
Cr. พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
โฆษณา